23 เม.ย. 2023 เวลา 06:24 • ข่าวรอบโลก

6 ประเทศจุดหมายปลายทาง ที่บริษัทจีนต้องการย้ายฐานการผลิตไปตั้งโรงงานใหม่

..
ไม่เพียงแต่บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศตะวันตกเท่านั้น ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากประเทศจีน
เพื่อหนีความไม่แน่นอน จากสารพัดปัจจัยในขณะนี้
2
เพราะแม้แต่บริษัทสัญชาติจีนเอง
ก็มองเห็นปัญหานี้ไม่แตกต่างกัน
และพวกเขาก็เริ่มมองหาประเทศจุดหมายปลายทาง ที่จะทยอยย้ายฐานการผลิตออกไป
เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
มีการเปิดเผยจากสื่อต่างประเทศที่ทำการรวบรวมข้อมูลมาพบว่า มีอยู่ 6 ประเทศจุดหมายปลายทางที่บริษัทจีนส่วนใหญ่ ให้ความสนใจที่จะย้ายโรงงานเข้าไปอยู่มากที่สุด
1). อินเดีย
กลางปีนี้อินเดียจะเป็นประเทศที่แซงหน้าจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก
และด้วยความพร้อมด้านจำนวนแรงงานในวัยหนุ่มสาวที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนี่เอง อินเดียจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของบริษัทจีนที่จะย้ายมาตั้งโรงงาน
1
บริษัทผลิตมือถืออย่าง Oppo และ Vivo ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตบางส่วนมาที่อินเดีย
เพื่อหวังทั้งในส่วนของการลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานตลาดมือถือโลกของบริษัท
1
และยังต้องการเจาะตลาดขนาดใหญ่ของประเทศที่มีประชากรจำนวนมากมายพอ ๆ กับจีนอย่างอินเดียอีกด้วย
2). บังคลาเทศ
ด้วยชื่อเสียงอันขจรขจายว่านี่คือประเทศที่เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าให้คนทั้งโลกใส่
บวกด้วยปัจจัยค่าแรงขั้นต่ำที่อยู่ที่เฉลี่ยเพียง 120 ดอลล่าร์ต่อเดือน
ซึ่งน้อยกว่าค่าแรงในโรงงานที่ต้นทุนต่ำที่สุดทางตอนใต้ของจีนที่มีอัตราค่าแรง 670 ดอลล่าร์ต่อเดือน มากถึง 5 เท่าตัว
4
บังคลาเทศจึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ผู้ผลิตสินค้าด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเล็งว่าจะย้ายมาตั้งโรงงานกันขนานใหญ่
3). ไทย
ดีทรอยด์แห่งอาเซียนคือสมญานามของประเทศที่เป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์แหล่งใหญ่อย่างประเทศไทย
ขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียน ทำให้ไทยเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การประกอบรถยนต์ และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ชั้นนำของภูมิภาคนี้
บริษัทยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ในจีน ต่างหันมาสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกันเป็นจำนวนมาก
4
4).เวียดนาม
หากจะเอ่ยถึงประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงติดอันดับโลก ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนมากที่สุด
นั่นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากประเทศเวียดนาม
2
เดิมทีเวียดนามเป็นฐานการผลิตดั้งเดิมของบริษัทในจีนอยู่แล้ว
เพียงแต่นับจากนี้ไป อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกับโรงงานจีนในเวียดนามที่มีอยู่เดิม ต่างจะเริ่มทยอยย้ายฐานการผลิตมารวมร่างกันที่เวียดนามมากยิ่งขึ้น
2
ยกตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมโซล่าร์เซลล์ ที่เดิมทีมีเพียงบริษัทผลิตและจำหน่ายแผงโซล่าร์เซลล์เท่านั้น
แต่แนวโน้มในระยะอันใกล้ บริษัทที่เป็นซัพพลายเชนให้กับบริษัทผลิตแผงโซล่าร์เซลล์ เช่น บริษัทผลิตแม่พิมพ์กรอบพลาสติกและบริษัทผลิตเซลล์พลังงาน
ต่างก็จะย้ายมาตั้งโรงงานด้วยกันที่เวียดนามทั้งหมด
3
5). เม็กซิโก
แม้ว่าจีนกับสหรัฐฯ จะเป็นคู่ขัดแย้งกันในหลายประเด็นทางการเมือง
แต่ในด้านการค้า สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดใหญ่ที่ผู้ผลิตสินค้าชาวจีนมองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด
หลังการเปิดสงครามการค้าระหว่างกันในช่วงวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์
บริษัทในจีนจำนวนมากต่างมองหาช่องทางในการไปตั้งโรงงานในประเทศที่สามารถลดผลกระทบในเรื่องนี้ได้
และเม็กซิโกคือจุดหมายปลายทางที่ว่านั้น
เม็กซิโกเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญและได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าหลายอย่างจากสหรัฐฯ
การย้ายฐานการผลิตของบริษัทจีนไปอยู่ที่นั่น ทำให้บริษัทจีนได้อานิสงค์ตรงนี้ด้วยเต็ม ๆ
ตัวอย่างสำคัญของการเติบโตของบริษัทจีนในเม็กซิโกก็คือ การเกิดขึ้นของนิคมอุตสากรรม Hofusan ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง Holley Group และ Futong Group จากจีน กับคนในตระกูล Santos ของประเทศเม็กซิโก
6).โปแลนด์
ประเทศยุโรปตะวันออกอย่างโปแลนด์ คือประเทศที่บริษัทจากจีนเลือกที่จะย้ายมาตั้งโรงงานเพื่อป้อนสินค้าเข้าสู่ตลาดยุโรป
1
อุตสาหกรรมนำทางของจีนอุตสาหกรรมแรก ๆ ที่เข้ามาตั้งโรงงานในโปแลนด์ก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อป้อนโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปอย่าง Minth
1
หรือบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการบุกตลาดยุโรปอย่าง BYD
ต่างก็กำลังจะมาตั้งโรงงานในประเทศนี้กันอย่างคึกคัก
จากข้อมูลเบื้องต้น เป็นที่น่ายินดีว่า ไทยเราเป็นหนึ่งใน 6 จุดหมายปลายทางสำคัญที่บริษัทจีนกำลังจะย้ายการลงทุนออกมาตั้งโรงงาน ตามการวิเคราะห์ของสื่อตะวันตก
1
นับจากนี้จึงหวังแต่เพียงว่า ผู้บริหารประเทศจะใช้โอกาสนี้ ต่อยอดทางเศรษฐกิจ สร้างพลังขับเคลื่อนให้ประเทศเราหลุดพ้นจากภาวะติดหล่มทางเศรษฐกิจขึ้นไปได้เสียทีนะครับ
1
ขอภาวนา...
References;
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา