22 เม.ย. 2023 เวลา 09:46 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าของหนูนิ หนังจีนชอว์บราเดอร์

.
หงษ์ทองคะนองศึก (Come Drink with Me - 1966)
.
เรื่องเล่าของหนูนิในตอนที่ 66 (ผจญซีอุย และ งูปีศาจ) ข้าพเจ้าและน้องชาย คลั่งไคล้หนังกำลังภายในของบริษัทชอว์บราเดอร์สแห่งฮ่องกงมาก
โดยเฉพาะฉากลอยตัว ฟันดาบ คลั่งไคล้จนถึงขนาดเสาร์อาทิตย์โรงเรียนหยุดไม่ไปโรงเรียน พ่อก็เอาถุงใส่ทรายมาแขวนที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของลูก แล้วให้กระโดดให้สูงที่สุดไปเรื่อยๆ
.
อาทิตย์ต่อมาก็เพิ่มน้ำหนักทรายขึ้นอีก นอกจากนี้เรา 2 พี่น้องยังหัดฟันดาบ และรู้จักคิวบู๊แล้วว่าฟันทางนี้หลบทางไหน กระโดดหลบอย่างไร และ ตีลังกาโดยใช้มือข้างเดียวยันพื้น กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางโดยใช้มือข้างเดียวค้ำ
.
แต่ที่ต้องเลิกโดยปริยายและตลอดกาลก็เพราะโดนแม่เล่นงานทั้ง3คนพ่อยันลูก เหตุผลก็คืองานไม่ทำจะเอาอะไรกิน ข้าพเจ้าและน้องชายไม่ช่วยงานวันธรรมดาไม่เป็นไรเพราะไปโรงเรียน หยุดเสาร์อาทิตย์ก็ยังดันมาฝึกบ้าๆบอๆอีก เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล
.
หนังจีนเรื่อง "หงษ์ทองคะนองศึก" นี้มีบทความที่เขียนถึงหลายท่าน บางท่านตอนที่หนังออกฉายใหม่ ๆ เมื่อปี 1966(2509) ท่านเหล่านั้นยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่ก็เขียนได้ดีมาก จนต้องขออนุญาตยืมบางวลีและประโยคมาใช้ในเรื่องเล่านี้
.
ที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้คือความประทับใจที่มีต่อนางเอก "เจิ้งเพ่ยเพ่ย" จนทำให้ข้าะเจ้าต้องติดตามดูหนังทุกเรื่องที่เธอแสดง รวมทั้งหนังเก่าแนวหนังชีวิตที่ทีวีนำมาฉายไม่ว่าจะดึกเพียงใดก็ยังเฝ้ารอ
.
แล้วยังไปฝึกอ่านภาษาจีนเพื่ออ่านข่าวของเธอในน.ส.พ.จีนอีกด้วย ตอนนั้นพ่อสอนให้จำภาษาจีนวันละตัว เริ่ม
จากชื่อของ "เจิ้งเพ่ยเพ่ย" แล้วตามด้วยพระเอกซกมก
"เยียะหัว"(หัวหน้าวณิพก) จากนั้นก็ "เฉินหงเลียะ" (ไอ้หน้าหยก-เพราะผัดหน้าเสียขาวเว่อรฺ)
.
เมื่อนางเอกจีนในดวงใจของข้าพเจ้าอายุมากขึ้น แต่งงานมีครอบครัวจึงออกจากวงการไปหลายปี ข้าพเจ้าก็เลิกดูหนังกำลังภายใน
เมื่อเจิ้งเพ่ยเพ่ยกลับคืนวงการอีกครั้ง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ติดตามหนังของเธอแล้ว เพราะให้เวลากับการศึกษาสูงที่สุดเท่าที่จะไปไหวนั่นเอง
.
