21 เม.ย. 2023 เวลา 17:12 • หนังสือ

Ch20: เพอร์ซี่ วิสลี่ย์

แกะดำของครอบครัววิสลี่ย์
วันนี้เราจะมาคุยกันเกี่ยวกับแกะดำของครอบครัวอย่างเพอร์ซี่ที่ผมพบว่ามีคนอ่านจำนวนมากเกลียดเขา ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจนะว่าเพอร์ซี่เลวระยำขนาดนั้นเลยเหรอเลยต้องกลับไปอ่านดูอีกที แล้วบทนี้จะเป็นการปิดเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัววิสลี่ย์ครับ เพราะบิลล์และชาลีมีบทมากกว่าต้นไม้นิดเดียวจึงไม่เหมาะที่จะทำบทวิเคราะห์แยกและขอรวบรวมไว้เป็นสกู๊ปเล็กๆ แทรกไว้ใน e-book แทน และอาจมีการพูดถึงเพิ่มในเรื่องราวของคนอื่นๆ ด้วย
สิ่งที่ผมได้จากการกลับไปอ่านหนังสือคือนอกจากมอลลี่แล้วดูเหมือนจะไม่มีใครชอบเพอร์ซี่ พวกฝาแฝดล้อเลียนเขาตลอดเวลาและทำเหมือนเขาเป็นคนงี่เง่า รอนก็เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบพี่ชายคนนี้โดยดูจากท่าทางของเขาตอนช่วยแฮร์รี่หาข้อมูลเกี่ยวกับ TomCat Riddle โดยตั้งข้อสังเกตถึงความเหมือนกันของทอมและเพอร์ซี่--จากอะไร? จากรางวัลมากมายเกี่ยวกับการเป็นนักเรียนที่ดีที่ทอมได้รับ?
เพอร์ซี่เปิดตัวครั้งแรกด้วยการเป็นได้รับเลือกให้เป็นพรีเฟ็ค จากบทสนทนาที่คิงครอสเรารู้ว่าเพอร์ซี่พูดถึงมันตลอดฤดูร้อน บวกกับความเห็นของรอนในเล่ม(พร้อมแสดงความรังเกียจ)เกี่ยวกับรางวัลมากมายและคิดว่าทอมแคทเหมือนเพอร์ซี่ มันทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องทำงานหนักเพื่อมันจนมีถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรมากมาย ฉะนั้นบุคลิกภาพของเขาจะเป็นคนเจ้าระเบียบ เข้มงวด กฎคือกฎ ไม่พูดเล่น น้องๆ ที่เป็นลิงทะโมนอย่างรอนและฝาแฝดจะไม่ชอบก็ไม่แปลก
ผมยังจับสิ่งสำคัญเพิ่มได้อีกอย่างนั่นคือเพอร์ซี่อธิบายเกี่ยวกับสเนปเป็นกลางและไม่มีคำเตือนเชิงลบซึ่งแปลกมากเพราะนิยาย 7 เล่มวางมาให้สเนปเป็นตัวละครน่ารังเกียจที่ใครๆ ก็ยี้ (คนออทิสติกบางคนมีทักษะทางสังคมต่ำมาก คนอื่นที่ไม่รู้ว่าเขามีความผิดปกติจึงมักมองในแง่ลบ) ตามหลักเขาควรถูกพูดถึงในทางที่รุนแรงกว่านี้รึเปล่า แต่ทั้งหมดที่เขาพูดคือ "ครูชื่อ... สอนวิชา... แต่ไม่ค่อยอยากสอน เพราะชอบอีกวิชามากกว่า"
ทั้งที่ตามหลัก อย่างน้อยที่สุดก็ควรเตือนคนอ่านประมาณว่า "อย่าซ่ากับครูคนนี้ แกเฮี้ยบมาก" แต่นี่ไม่ใช่ มีคนบอกว่าเพราะเพอร์ซี่เป็นพวกเชื่อมั่นในผู้มีอำนาจเหมือนที่เฮอร์ไมโอนี่เป็น แต่เราคงไม่ลืมว่าเฮอร์ไมโอนี่ใจร้ายกับทรีลอนี่ย์และรังเกียจอัมบริดจ์มาก ดังนั้นมันจึงง่ายที่ผมจะพาผู้อ่านกระโดดไปสู่ข้อสรุปที่ว่าเพอร์ซี่น่าจะเป็นหนึ่งในนักเรียนคนโปรดของสเนปเช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่แม่ยอดยาหยีของผม
