29 เม.ย. 2023 เวลา 04:09 • กีฬา

ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะที่รักย้ายไปปีศาจแดง ความเจ็บปวดที่สุดของเวนเกอร์

อาร์แซน เวนเกอร์ เคยกล่าวว่า ตั้งแต่ทำงานเป็นผู้จัดการทีมมา การย้ายตัวของผู้เล่นสักคน ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดคือกรณีของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ย้ายไปอยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2012
1
หลังจากที่ฟาน เพอร์ซี่ ดาวรุ่งชาวเนเธอร์แลนด์ ย้ายมาอยู่อาร์เซน่อลในปี 2004 ช่วงแรก "อาร์วีพี" ยังไม่ได้เปล่งประกายมากมายอะไรนัก เขาเหมือนเพชรที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน ยังจำเป็นต้องพัฒนาฝีเท้าอีกมาก กว่าจะกลายเป็นคีย์แมนของทีมได้
ในช่วงปีแรกๆ กับอาร์เซน่อล ฟาน เพอร์ซี่มีปัญหามากมายเต็มไปหมดที่สโมสรต้องช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีขับรถซิ่งไปชนถนนสาย M25 ด้วยความเร็วเกินกำหนด จนมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล รวมถึงประเด็นข่าวข่มขืนและใช้กำลังทำร้ายผู้หญิงที่ร็อตเตอร์ดัม ซึ่งสุดท้ายก็รอดคดีมาได้โดยศาลตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ขณะที่ผลงานในสนามนั้น เขามีอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด ในช่วง 6 ปีแรกกับอาร์เซน่อลนั้น ฟาน เพอร์ซี่ ยิงได้ไม่เกินฤดูกาลละ 11 ลูก คือถือว่าไม่ได้เลวร้ายเกินไป แต่ก็ไม่ได้ดีจนน่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์มั่นใจจริงๆ ว่าฟาน เพอร์ซี่ จะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ จึงโน้มน้าวให้สโมสรต่อสัญญาใหม่กับฟาน เพอร์ซี่ถึงสองรอบ คือในปี 2005 และ 2009
ด้วยความอดทนของเวนเกอร์ ที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังไม่ผลิบาน ทำให้ฟาน เพอร์ซี่รู้สึกขอบคุณเวนเกอร์เป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า "อาร์แซน เป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก ผมเป็นหนี้เขาทุกอย่าง เขาคือส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเติบโตขึ้น ทั้งในฐานะนักเตะ และในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง"
หลังจากรอมา 6 ปี ในที่สุด วันที่เวนเกอร์รอคอยก็มาถึง ฟาน เพอร์ซี่ ร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อย ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ฝีเท้าก็พัฒนาจนถึงขีดสุด และที่สำคัญคือมีวุฒิภาวะมากขึ้น เติบโตจนเพื่อนๆ สามารถพึ่งพาได้
ในฤดูกาล 2010-11 ฟาน เพอร์ซี่ ยิงไป 18 ลูกในพรีเมียร์ลีก เป็นรองดาวซัลโวของลีก
จากนั้นในฤดูกาล 2011-12 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ พร้อมระเบิดฟอร์มอันเหลือเชื่อที่สุด ยิงไป 30 ลูกในพรีเมียร์ลีก คว้ารางวัลดาวซัลโวได้สำเร็จ และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมทุกสถาบัน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ลงเล่นครบทั้ง "38 นัด" เป็นครั้งแรก คือจากที่เคยเจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด นี่คือปีที่ฟาน เพอร์ซี่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ
ฟาน เพอร์ซี่ กลายเป็นเจ้าของสถิติ นักเตะทีมปืนใหญ่ที่ยิงประตูได้สูงสุดในฤดูกาลเดียว ที่เล่น 38 นัด (30 ประตู) และเป็นเจ้าของสถิติ ผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม (64 ประตู)
หลังจบฤดูกาล 2011-12 ฟาน เพอร์ซี่ มีอายุ 29 ปี กำลังอยู่ในช่วงพีคที่สุดของอาชีพนักเตะ แปลว่าเวนเกอร์ กำลังจะได้เก็บเกี่ยว สิ่งที่เขาประคบประหงมมานานเสียที