หงษ์ทองคะนองศึกเริ่มต้นเรื่องที่......เจิ้งปี้ชิว ผู้พิพากษาประจำจังหวัดและเป็นลูกชายของผู้ตรวจการถูกพยัคฆ์หน้าหยกรองหัวหน้ากลุ่มโจร5พยัคฆ์จับตัวไปในขณะที่เขาและเจ้าหน้าที่กำลังนำตัวคนร้ายไปรับโทษ
.
พวกโจรร้ายฆ่าเจ้าหน้าที่จนหมดแต่ปรากฎว่าไม่มีหัวหน้าของพวกมันอยู่ในกลุ่มนี้ พวกมันจึงนำเจิ้งปี้ชิวกลับไปที่รังโจรซึ่งก็คือวัด พวกโจรทรมานเพื่อให้เขาเจรจากับบิดาให้ยอมปล่อยหัวหน้าแลกกับการปล่อยตัวเขา
.
เจิ้งปี้ชิวปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าบิดาของเขาไม่มีวันที่จะยอมตามเงื่อนไขของโจร ท่านยึดกฎหมายบ้านเมืองเป็นหลัก และยอมปล่อยให้บุตรชายถูกฆ่ามากกว่า พวกโจรร้ายได้เปลี่ยนวิธีเป็นเขียนจดหมาย แจ้งให้ผู้ตรวจการปล่อยตัว
หัวหน้าโจรในเวลา 5 วัน มิเช่นนั้นจะฆ่าตัวประกัน
.
จินเยี่ยนจื่อ หรือ ที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ หงษ์ทอง เป็นน้องสาวของเจิ้งปี้ชิว นางเป็นผู้มีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ชนิดหาตัวจับยาก แม้ไม่ใช่อันดับ 1 ของแผ่นดิน แต่ฝีมือของนางก็มิใช่ชั่ว
.
หงษ์ทองปลอมตัวเป็นชาย(แต่ก็ดูออกว่าเป็นหญิง) นางถือจดหมายโจรมาที่โรงเตี้ยม ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมทั้งคนเทาเข้มจนดำ และเทาจาง ๆ พวกนี้จะไม่เหมือนผู้ร้ายหนังไทยยุคก่อนที่ต้องใส่สูทและทำตัวให้รู้ว่า "กรูเป็นผู้ร้ายนะเฟ้ย"
.
ผู้ร้ายของหนังจีนจะปลอมตัวเป็นชาวบ้าน ชาวไร่ พ่อค้าขายของแบกะดิน เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต แม้จะสามารถตบตาดำรวจ(มือปราบ)ได้ แต่ตบตาจอมยุทธอย่างหงษ์ทองหาได้ไม่
.
เจ้าของโรงเตี้ยมส่วนมากมักเป็นยอดฝีมือที่ผันตัวมาทำธุระกิจ(ตามที่โก้วเล้งเขียน) มิเช่นนั้นจะไม่มีใครเกรงใจ รวมทั้งอยู่ไม่ได้เพราะตีรันฟันแทงกันทีไรข้าวของเสียหายเป็นประจำ
.
หงษ์ทองพูดเป็นนัยกับเสี่ยวเอ้อ(คนเสริฟอาหาร และ น้ำชา-เหล้าด้วย) ว่านางต้องการรับประทาน "กระดูกเสือน้ำแดง" เสือหน้ายิ้มซึ่งเป็นอันดับ3 ของโจร5พยัคฆ์จึงเข้ามาเจรจา
.
เสือหน้ายิ้มยอมรับว่าเป็นผู้เขียนจดหมาย เพราะต้องการแลกตัวประกันที่จับไว้กับหัวหน้าโจร แต่หงษ์ทองบอกว่าให้พวกโจรยอมคืนตัวประกันเสียดีๆ นางจะช่วยพูดบรรเทาโทษให้ นางจึงถูกพวกโจรรุมทดสอบฝีมือด้วยการ
.
ทุ่มด้วยไหสุรา ซึ่งนางยกมือปัดคืนไปที่คนโยนจนล้มกลิ้งโค่โล่
.
โยนเงิน ซึ่งนางใช้ตะเกียบรับ
.
