28 เม.ย. 2023 เวลา 02:40 • การศึกษา

ผู้ป่วยที่สง่างาม

ลูก บางคนที่มีอาการเจ็บป่วยไข้ แล้วก็จะต้องเข้าไปรับการผ่าตัด ให้คิดเสมอตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้ว่า สังขารร่างกายของเรานี้น่ะเป็นรังแห่งโรค โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคปาก โรคปอดตับม้ามไต โรคสารพัด เป็นได้ร้อยแปดพันเก้า เป็นที่ประชุมรวมของโรค เขาเรียกว่าเป็นรังแห่งโรค เรานี่จะมีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา เรายังไม่ชนะพญามาร บุญเรายังไม่มากพอ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีความเจ็บป่วยไข้เป็นธรรมดา
แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ ท่านก็ยังเจ็บป่วยไข้ต้องอาพาธเหมือนกัน พระอัครสาวก พระสารีบุตรพระโมคคัลลานะ ท่านก็ยังมีอาการเจ็บ อาการป่วย อาการไข้ เหมือนกับเรานี่แหละ พระอสีติมหาสาวกหรือพระอรหันต์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนี้
พระอริยบุคคลตั้งแต่พระอนาดามีลงมา พระสกิทาคามี พระสดาบัน ท่านก็ต้องเจ็บต้องป่วยต้องไข้เหมือนกัน อาพาธเหมือนกัน หรือเป็นโคตรภูบุคคลก็ต้องเจ็บต้องป่วยต้องไข้ จะเป็นผู้มีฌานสมาบัติ เหาะเหินเดินอากาศได้ ก็ป่วยไข้เหมือนกัน จะเป็นพระราชามหากษัตริย์ จนถึงยาจกวณิพก ล้วนมีความเจ็บเป็นธรรมดา คิดอย่างนี้นะลูกนะ ไม่ใช่ว่าเราป่วยอยู่คนเดียว
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวที่เราจะต้อง เข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล จำเป็นต้องผ่าตัด เราก็นึกเอาร่างกายของเรานี่ เป็นห้องแล็บเป็นที่ศึกษา ร่างกายนี้มีความเจ็บเป็นธรรมดา มันเจ็บตรงไหน เราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ทำความรู้ตัวให้พร้อม
แล้วก็มอบร่างกายนี้ ความเจ็บไข้นี้ไปให้กับหมอพยาบาล ซึ่งเขามีความเชี่ยวชาญในการรักษา มอบให้เขาไป เรามีหน้าที่รักษาใจอย่างเดียว ให้ใจใสๆ เอาไว้นะลูกนะ ให้ใจใสๆ นึกถึงบุญบารมีความดีที่เราได้ทำเอาไว้ ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา
บางท่านเป็นผู้ริเริ่ม ในการก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม ให้ที่บ้านเป็นที่ชุมนุมของผู้มีบุญ เป็นสโมสรของผู้มีบุญ ที่เขาจะมาประพฤติธรรม เป็นการให้โอกาสประพฤติธรรม ให้เขาได้ลิ้มรสธรรมทาน ซึ่งเป็นเลิศกว่าทานใดๆ
เพราะวัตถุทานนั้น ขจัดทุกข์แค่เพียงร่างกาย แต่ดับทุกข์ในใจไม่ได้ แต่การให้ธรรมทานนั้น เป็นการดับทุกข์ทางใจ ให้เขาได้เรียนรู้วิธีการดับทุกข์ ให้มีจิตใจอยู่เหนือความทุกข์ เหนือความเจ็บป่วย เหนือโลกพ้นโลก ให้เข้าไปสู่ความสว่าง พ้นจากความมืด
นี่มีอานิสงส์ใหญ่ เราก็นึกถึงบุญนี้นะลูกนะ นึกไปด้วยจิตที่เบิกบานแช่มชื่น ประหนึ่งว่าเราไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ป่วย ไม่ได้ไข้ ไม่ได้เป็นอะไรเลย มันเป็นที่สังขารที่ร่างกายเท่านั้นน่ะ เมื่อมันเป็น ก็ให้หมอเขาเยียวยารักษาแก้ไขกันไป เหมือนรถเสีย ก็ต้องมีช่างแก้ ต้องเข้าอู่ซ่อมรถ มีช่างแก้ มีอุปกรณ์การแก้ไขเข้าไป สรีระยนต์ก็เหมือนกันมันก็ต้องเข้าโรงซ่อมเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นทำใจให้เบิกบาน ให้อยู่เหนือความทุกข์เหนือดวามวิตก เหนือความกังวล อยู่ในบุญแล้วก็ทำใจหยุด นิ่งเฉยๆ ในกลางศูนย์กลางกาย ถ้าได้ดวงธรรมเราก็ตรึกในกลางดวง ถ้าได้กายภายในเราก็ตรึกในกลางกายภายใน ถ้าได้องค์พระ เราก็ตรึกในกลางองค์พระ ถ้ายังไม่ได้อะไรก็ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง เรื่อยไปเลย
ใจนิ่งอยู่ตรงกลางตรงนั้น นึกอาราธนาพระนิพพานพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ คุณยายอาจารย์ของเรา ผู้มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ พระอริยบุคคลทั้งหลายให้ลงมาปกปักรักษาเรา ขจัดสิ่งที่ไม่ดีภายในร่างกายให้หมดสิ้นไป แล้วก็ทำใจให้ใสๆ ราวกับผู้นิรทุกข์ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยป่วย ไม่เคยไข้เลย ให้ใจสบาย เบิกบานแช่มชื่น
ทำอย่างนี้นะ ไม่ช้าเราจะเข้าถึงธรรม เป็นคนป่วยที่สง่างาม องอาจ สง่าผ่าเผย อยู่ในสายตาของเทวดา ของชาวสวรรค์ เขาจะชื่นชมยินดีกับผู้ป่วยที่มีที่พึ่งทางใจ ใจใสๆ เพราะแม้ป่วยกาย แต่รัศมีธรรมจากใจก็สว่างวาบ ดวงตาทุกคู่ของชาวสวรรค์ก็จะมามอง เราจะอยู่ในสายตาแห่งเทวดา แห่งชาวสวรรค์ แล้วเราก็นิ่งๆ ให้ใสๆ อย่างสบายๆ อธิษฐานให้หายเจ็บ หายป่วย หายไข้ สิ่งที่ไม่ดีก็เอาออกไป ให้หลงเหลือแต่สิ่งที่ดีๆ
ทำอย่างนี้แล้ว ใจจะได้สดชื่น เบิกบานในทุกสถานการณ์ เป็นคนเจ็บคนป่วยที่ให้กำลังใจแก่หมอพยาบาล และผู้มาเยี่ยมไข้ อย่างนี้เรียกว่าป่วยอย่างสง่างาม สมกับเป็นนักรบกองทัพธรรม สมกับเป็นสาวก สาวิกาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมกับเกิดมาสร้างบารมี เป็นผู้เข้าใจชีวิตเจนโลกอย่างนี้
ฝึกใจให้หยุด ฝึกใจให้นิ่งๆ ตรงศูนย์กลางกาย ทำใจให้ใสๆ ไม่ห่วงใยอาลัยอาวรณ์กับสังขารร่างกาย มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน เฉยๆ ไม่สนใจ กำหนดใจกำหนดจิตลงไปที่ศูนย์กลางกาย ให้ตรึงใจติดตรงนั้นนะ เหมือนเอากาวชั้นดีตรึงใจให้ติดกับศูนย์กลางกาย แล้วก็ภาวนา สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใส
วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
โอวาทคุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ชีวิตลิขิตได้ (หน้า ๖๑-๖๕)
ภาพจากเพจการบ้าน
โฆษณา