แม้สัญญาของฟาน เพอร์ซี่เหลืออีก 1 ปี แต่เวนเกอร์ไม่ได้กังวลเลย เขามั่นใจว่าฟาน เพอร์ซี่จะต่อสัญญาออกไปแน่นอน เพราะสโมสรมอบความรักให้นักเตะตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แถมแต่งตั้งเป็นกัปตันด้วย คงไม่เปลี่ยนใจไปทีมไหนอีกแล้ว
2
ในช่วงซัมเมอร์ ตอนที่มีข่าวเรื่องซามีร์ นาสรี่ ผู้เล่นอีกคนคิดจะย้ายทีม เวนเกอร์อธิบายว่า "สถานการณ์ของ ซามีร์ นาสรี่ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มันคนละเรื่องกันเลย โรบินจะต่อสัญญาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมอยากให้เขาอยู่กับเราต่อไปอีกนานๆเลย"
แต่สิ่งที่แน่นอน ก็คือความไม่แน่นอน เรื่องที่เวนเกอร์ไม่เคยรู้มาก่อนเลย คือฟาน เพอร์ซี่ เกิดความลังเลขึ้นมา และคิดว่าอยากย้ายออกจากอาร์เซน่อล แม้จะผูกพันกับทีมมากก็ตาม และสาเหตุที่เขาไม่อยากอยู่ต่อ เพราะทีมปืนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จมากพอ ตลอด 8 ปีที่เขาอยู่กับทีมมา ได้แชมป์เอฟเอคัพ แค่ 1 โทรฟี่เท่านั้น
1
ฟาน เพอร์ซี่ไม่ชอบที่อาร์เซน่อลไม่มีการซื้อนักเตะบิ๊กเนมระดับโลกเข้ามา มีแต่ประคองทีมไปเรื่อยๆ ให้จบท็อปโฟร์เท่านั้น ซึ่งเขาอายุ 29 แล้ว โอกาสจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักครั้ง ก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าจะย้ายก็ต้องย้ายตอนนี้ เขาเองไม่อยากเป็นราชาไร้มงกุฎ
1
ในขณะที่ฟาน เพอร์ซี่ กำลังสับสนอยู่นั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ติดต่อเข้ามาผ่านทางเอเยนต์ และแจ้งว่าสนใจอยากซื้อตัวมาร่วมทัพด้วยทันที
ทีมปีศาจแดงในฤดูกาลที่ผ่านมา 2011-12 พวกเขามีเวย์น รูนีย์ เป็นหัวหอกอันดับหนึ่ง ยิงได้ 27 ประตูในพรีเมียร์ลีก แต่ตัวยิงอันดับสอง คือชิชาริโต้ ที่ยิงได้แค่ 10 ประตู ถือว่าแตกต่างกันเกินไป ดังนั้นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงต้องการกองหน้าอีกคนที่จบสกอร์ยอดเยี่ยม เอามายืนเป็นกองหน้าตัวเป้า เพื่อจะได้ถอยเวย์น รูนีย์ ลงไปเล่นกองหน้าตัวต่ำคอยสร้างสรรค์เกม
1
และเมื่อฟาน เพอร์ซี่ เหลือสัญญาอีกแค่ 1 ปี จึงเป็นโอกาสดีที่จะคว้าตัวทันที อาร์เซน่อลถ้าไม่ขายตอนนี้ก็ต้องยอมปล่อยฟรีๆ แบบไม่มีค่าตัวในปีหน้า
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนแรกใช้กลยุทธ์โยนหินถามทาง มีการปล่อยข่าวเรื่อยๆ ว่าสนใจ ถ้าหากฟาน เพอร์ซี่ อยู่อาร์เซน่อลต่อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฟาน เพอร์ซี่ ออกอาการอยากย้ายขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกเขาจะเดินหน้ารุกทันที
ฟาน เพอร์ซี่ เมื่อเจอรุกหนักๆ เขาเกิดอาการไขว้เขว เพราะถ้าพูดด้วยความสัตย์จริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวลานั้น ก็เป็นทีมที่ดีกว่าอาร์เซน่อล
ฤดูกาลก่อน (2011-12) ก็เกือบได้แชมป์ แต่แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่เรื่องลูกได้เสียเท่านั้น แปลว่าถ้า ฟาน เพอร์ซี่ ย้ายไปแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสคว้าแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก
สุดท้ายเมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฟาน เพอร์ซี่ จึงประกาศว่า "จะไม่ขอต่อสัญญากับอาร์เซน่อล" อย่างไรก็ตาม อาร์แซน เวนเกอร์ ยังไม่ยอมแพ้ พยายามเหนี่ยวรั้งสุดชีวิต เพื่อให้นักเตะอยู่ต่อ
แต่ความพยายามก็จบลง เพราะฟาน เพอร์ซี่ให้สัมภาษณ์ว่า "ในชีวิตนี้ เวลาคุณต้องเจอการตัดสินใจที่ยาก ถ้าเป็นผม ผมจะฟังเสียงของเด็กชายตัวเล็กๆที่อยู่ข้างในจิตใจ ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรกันแน่ และเด็กคนนั้น ตะโกนออกมาว่า ต้องการย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
6