ทุ่มเก้าอี้ใส่ ซึ่งนางใช้มือปัดโยนเก้าอี้กลับไปที่เจ้าเก่าที่เพิ่งลุกขึ้นมา
.
โจร 2 คนจึงโยนเงินใส่พร้อมๆกัน หงส์ทองจึงใช้ตะเกียบตรึงไว้กับคานของร้าน แล้วใช้พัดรับเหรียญจากนั้นก็ใช้กำลังภายในโยนตรึงเหรียญคืนให้ เสือหน้ายิ้มจึงเพิ่ง
ชัวร์(แน่ใจ)ว่าเป็นหงส์ทองตัวจริงเสียงจริง
.
เสือหน้ายิ้มเสนอให้หงษ์ทองไปเจรจากับรองหัวหน้า(พยัคฆ์หน้าหยก)เดี๋ยวนี้แต่นางปฏิเสธ เสือหน้ายิ้มจึงทำสัญญาณให้สมุนเก็บ กลุ่มโจรพากันล้อมกรอบหงส์ทอง คนหนึ่งทำหน้าที่ปิดประตูตีแมว
.
ทันใดนั้นขี้เมาหยำเปหัวหน้าคณะขอทานก็ยื่นมือมาขวางทำให้ปิดประตูไม่ได้ สมุนโจรจะขับไล่อย่างไรเขาก็ไม่ยอมไป อ้างว่าอยากเหล้าจนทนไม่ไหว สมุนโจรจึงตัดความรำคาญด้วยการยอมให้เข้ามาแต่หลบให้พ้นทาง
.
หงษ์ทองสามารถรับมือกับเหล่าโจรได้อย่างสวยงามด้วยมีดคู่ประจำกาย ในขณะที่ชายขี้เมาแม้จะดูไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้ แต่ความเผือกของเขากลับช่วยชีวิตหงษ์ทองจากการถูกลอบทำร้ายไว้ได้
.
เสือหน้ายิ้มจึงยิ้มไม่ออกหลังจากประมือด้วย เขายอมรับความพ่ายแพ้ในยกแรก ขณะที่หงษ์ทองตัดสินใจพักที่โรงเตี๊ยมนางจ่ายเงินให้เจ้าของโรงเตี๊ยมมากกว่าค่าที่พักเพื่อซื้อม้า 2 ตัว และ ประกาศว่า "ข้ามาคนเดียว แต่จะไม่กลับคนเดียว"
.
เสือหน้าหยกจอมโจรอันคับ2 รองจากหัวหน้าที่ถูกคุมขัง เขามีฝีมือเก่งกาจ โหดโฉดชั่วเลือดเย็น ฆ่าได้ไม่เว้นเด็กหรือนักบวช เขาสวมชุดสีขาว ถือพัดซ่อนเข็มพิษ วางมาดเย่อหยิ่งจองหองอวดดี รอยยิ้มยียวน (นอกจอเขาก็เป็นขวัญใจของสาวๆที่ชื่นชอบบท Bad-Boy นี้ไม่น้อย)
.
เขามองดูสารรูปของลูกน้องอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมแค่เด็กหนุ่มคนเดียวจึงจัดการไม่ได้ ขณะที่รักษาการเจ้าอาวาสขอร้องเสือหน้าหยกให้นำเจิ้งปี้ชิวไปไว้ที่อื่น เพราะเกรงเดือดร้อนมาถึงวัดด้วย
.
เสือหน้าหยกไม่สนใจคำพูดของท่าน แต่ทั้ง ๆ ที่กำลังกินอาหารอยู่ เขากลับสามารถซัดเข็มพิษใส่ดวงตาของเณรน้อยที่มาแอบดูได้อย่างแม่นยำ
เมื่อรักษาการเจ้าอาวาสขอยาถอนพืษ เขาก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องฆ่าเณรน้อยทิ้ง หรือนี่คือยาถอนพิษของเสือหน้าหยกผู้อำมหิต
.