อ้อ! ใช่! อ่านไม่ผิดครับ เฮอร์ไมโอนี่เป็นนักเรียนคนโปรดของสเนป! สิ่งนี้ถูกเปิดเผยในภาคเด็กต้องสาปเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างภาคภูมิใจกับสเนปว่า "คุณรู้ดีว่าฉันเป็นนักเรียนที่ดีที่สุด" ซึ่งในความหมายเชิงบริบทของฝรั่งก็คือ "ฉันรู้เสมอว่าฉันเป็นนักเรียนคนโปรดของคุณ" นับเป็นอีกครั้งที่ JK Rowling เผยให้เราเห็นว่าหนังสือไม่ใช่มุมมองกลาง แฮร์รี่ไม่ชอบสเนปจึงไม่สังเกตเห็นว่าสเนปโปรดเฮอร์ไมโอนี่ขนาดไหน ซึ่งผมจะยกไปพูดถึงตอนหน้า
กลับมาที่เรื่องของเพอร์ซี่ดีกว่า รอนเคยบอกเราผ่านการคุยกับแฮร์รี่ว่าเพอร์ซี่นั้นทะเยอทะยานและอยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ นั่นอาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งเล็กๆ หลายสิ่งที่ทำให้แฟนๆ ที่เป็นเมนพวกวิสลี่ย์เกลียดเพอร์ซี่ผู้ไม่นิยมแนวทาง "เขาเพียงเรามีความรักต่อกันเงินก็ไม่มีความหมาย" ซึ่งผู้เขียนก็จะตอบกลับว่า "งั้นก็โอนมาให้กู" ว่าไปนั่น (ฮา) แต่ผมอยากให้เรามองโลกในมุมของเพอร์ซี่
สิ่งที่เพอร์ซี่เห็นก็คือพ่อไม่ได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมงานเลย ดังนั้นมันต้องมีปัญหาบางอย่าง
JK Rowling เองไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบและมีข้อบกพร่องมากมายเช่นเดียวกับเรา แต่เธอไม่ได้โง่ขนาดจะไม่รู้ว่าหากมีคนซื่อสัตย์ท่ามกลางคนตอหลบตอแหลจะเป็นอย่างไร เรารู้แล้วว่าครอบครัววิสลี่ย์ไม่ได้เลิศเลอขนาดนั้น และเพอร์ซี่ก็เหมือนเข็มทิศแห่งศีลธรรมของครอบครัว เช่นเดียวกับที่ลูปินเป็นจิตสำนึกแห่งศีลธรรมของตัวกวน ต่างแต่ว่าขณะที่ลูปินไร้กระดูกสันหลัง เพอร์ซี่กล้ายืนหยัด
เพอร์ซี่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายมืดและไม่ได้เหยียดมักเกิ้ล แต่เขาก็มีจิตสำนึกพอที่จะรู้ดีว่าพ่อไม่เจริญก้าวหน้าเพราะขาดความซื่อสัตย์ เขาจึงไม่เห็นด้วยที่จะหลับหูหลับตาอยู่ในสภาพนี้ไปเรื่อยๆ คือคนเราเกิดมาจนต้องเป็นคนจนตลอดหรือไม่? การที่ครอบครัวเราไม่มีอนาคตที่ดีหมายความว่าเราก็ต้องตกต่ำเหมือนพ่อแม่ของเราเหรอ? ดังนั้นความทะเยอทะยานของเพอร์ซี่ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ควรเป็นปัญหาใช่หรือไม่??
