29 เม.ย. 2023 เวลา 04:42 • ประวัติศาสตร์

ยุทธการปฏิบัติการยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น (ตอนจบ)

ยุทธการในพม่าและจีนปี 1943-1945
ในเดือนพฤศจิกายน ปี1943 กองทัพอังกฤษ- อเมริกันได้แต่งตั้งนายพลเรือเอกลอร์ด หลุยส์ เมาต์บาตเต็น(Amd.
Lord Louis Mountbatten)เป็นผู้บัญชา
การกองทัพเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมอบหน้าที่ให้พลโทโจเซฟ สติล
เว็ลเป็นผู้ช่วย การเตรียมการของกองทัพอากาศฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้นคือ สหรัฐมีกองทัพอากาศที่10 และกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักรร่วมกับกองทัพอากาศเขตตะวันออกไกลของพลตรี(ยศสุดท้ายพลโท)จอร์จ อี. สเตรตเมเยอร์( Mej. Gen. George E. Stratemeyer) ทั้งหมดได้จัดตั้งฐานทัพอากาศ
ขึ้นในอินเดียและวางแผนว่า จะจัดตั้งฝูง
บินทิ้งระเบิดพิสัยไกล B-29 ขึ้นที่เมือง
เฉินตู(Chengtu)รัฐเฉสวนของจีนและพิจารณาว่าพื้นที่ส่วนไหนในแมนจูเรีย
หรือส่วนไหนที่กองทัพญี่ปุ่นมีการซ่อง
สุมกำลังพลที่ควรจะบุกเข้าโจมตี
แผนยุทธการของฝ่ายสัมพันธมิตรได้วาง
ขึ้นอีกครั้งในปี 1944 ครั้งนี้มีกองทัพบก
อเมริกัน-จีน-พม่า-อินเดียในการบัญชา
การของพลโทสติลเว็ลเข้าร่วมด้วย ซึ่งจะทำหน้าที่บุกเข้าโจมตีเริ่มจากเขตเมืองเลโดจรดเขตพื้นที่เมืองมยิตกีนาของพม่า ส่วนอีกหนึ่งกองทัพอังกฤษ-จีนจะทำการ
ข้ามแม่น้ำซินดะหวิ่น
พลเอกเซ่อร์ วิลเลียม.สลิม
(Chindwin River)เข้าสู่เขตเมืองอินดาว
(Indaw)พื้นที่ทางภาคเหนือของพม่า และกองทัพจีนยูนนานของพลเอกเจียง ไคเช็คจะทำการข้ามแม่น้ำสาละวินและจะเข้าปฏิบัติการยึดครองภาคเหนือทั้งหมดของพม่าในเวลาเดียวกันก็จะทำการโอบล้อมและปิดกั้นพรมแดนทั้งหมดของจีน
และทำการจัดตั้งกองทัพเสริมขึ้นอีกครั้งที่เขตพื้นที่เมืองอรากัน(Arakan)รัฐยะไข่
ก่อนจะบุกกองทัพเข้ายึดเมืองอัคยับและเกาะอันดามันเพื่อเสริมวัตถุและเสบียงขึ้นที่นั่น แต่จะไม่มีการอนุญาตให้ปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกในมหาสมุทรอินเดียในระหว่างนั้น แต่พลเอกเจียง
พลเอกเจียง ไคเช็ค- ภริยา และพลโทโจเซฟ สติลเว็ล
ไคเช็คแม่ทัพกองทัพจีนยูนานปฏิเสธการจะให้กองทัพจีนของเขาข้ามแม่น้ำสาละวิน แผนเส้นทางเดินทัพจึงเปลี่ยนเป็นเริ่มจากเมืองฮู่กว่าง(Hukuang)ในจีนไปที่เมืองมยิตกีนาในพม่า แผนปฏิบัติต่อมาคือจะเพิ่มกำลังพลในส่วนกองพลน้อย
ชินดิตส์จาก3 ขึ้นเป็น 6 กองพลเข้าโจมตีในเขตพื้นที่เมืองอินดาวในพม่าและทำ
การตัดการติดต่อสื่อสารทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นในเขตภาคเหนือของพม่า ในเวลาเดียวกันกองทัพอเมริกัน-จีน-พม่า-
อินเดียโดยการนำทัพของพลโทสติลเว็ล
จะทำหน้าที่บุกเข้าทำลายกองทัพญี่ปุ่นในเขตเมืองมยิตกีนา
พลเอกเจียง ไคเช็คและกองทหารจีนยูนนาน(จีนคณะชาติ)ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในขณะที่ฝ่ายกองทัพญี่ปุ่นวางแผนว่าจะ
เริ่มทำการเข้าโจมตีในเดือนมีนาคม1944
โดยการข้ามแม่น้ำซินดะหวิ่นและบุกเข้ายึดฐานทัพอากาศของอังกฤษที่เมืองอิม
ฟาลในอินเดีย จากนั้นก็จะบุกเข้าโจมตีพื้นที่เมืองยะไข่เพื่อป้องกันการบุกเข้ามาทางด้านนี้ของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร
เมื่อการวางแผนผ่านพ้นไป การปฏิบัติการจริงก็เริ่มต้นขึ้น
กองพลที่15 อินเดียจากกองทัพที่ 14 ในการบัญชาการของพลโท(ยศสุดท้ายจอม
พล) เซ่อร์ วิลเลียม สลิม(Lt. Gen. Sir
William Slim)ได้ตั้งแนวรบและแนวป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นระหว่าง