แล้วยังข่มขู่หลวงจีนชราให้ดูแลเณรแต่ละคนให้ดี มิฉะนั้นในครั้งหน้าอาจเป็นท่านที่ต้องประสบชะตากรรมนี้เอง เมื่อโจรหน้าหยกถามหาไต้ซือเหลียงคุน ผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัด หลวงจีนชราจึงบอกว่า ไต้ซือเหลียงคุนออกไปตามหาคนๆหนึ่ง อีกไม่กี่วันก็กลับ
.
เสือหน้าหยกสั่งลูกน้องไปลอบฆ่าหงษ์ทองที่โรงเตี๊ยม แต่เพราะขอทานขี้เมาลอบเข้ามาในห้องของนางซ้ำยังขโมยอาวุธคู่กาย หงษ์ทองจึงไล่ล่าไอ้ขี้เมาอย่างไม่ลดละ กว่าจะ
รู้ว่าเขาช่วยชีวิตของนาง
.
หงษ์ทองไปขอบคุณเขาในวันรุ่งขึ้น เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เพราะเขาเป็นเพียงคนขี้เมาที่ชอบหาเหล้าดื่มเท่านั้นอย่างไรก็ตามเมื่อหงษ์ทองถามถึงชื่อเขาก็ตอบว่า "แมวขี้เมา"
ถามถึงรังโจร แมวขี้เมาก็ร้องเพลงอธิบายถึงตัวอักษรจีนที่แปลว่า "วัด"
.
แก๊งโจร 5 พยัคฆ์เข้ายึดครองวัดจีนในท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจาก "ไต้ซือเหลียงคุน" เจ้าอาวาสผู้มีหน้าฉากเป็นผู้ทรงศีล หลังฉากกลับเป็นประมุขของกลุ่มโจร5พยัคฆ์
.
หงษ์ทองแต่งหญิงทำทีไปไหว้พระ เธอเผชิญหน้ากับเสือหน้าหยกซึ่งพูดจาล่วงเกินเธอ หลังจากนั้นคู่ปรับเก่าแต่ละคนที่โรงเตี๊ยมก็โผล่มาจนครบ หงษ์ทองจึงเพิ่งตระหนักว่า เจ้าหนุ่มหน้าขาววอกนี้คือเสือหน้าหยก และเกิดการต่อสู้กันขึ้น ซึ่งแม้หงษ์ทองจะมีฝีมือเพียงใดก็ไม่อาจรับมือกับคู่ต่อสู้นับสิบ ดังนั้นจึงตัดสินใจหนีและถูกเข็มพิษของเสือหน้าหยก แล้วเขายังสั่งลูกน้องออกตามล่าเพราะแน่ใจว่านางหนีไปได้ไม่ไกล
.
หงษ์ทองได้สติในกระท่อมกลางป่าของแมวขี้เมา เขาช่วยชีวิตเธอจากเข็มพิษ และที่นี่เองที่ทำให้เธอได้รู้ว่า ไอ้ขี้เมา ที่เอาแต่ร้องเพลงขอทานเงินซื้อเหล้ากินไปวันๆ แท้จริงคือจอมยุทธชื่อ "ฟานต้าปี" เธอจึงคารวะเขาเพื่อขอเป็นศืษย๋
.
ฟานต้าปีในสภาพของไอ้ขี้เมานำศพของเจ้า 5 และสมุนซึ่งถูกเขาฆ่าตายไปส่งที่รังโจรโดยอ้างว่าหงษ์ทองใช้ให้มาส่งเพื่อรับเงิน 5 ตำลึงทั้งนางยังนัดเจอเขาอีกพรุ่งนี้ เสือหน้าหยกจึงสั่งให้ลูกน้องควบคุมฟานต้าปีไว้ ตัวเขารีบไปพบไต้ซือเหลียงคุนที่เพิ่งกลับมา
.
