25 เม.ย. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กรณีศึกษา การลงทุนแบบคุณสารัชถ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 4 ปีซ้อน

221,000,000,000 บาท คือ มูลค่าหุ้นที่ถือครองในนามของคุณสารัชถ์ รัตนาวะดี
1
ที่น่าสนใจคือ คุณสารัชถ์ ไม่ได้เป็นทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง แต่เขากลับสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง
2
จนสามารถครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทย 4 ปีติดต่อกันมา นับตั้งแต่ปี 2562 ด้วยวัยเพียง 50 กว่าปีเท่านั้น
2
สิ่งที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือ คุณสารัชถ์ น่าจะเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่เก็บตัวเงียบที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย
1
ทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของชายผู้นี้ จึงเป็นที่น่าจับตามองของสื่อและคนทั่วไปอย่างยิ่ง
3
ทาง BillionMoney เองได้ติดตามความเคลื่อนไหวของชายผู้นี้มาโดยตลอด จนค้นพบรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจของคุณสารัชถ์
1
วันนี้ BillionMoney จึงอยากวิเคราะห์ถึงแนวทางการลงทุนของคุณสารัชถ์ ว่าเขามีหลักการในการลงทุนอย่างไร ?
“Mass & Must”
1
คือคำสรุปสั้น ๆ ของธุรกิจที่คุณสารัชถ์ให้ความสนใจในการเข้าไปลงทุน
1
Mass คือ ต้องเป็นธุรกิจที่มีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่
หรือทุกคนสามารถเป็นลูกค้าของเราได้ก็ยิ่งดี
Must คือ ต้องเป็นสินค้าหรือบริการที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้อยู่ตลอด ไม่สามารถขาดได้
1
ตัวอย่างของธุรกิจแบบนี้ก็อย่างเช่น อาหาร ไฟฟ้า น้ำประปา สัญญาณโทรศัพท์ เป็นต้น
เพราะสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันขาดไม่ได้ ทุกคนจำเป็นต้องใช้
ยกตัวอย่างถึงการลงทุนหลักของคุณสารัชถ์ 3 ธุรกิจ ที่เข้าข่าย Mass & Must ก็คือ
1. โรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างความมั่งคั่งให้กับคุณสารัชถ์ในช่วงแรก
คุณสารัชถ์ เริ่มเข้าสู่วงการธุรกิจด้วยการก่อตั้งบริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด ในปี 2537 ด้วยวัยเพียง 29 ปีเท่านั้น
โดยในสมัยนั้นเศรษฐกิจของไทยกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ความต้องการใช้ไฟฟ้าจึงมีโอกาสที่จะเติบโตสูง
รัฐบาลจึงออกกฎหมายอนุญาตให้เอกชนสามารถผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อแบ่งเบาภาระการลงทุนของภาครัฐ ในปี 2539
1
การลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าของคุณสารัชถ์ ในวัย 29 ปี จึงเป็นการลงทุนตามสูตร “Mass & Must” เพราะว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้อยู่แล้ว
8
และเป็นการลงทุนที่ถูกเวลาด้วย เพราะในสมัยนั้นความต้องการใช้ไฟฟ้ามีสูงมาก จากเศรษฐกิจไทยที่กำลังเติบโต รวมถึงกฎระเบียบของภาครัฐที่เอื้อต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชน
2. โทรคมนาคม ซึ่งก็คือดีลการเข้าซื้อบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของค่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ AIS และธุรกิจดาวเทียมไทยคม
1
ในช่วงวิกฤติโรคระบาด ปี 2563 บริษัท กัลฟ์ ของคุณสารัชถ์ ได้ถือโอกาสทยอยเข้าซื้อหุ้นของบริษัท อินทัช จำนวน 147,044,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.59%
2
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับดีลการซื้อหุ้นในครั้งนี้คือ GULF ใช้เงินกู้ระยะสั้นที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า 2% มาซื้อหุ้น INTUCH ขณะที่อัตราเงินปันผลของ INTUCH จะอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี
4
สรุปแล้ว GULF สามารถนำเงินปันผลจาก INTUCH มาจ่ายดอกเบี้ย แล้วยังได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างตรงนี้ราว 3% แบบที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย
2
เพราะหากเราลองไปย้อนดูผลประกอบการของ INTUCH จะพบว่า กำไรสุทธิของบริษัทแทบไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคระบาดเลย โดยบริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้เหมือนเดิม
สอดคล้องกับที่คุณสารัชถ์ เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า การลงทุนในบริษัท อินทัช จะส่งผลดีกับบริษัท เพราะว่าอินทัชเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลมากถึง 5-6%
GULF ใช้เวลากว้านซื้อหุ้น INTUCH มาตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 จนถึง เม.ย. 64 ที่ตอนนั้น GULF ประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH ที่ราคา 65 บาทต่อหุ้น
1
จนปัจจุบัน GULF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในบริษัท อินทัช คิดเป็นสัดส่วน 41% และมีเจ้าของเก่าอย่าง Singtel กลุ่มทุนจากสิงคโปร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 คิดเป็นสัดส่วน 24.99%
1
เมื่อดูจากต้นทุนที่ GULF เข้าไปเก็บหุ้น INTUCH แล้ว ในปี 2565 ที่ผ่านมา GULF จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 5% เลยทีเดียว
โดยดีลการลงทุนใน INTUCH ของ GULF เป็นกรณีศึกษาได้เป็นอย่างดี ที่แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในธุรกิจตามสูตร “Mass & Must” ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงในช่วงที่ตลาดหุ้นเจอวิกฤติ
1
เพราะธุรกิจสัญญาณโทรศัพท์มือถืออย่าง AIS บริษัทลูกของ INTUCH เป็นธุรกิจที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคระบาดเลย และเมื่อราคาหุ้น INTUCH ปรับตัวลดลงตามตลาด จึงเป็นโอกาสสำหรับ GULF ที่จะได้ซื้อของดี ราคาถูกนั่นเอง
3. ธุรกิจอาหารสัตว์ ผ่านการเข้าไปถือหุ้นด้วยตนเอง
โดยคุณสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ ITC
1
การลงทุนในหุ้น ITC ถือได้ว่าเป็นการลงทุนในนามส่วนตัวของคุณสารัชถ์ครั้งแรก ที่ปรากฏบนรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทนอกกลุ่ม GULF
ITC หรือ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และเป็นบริษัทลูกของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อีกด้วย
หากดูจากลักษณะธุรกิจของ ITC แล้ว การลงทุนในครั้งนี้ ก็เข้าสูตร “Mass & Must” เช่นกัน เพราะว่า ITC มีการรับจ้างผลิตและส่งออกแบรนด์ของตัวเองไปทั่วโลก
โดยขนาดตลาดของ ITC นั้นใหญ่มาก นอกจากนี้อาหารสัตว์ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น จากแนวโน้มที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีลูก แต่หันไปเลี้ยงสัตว์เพื่อคลายเหงาเพิ่มขึ้น
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นชื่อของคุณสารัชถ์ ปรากฏอยู่บนรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ITC
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คือรูปแบบธุรกิจที่คุณสารัชถ์ เศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ของเมืองไทย ลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
แม้ว่าบางอย่าง เราในฐานะนักลงทุนรายย่อย ยากที่จะทำตาม แต่การเรียนรู้วิธีการสร้างฐานะของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ก็น่าจะมีประโยชน์กับเราไม่น้อย..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนตัดสินใจลงทุน
1
-รายงานประจำปีของบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2565
โฆษณา