การจะยกระดับชีวิตมันต้องเริ่มตั้งแต่แรก ไม่ใช่ฆ่าคนมาเป็นหมื่นเป็นแสนพอบวชปั๊บเป็นคนดีโลด เพอร์ซี่ก็แค่ทำสิ่งดีๆ ให้เป็นชีวิตประจำวัน แต่เขาดูไม่ดีเพราะเราถูกบิ้วให้ชอบฝาแฝดที่เป็นขั้วตรงข้าม--ไปเที่ยวอิยิปต์อยู่ดีๆ ก็แกล้งขังพี่ไว้ในปิรามิด (ไอ้หอก) เพราะงั้นอะไรที่ฝาแฝดไม่ชอบมันดูไม่ดีเลย แถมเล่ม 5 เป็นเล่มหวยล๊อค--ไม่มีทางที่ดัมเบิลดอร์จะเป็นฝ่ายผิดเพราะมีแฮร์รี่เป็นกองหุน เพอร์ซี่ที่พยายามต่อต้านความไม่ถูกต้องแต่ดันอยู่ผิดฝั่งเลยเป็นจำเลยของสังคม
โดยการนี้ผมอยากให้เราทบทวนเรื่องราวที่ทำให้คนเกลียดเพอร์ซี่กัน ซึ่งก็คือเล่ม 5 นี่แหละ เล่มนี้เรามีตัวละครคนดีชอบแก้ไขอย่างเพอร์ซี่ที่รู้ดีว่าพ่อเป็นคนไม่ซื่อสัตย์และตัดสินใจอยู่ฝ่ายกระทรวงเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง มีคนจัญไรชอบแก้ตัวอย่างฟัดจ์ที่สะกดจิตตัวเองอย่างต่อเนื่องแล้วโยนความผิดไปให้คนอื่น และอีกคนคือคนชั่วชอบทำลายอย่างอัมบริดจ์ที่ได้ใจผมนักแลเพราะทำให้หนังสือสนุกขึ้นเยอะหลังจากปวดหัวกับพฤติกรรมของแฮร์รี่มาตลอดทั้งเล่ม
เล่ม 5 เป็นเล่มที่โวลเดอร์กลับมาแล้วแต่มีกระทรวงกับปฏิเสธที่จะเชื่อ ทำให้แฮร์รี่และดัมเบิลดอร์เสียชื่อเสียง เนื่องจากเราตอนนั้นยังไม่รู้ลึกตื้นหนาบางของเฒ่าสองดอร์ชุดม่วง ตอนนั้นใครที่เป็นศัตรูกับสองคนนี้เราคงโกรธหมดแหละ (แหม... สงสัยผมจะเป็นคนเดียวที่อ่านเล่นนี้แล้วสะใจเวลาแฮร์รี่เดือดร้อน รำคาญมาหลายหน้าแล้ว) แล้วไหนจะคำพูดของพวกรอนและฝาแฝดที่ว่าเพอร์ซี่ทะเลาะกับพ่อแม่ยังไง
เรียกพ่อว่า idiot แรงแต่ไม่แย่ขนาดนั้นถ้าเทียบกับทุกวันนี้ไปไกลกว่าเพอร์ซี่มาก
แน่นอนว่าจากคำบอกเล่ามันดูเลวร้ายจริงๆ แต่ประเด็นคือเขาบอกว่าพ่อไม่ควรให้ปู่สองดอร์ซึ่งจริงๆ มีดอร์เดียวมามีอิทธิพลต่อชีวิตมากเกินไป (อย่างไปเป็นเครื่องมือของเขา) คือถอยได้ก็ถอยนั่นแหละ พูดง่ายๆ คือเพอร์ซี่ไม่ต้องการให้ครอบครัวเข้าไปยุ่งกับปัญหาที่ตนสามารถเลือกที่จะหลีกเลี่ยงได้ "อารมณ์แบบแนะนำว่าเวลาพวกเสื้อแดงเสื้อเหลืองชุมนุมไม่ต้องไปร่วมกับเขา นั่งเชียร์ที่บ้านก็พอ" นั่นแหละ
และเช่นกัน เขาเขียนจดหมายมาหารอนเพื่อแสดงความยินดีที่เขาได้เป็นพรีเฟ็ค แสดงว่าเขาไม่ได้โกรธเกลียดน้องชายแม้ว่าน้องจะโกรธเขามากและเขาก็พูดแบบเดียวกันกับที่พูดกับพ่อนั่นคือแฮร์รี่กำลังมีปัญหา อย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งมากเกินไป ถ้าเราเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับแฮร์รี่ เราก็จะไม่รู้สึกว่าแฮร์รี่ถูกหักหลังโดยเพอร์ซี่และคำพูดของเพอร์ซี่ก็เป็นแค่คำพูดกลางๆ ที่ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น อย่างไรก็ตามมันยังมีอีกประเด็นนั่นก็คือคำบอกเล่าของเฟร็ดกับจอร์จ
"ไม่มีโน๊ต ไม่มีคำถามเกี่ยวกับพ่อ" ดังนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าทำไมเพอร์ซี่ส่งเสื้อกันหนาวคืนครับ มอลลี่คงบอกให้เพอร์ซี่ขอโทษพ่อแน่ๆ
จากข้อความการกระทำของเพอร์ซี่ดูใจร้ายจริงๆ แต่เราอาจจะต้องพิจารณาอีกหน่อยคือ เราไม่รู้ว่าจดหมายของมอลลี่ที่ส่งไปหาเพอร์ซี่มีใจความว่ายังไง แต่เรารู้ว่าเวลาเธอโกรธเธอมีวิธีพูดหรือเขียนจดหมายอย่างไร มอลลี่อาจจะเป็นแม่ที่อบอุ่น เธอพร้อมอ่อนลงและแก้ไขเมื่อผิดพลาด แต่! เมื่อเธอยืนหยัดในทางที่เธอเชื่อเธอกระด้างจริงๆ ดังนั้นเราสามารถคาดการได้ว่าจดหมายที่แนบไปพร้อมกับเสื้อกันหนาววันคริสมาสไม่น่าจะน่ารัก เรารู้ว่ารอนทำยังไงกับจดหมายของเพอร์ซี่
ความรู้สึกของเพอร์ซี่คงเหมือนกับว่าเขาถูกตัดขาดจากการเป็นคนในครอบครัว จดหมายของแม่และของขวัญวันคริสมาสต์มีความหมายอะไรถ้าให้กันแบบไม่เต็มใจ? จริงๆ ก็เต็มใจแหละ แต่สถานการณ์มันพาให้เพอร์ซี่คิดแบบนั้น มันจึงช่วยไม่ได้ที่เพอร์ซี่จะตัดสินใจแสดงจุดยืนด้วยการส่งคืน
ดัมเบิลดอร์พูดถูกที่ว่า "บางครั้งการยอมรับว่าตัวเองผิดก็ง่ายกว่าการยอมรับว่าคนอื่นถูก" เพราะเพอร์ซี่เองก็ยอมรับอย่างสมบูรณ์ว่าเขาเป็นฝ่ายผิดในเล่ม 6 แต่การยอมรับว่าพ่อทำถูกนั้นยาก ผมอยากให้เราลองมองในมุมของเพอร์ซี่ที่ตลอดชีวิตพ่อที่เพอร์ซี่รู้จักคือพนักงานรัฐหน้าซื่อที่แอบตอแหลนั้นคราวนี้เป็นฝ่ายทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเราก็คงจะแบบ "เดี๋ยวนะ! มันใช่จริงๆ เหรอ!!?"
แถมเพอร์ซี่เองก็คงตั้งข้อสังเกตมานานแล้วเช่นกันดัมเบิลดอร์ที่ฉากหน้าเป็นชายชราที่น่านับถือและมีจิตใจเที่ยงธรรมนั้นแท้จริงโคตรเอียง เพราะถ้าเขาเทิดทูลดัมเบิลดอร์ประหนึ่งว่าดวงอาทิตย์สาดแสงขึ้นจากร่องตูดของแก เขาคงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจต่อดัมเบิลดอร์มาแต่แรกและคงเลือกยืนถูกข้างแหละ เพราะงั้นหากมองในมุมของเพอร์ซี่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าดัมเบิลดอร์กับอาเธอร์เหมือนภาพการรวมตัวของคนจัญไรสองคน
ดังนั้นนับตั้งแต่มีการประกาศการกลับมาของโวลเดอร์มอร์อย่างเป็นทางการ เพอร์ซี่น่าจะนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายตลบ คิดจนปวดหัวว่าเรื่องเชี่ยนี่มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอ???