ไต้ซือเหลียงคุนดูบาดแผลของศพก็รู้ว่าเป็นฝีมือของฟานต้าปีไม่ใช่หงส์ทอง นักบวชมหาโจรเล่าว่าฟานต้าปีเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งแต่ยังน้อยกว่าตัวเขามาก ความที่ฟานต้าปีเอาแต่ดื่มเหล้าทั้งวันจึงมีฉายา "พระเอกขี้เมา"
.
ไต้ซือเหลียงคุนยังพูดอีกว่าศิษย๋ผู้น้องเป็นคนฆ่าอาจารย์ เพราะต้องการทวนไม้ไผ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ผู้ใดถือทวนนี้จะเป็นเจ้าสำนักที่ศิษย์ทุกคนต้องเชื่อฟัง แต่เมื่อไปที่ห้องคุมตัวของฟานต้าปีเขาหายไปแล้ว
.
ฟ่านต้าปีเป็นตัวแทนหงษ์ทองไปเจรจาแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างเจิ้งปี้ชิวกับหัวหน้ากลุ่มโจร ซึ่งโจรหน้าหยกก็ตกลงรับปากทันที ซึ่งไม่ได้สร้างความฉงนให้ฟานต้าปีแม้แต่น้อย
.
ในที่สุดวันที่ฟานต้าปีไม่ต้องการก็มาถึง ขณะที่เขากำลังเดินกลับอย่างรื่นรมย์ ก็พบกับไต้ซือเหลียงคุนดักรออยู่ เหลียงคุนกล่าวเย้ยหยันศิษย์น้องว่า "ผ่านมาหลายปี เจ้ายังคงเป็นขอทานอยู่เช่นเดิม"
.
ฟานต้าปีตอบว่า "เป็นขอทานสุจริต อย่างไรก็ดีกว่าเป็นปีศาจในคราบหลวงจีน" ทั้งยังขอเวลา 3 วันทำงานให้สำเร็จตามที่รับปากไว้กับใครบางคน แล้วจึงตัดสินชะตาระหว่างเขากับศิษย์พี่
.
ทันทีที่กลับถึงกระท่อม ฟานต้าปีต้องเร่งฝึกพลังภายใน เพราะหลายปีมานี้เขาไม่รู้ว่าฝีมือของศิษย์ผู้พี่ร่วมสำนักมีวิทยายุทธ์ลึกล้ำมากเพียงใด เขาจึงไม่มีความเชื่อมั่นที่จะชนะ
.
ฟานต้าปีเล่าถึงเรื่องราวความแค้นระหว่างเขากับศิษย์ผู้พี่ให้หงษ์ทองฟังว่า อาจารย์เล็งเห็นความโลภในอำนาจต้องการเป็นใหญ่ของเหลียงคุน แต่เนื่องจากเขาเป็นศิษย์อาวุโสที่สุด จึงได้รับโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าสำนักแทนอาจารย์
.
อาจารย์มองออกว่าฟานต้าปีไม่กล้าลงมือกับศิษย์พี่ เพราะครั้งหนึ่งเหลียงคุนเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ท่านจึงมอบทวนไม้ไผ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าสำนักให้ฟานต้าปี ทั้งยังสั่งให้เขาหนีไปจนไกลสุดหล้า
.
เหลียงคุนได้ร่วมมือกับโจรหน้าหยกฆ่าอาจารย์ตาย แต่เพราะหาทวนไม้ไผ่ไม่พบ เหลียงคุนจึงขึ้นสู่อำนาจไม่ได้ เขาคาดเดาได้ว่าฟานต้าปีได้รับทวนไม้ไผ่มาจากอาจารย์ก่อนตายแล้วหายตัวไป จึงต้องตามหาฟานต้าปีและทวนไม้ไผ่ให้พบ
.
ทั้งๆที่การฆ่าอาจารย์ของเหลียงคุนได้ลบล้างสิทธิ์ของการขึ้นสู่ตำแหน่งในฐานะศิษย์อาวุโส แต่ฟานต้าปีก็ไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับศิษย์พี่เพราะยังรำลึกถึงบุญคุณของเหลียงคุน
.
การแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างเจิ้งปี้ชิวกับหัวหน้ากลุ่มโจรเป็นไปด้วยดี หลังจากที่ขุนนางหนุ่มอยู่ในความดูแลของน้องสาวแล้ว ฟานต้าปีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กรงขังของหัวหน้าโจรก็ปรากฎตัว แล้วถีบกรงขังหัวหน้าโจรกลับไปที่เจ้าหน้าที่เพื่อคุมตัวไปรับโทษต่อ
.
โจรหน้าหยกจึงขอว่า นับจากนี้ฟานต้าปีไม่ต้องยื่นมือมาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งเขาก็รับปากแล้วมองขบวนของหงษ์ทองที่พาพี่ชายและหัวหน้าโจรกลับไปด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้สันดานกลุ่มโจรนี้ดีว่าอะไรจะตามมา
.
แล้วก็เป็นไปตามที่ฟานต้าปีคาด กลุ่มโจรเข้าโจมตีขบวนของหงษ์ทอง ซึ่งต่อให้ฟานต้าปีไม่ทำเช่นนี้หลังการแลกเปลี่ยนเชลย พวกโจรก็ซุ่มโจมตีอยู่ดีเพราะถือดีว่ามีประมุขผู้ยิ่งใหญ่ มีฝีมือกล้าแข็ง
.
แต่สิ่งที่กลุ่มโจรคาดไม่ถึงก็คือนักรบหญิงของหงษ์ทองที่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้ พวกโจรจึงถูกสังหารทั้งหมด ยกเว้นเสือหน้าหยกซึ่งได้เหลียงคุนมาช่วยแล้วรีบหนีจนสุดชีวิต มันแค้นที่ทำไมพระเจ้าไม่ให้ขามัน 4 ขา
.
ทางด้านของหงษ์ทองก็ได้ฟานต้าปีช่วยไว้จากเหลียงคุน แล้วการต่อสู้ระหว่าง2ศิษย์ก็เกิดขึ้น ฟานต้าปีชนะจึงไว้ชีวิตให้ ทั้งเรียกร้องให้เหลียงคุนย้ายไปซ่อนอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกล เปลี่ยนชื่อ-แซ่ และ ดำรงชีวิตใหม่
.
ตอนนี้ฟานต้าปีไม่ได้ติดค้างหนี้ใดๆต่อเหลียงคุนแล้ว พบกันครั้งหน้าเขาจะฆ่าให้ตายทันที เหลียงคุนยอมจากไปแต่โดยดี แต่ก็ย้อนมาลอบโจมตีฟ่านต้าปีที่กระท่อมของเขา ทั้งๆที่ฟานต้าปีก็ต้องการหนีให้ห่างไกลเช่นเดียวกัน
.
การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายของทั้งคู่จึงเกิดขึ้น โดยที่ฟานต้าปีไม่มีความกดดันอีกต่อไป บุญคุณชดใช้ให้แล้วในการไว้ชีวิต เหลือก็แต่การแก้แค้นให้อาจารย์ ซึ่งเหลียงคุนถูกฆ่าตายด้วยทวนไม้ไผ่ตามที่อาจารย์ทำนายไว้
.
หงษ์ทองนำพี่ชายกลับทั้งคุมหัวหน้าโจรไปรับโทษตามกฎหมาย หลวงจีนชราขึ้นเป็นเจ้าอาวาสนำพระพุทธศาสนากลับมาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านต่อ
ฟานต้าปียังคงเป็นขอทานต่อไป คราวนี้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนที่ผ่านมา กินเหล้าที่เขาชอบและทำมา
ตลอดอย่างมีความสุขจริงๆเสียที
.
หนูนิ
.
หมายเหตุ!
.
1. สามารถรับชมได้ทางยูทูบ พากษ์ไทย ไม่มีซับ
.
2. หงษ์ทองคะนองศึก 2 (Golden Swallow 1968) ไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาค 1 จึงไม่เขียน ค่ะ
โฆษณา