เมื่อฟาน เพอร์ซี่ พูดแบบนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ที เขากล่าวว่า "เราไม่เคยคิดว่าจะได้ตัวฟาน เพอร์ซี่ แต่พอตัวนักเตะประกาศว่าเขาจะไม่ต่อสัญญา นั่นทำให้เรารู้ว่า มีโอกาสแล้ว"
1
เมื่อฟาน เพอร์ซี่ ปฏิเสธไม่ยอมต่อสัญญา มีหลายๆ ทีมยื่นข้อเสนอเข้ามาให้อาร์เซน่อล แต่ปัญหาคือ ฟาน เพอร์ซี่ ปฏิเสธข้อเสนอจากทีมอื่นทั้งหมด เพื่อขอย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น เขาล็อกเป้าแล้ว ว่าอยากไปเล่นที่ไหน
1
เรื่องนี้บีบคั้นเวนเกอร์อย่างมาก เพราะเขาไม่อยากปล่อยนักเตะให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นคู่ปรับโดยตรง เวนเกอร์อยากปล่อยฟาน เพอร์ซี่ไปเล่นลีกประเทศอื่นไปเลย แต่ตัวนักเตะไม่อยากไป อาร์เซน่อลเองไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เพราะถ้าไม่ปล่อยปีนี้ ปีหน้าก็เสียฟรีๆ แบบไม่ได้เงินเลย
กระบวนการต่อไป จึงอยู่ที่การเจรจาเรื่องของตัวเลขค่าตัว อีวาน กาซิดิส ซีอีโอของอาร์เซน่อลเรียกเงินจากเดวิด กิลล์ ซีอีโอของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวน 30 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก แต่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ยอม เพราะฟาน เพอร์ซี่อายุ 29 ปีแล้ว แถมสัญญาก็เหลือแค่ปีเดียว คุณจะขายกันราคานั้นได้อย่างไร
1
ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดต่อราคามาเหลือ 20 ล้านปอนด์ แต่เวนเกอร์ยืนยันกับกาซิดิสว่า อย่างน้อยต้องเรียก 25 ล้านปอนด์
1
การเจรจายืดเยื้อกัน 3 สัปดาห์ สุดท้ายเซอร์อเล็กซ์ ต้องโทรศัพท์หาเวนเกอร์ด้วยตัวเอง เพื่อปิดดีลให้ได้เพราะฤดูกาลจะเริ่มแล้ว
เวนเกอร์ ถามเซอร์อเล็กซ์ว่า เอาที่จ่ายได้สุดๆ เลย คือกี่ปอนด์ เซอร์อเล็กซ์ตอบว่า 22 ล้านปอนด์ เวนเกอร์จึงยื่นข้อเสนอสุดท้าย Take it or Leave it ไม่เอาก็ไม่เอา คือ 22.5 ล้านปอนด์ แต่ถ้าฟาน เพอร์ซี่ ช่วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์รายการใด รายการหนึ่ง ระหว่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ พรีเมียร์ลีก ในช่วงสัญญา ทีมปีศาจแดงต้องจ่ายเพิ่มอีก 1.5 ล้านปอนด์
1
เซอร์อเล็กซ์ ตอบตกลง
สุดท้ายดีลนี้เลยจบลง อาร์เซน่อล ขายฟาน เพอร์ซี่ ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคา 22.5 + 1.5 ล้านปอนด์นั่นเอง ซึ่งในภายหลังฟาน เพอร์ซี่ ช่วยให้ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้จริงๆ ดีลนี้เลยสรุปจบที่ราคา 24 ล้านปอนด์
1
ในวันที่ทุกอย่างตกลงกันได้ เวนเกอร์ โทรไปแสดงความยินดีกับเฟอร์กูสัน แล้วบอกว่า "คุณไม่รู้หรอก ว่าได้นักเตะที่ดีขนาดไหนไปครอง" เวนเกอร์มั่นใจว่า ฟาน เพอร์ซี่ จะเป็นคีย์แมนให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทันที และมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ
1
สำหรับอาร์เซน่อล ก็ต้องเลียแผลใจกันไปที่กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม ย้ายไปประสบความสำเร็จกับทีมคู่แข่ง ซึ่งพอย้ายไปปีแรก ฟาน เพอร์ซี่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยได้เลย แถมเขายังคว้าดาวซัลโวของลีกอีกต่างหาก (26 ประตู) ส่วนอาร์เซน่อลจบอันดับ 4 เหมือนเดิม
3
สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นแผลในใจของเวนเกอร์มาตลอด ในช่วงเวลาการทำงาน 22 ปีกับอาร์เซน่อล
เวนเกอร์ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "ตอนอเล็กซิส ซานเชซ ย้ายทีมก็น่าเสียใจนะ แต่แม้เราจะเสียเขาไป แต่เราก็ได้นักเตะคุณภาพมาทดแทน มันเลยไม่ได้เจ็บปวดอะไร แต่กับฟาน เพอร์ซี่ เราดึงเขามาจากทีมสำรองที่เฟเยนูร์ด เราอดทน และใช้เวลายาวนาน เพื่อรอให้เขาก้าวขึ้นสู่กองหน้าระดับโลก แต่พอเขาไปอยู่จุดนั้น เขาก็ทิ้งเราไป นี่สิ มันคือความเจ็บปวดของจริง"
4
โฆษณา