ผมจึงไม่มีปัญหาที่จะพูดว่าหากมองตามหลักการเพอร์ซี่ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงจนถึงขนาดต้องเป็นคนที่ถูกเกลียด เขามีเจตนาที่ดี มีคุณธรรมที่ดี มีความรับผิดชอบสูงและจิตสำนึกที่น่ายกย่อง แล้วเป็นคนเพียงไม่กี่คนในนิยายเรื่องนี้ที่ทำดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้อคติหรือกลับผิดเป็นถูก--ถ้าเป็นฝ่ายตัวเองทำอะไรก็ถูกไปหมด อะไรแบบนั้น เพียงแต่เขาอายุยังน้อย ไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะเข้าใจโลกอย่างที่ควรจะเป็น
บางครั้งเราในสมัยเด็กก็แบบนี้ เราผ่านปัญหานี้ไปเราคิดว่าเราเจอเรื่องที่หนักที่สุดแล้ว แต่จริงๆ ยังมีเรื่องที่หนักหนากว่านี้อีกมาก บางครั้งเราคิดว่าเรารู้ทุกอย่าง เราเก่งเรื่องนี้ แต่แล้วโลกกลับหัวกลับหางเพื่อเราพบว่ามีคนเก่งกว่าเรา ดีกว่าเรา รู้มากกว่าเรา แต่การที่เราทำผิดพลาดหรือมีความเข้าใจที่ผิดพลาดมันหมายความว่าเราเป็นคนเลวที่ต้องถูกเกลียดหรือถูกตำหนิหรือไม่ ดังนั้นการเกลียดหรือตำหนิเพอร์ซี่สำหรับความเข้าใจที่ผิดก็ไม่ยุติธรรมเช่นกัน
ในทางกลับกัน เราควรยกย่องเพอร์ซี่ในระดับที่พอควรเลย ลองคิดดู เด็กนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก แต่มีความขยันอดทน มีระเบียบวินัย ตั้งใจเล่าเรียน และรักความถูกต้อง ทั้งๆ ที่พ่อก็เป็นแบบนั้น(ไม่โดนไล่ออกก็บุญแล้ว) พี่น้องแต่ละคนก็ดีๆ ทั้งนั้น ถ้าเราเจอเขาในชีวิตจริงเราเกลียดเขาลงเหรอ? ผมว่าเราต้องอยากสนับสนุนเด็กคนนี้ล่ะถูกมั้ย??
แล้วครอบครัววิสลี่ย์ก็มีการแข่งขันกันในหมู่พี่น้องสูงที่แม้ไมได้แข่งเรื่องเรียนแต่ก็มีหลายอย่างที่วัดกันไม่จบไม่สิ้น เด็กผู้ชายก็งี้แหละ ศักดิ์ศรีกินไม่ได้แต่เท่ ฉะนั้นถ้าคุณไม่มีอะไรให้จดจำคุณก็จะหายไปกับม่านหมอกแห่งตัวประกอบที่แม่คุณจำไม่ได้แม้แต่ว่าคุณไม่ชอบอะไรหรือพึ่งนึกได้ว่าต้องซื้อเสื้อผ้าให้คุณตอนที่เงินหมดพอดี ทั้งบิลและชาร์ลีมีความโดดเด่นและได้เป็นพรีเฟ็คทั้งคู่ ฝาแฝดก็พยายามสุดๆ (ไปให้สุดแล้วหยุดที่ชิบหาย)
เพอร์ซี่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าพยายามในแบบของเขาเช่นกัน
สำหรับตอนหน้าจะเป็นเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่นะครับ แล้วก็จะมี "บทขั้นเวลา" ติดต่อกันหลายบทเพื่อเก็บตกเนื้อหาที่เราอาจจะมองข้ามกันไป แล้วก็จะปิดเล่มสอง ส่วนเล่มสามก็จะมีการเจาะลึกตัวละครอีกมากมายเช่นมักกอนนากัล แฮกริด ฯลฯ แต่ที่อยากให้จับตามองคือบทวิเคราะห์เกี่ยวกับตระกูลแบล็คอาจจะฉีกภาพจำจนทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะเท่าที่ผมค้นพบตอนนี้ พวกเขาไม่ใช่แค่งูโรคจิตไร้หัวในแน่นอน
โฆษณา