เมืองยะไข่-เมืองหม่องดอ- เมืองบูดิด่องในพม่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1944 กองทัพญี่ปุ่นเริ่มบุกเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วโดยทิ้งกำลังพลประมาณ 5,000 นายไว้ทางข้างหลัง เนื่องจากระบบการสื่อสารถูกตัดขาดโดยการบุกเข้าโจมตีทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร และกองทหารญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาเพื่อเสริมกำลังกองทัพในพื้นที่การสู้รบถูกจู่โจมจากกองบินรบฝ่าย
สัมพันธมิตรและทำความเสียหายอย่างหนักให้แก่กองทัพญี่ปุ่น และกองทัพอังกฤษบุกเข้าโจมตีซ้ำอีกครั้งในเดือน
พฤษภาคม ทำให้กองทัพญี่ปุ่นสูญเสียการยึดครองในเขตอัคยับก่อนจะล่าถอย
ออกไปจากพื้นที่ตั้งแต่เวลานั่น และเพื่อให้เป็นไปตามแผนของพลโทสติลเว็ล จึงส่งหน่วยรบพิเศษ3 กองพลน้อยเข้าไปในประเทศพม่าทั้งทางอากาศและการเดินทัพ ตอนสิ้นเดือนเมษายน 1944 หน่วยรบพิเศษ 12,000 นายพร้อมอาวุธยุทธสัมภาระครบครันมีคำสั่งให้ตั้งฐานปฏิบัติการขึ้นที่ในพื้นที่รอบๆเมืองอินดาวและทำการเข้าสกัดกั้นเส้นทางรถไฟด้านทิศเหนือที่มุ่งตรงไปยังเมืองโม่ก้อง(Mogaung)รัฐกะฉิ่นในพม่าและตัดการเชื่อมต่อสื่อสารทั้งหมดของกองทัพ
ญี่ปุ่นและทำการกดดันอย่างหนักก่อนที่ญี่ปุ่นจะถอนกำลังออกจากพื้นที่ และ
กองทหารอินเดียในสงครามโลกครั้งที่ 2
เมืองโม่ก้องจีงอยู่ในการควบคุมของพลโทสติลเว็ลในวันที่ 17 พฤษภาคม 1944
เนื่องจากกลัวว่าจะถูกระงับความช่วยเหลือตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้ ทำให้
พลเอกเจียง ไคเช็คตัดสินใจที่จะส่งกองทัพจีนยูนานของเขาทำการโจมตีข้ามแม่น้ำสาละวินในวันที่ 10 เมษายน แต่กองทัพของเขาล้มเหลวในการจะช่วยเหลือกองทัพของพลโทสติลเว็ลเข้ายึดเมืองมยิตกีนา เพราะถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกกระหน่ำเข้าโจมตีกองทัพจีนยูนานจน
ถอยร่นออกจากพื้นที่การสู้รบไกลถึง 20 ไมล์
เวลานี้กองทัพญี่ปุ่นมีอิสระอย่างเต็มที่ในการจะเสริมกำลังขึ้นที่เมือง
กาเหมื่ยง(Kamaing)และเมืองมยิตกีนา จนกระทั่งกองทัพของพลโทสติลเว็ลบุกเข้าโจมตีและยึดเมืองกาเหมี่ยงได้ในวันที่
16 มิถุนายนรวมกับชัยชนะของพลโท
สติลเว็ลที่โม่ก้อง จึงใช้ถนนเส้นนี้นำกองทัพบุกเข้าโจมตีกองทัพญี่ปุ่นที่มยิต
กีนาและสามารถยึดพื้นที่และเมืองได้ในวันที่ 3 สิงหาคม การยึดได้เมืองมยิตกีนาจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อฝ่ายสัมพันธมิตรเพราะมีการสร้างฐานบินและกองทัพอากาศขึ้นที่นี่ รวมถึงการสร้างระบบท่อส่งจ่ายน้ำมันจากเมืองเลโดเข้ามาพื้นที่แห่งนี้ และการขนส่งระบบระวางน้ำหนักทางอากาศไปที่จีน
อีกส่วนหนึ่งของกองทหารอินเดีย
จึงปราศจากพิกัดการปฏิบัติการของกองทัพญี่ปุ่น ส่วนในประเทศจีนมีการสู้รบเกิดขึ้นแบบประปรายในปี1942-1943
ต่อมาในปี1944 พลตรีแคลร์ เซ็นนอลต์
ที่ตั้งกองทัพอากาศขึ้นที่เมืองเฉินตูและตั้งเครือข่ายโยงใยบัญชาการกับกองทัพ
อากาศจีนทำการป้องกันเส้นทางรถไฟสายกว่างโจว- ฮั่นโข่วหรือหยู่ฮั่น ทำให้กองทัพอากาศที่ 14 สามารถสนับสนุนกองทัพจีนได้อย่างเต็มที่ ในระหว่างเดือนเมษายน- พฤษภาคมกองทัพจีนได้
ยกกำลังเข้าป้องกันเส้นทางรถไฟสายปักกิ่ง- หยู๋ฮั่น และตอนปลายเดือนพฤษภาคมกองทัพจีนเริ่มบุกเข้าโจมตีกองทัพญี่ปุ่น
ลงไปทางทิศใต้ แม้ว่าจะได้รับการสนับ
สนุนจากกองทัพอากาศที่ 14 และปฏิบัติการทิ้งระเบิดอย่างหนักของเครื่องบิน B- 29 แต่กองทัพจีนก็ไม่อาจต้านทานกำลังรบของกองทัพญี่ปุ่นได้ กลางเดือนธันวาคม 1944 กองทัพจีนเริ่มโจมตีจากเมืองกว่างโจวไปทางด้านทิศตะวันตกแต่ล้มเหลวเพราะกองทัพญี่ปุ่นได้ยึดครองพื้นที่เป็นส่วนมาก แต่มีเครื่องบินรบอเมริกันอีก2 ลำจากฐานทัพด้านตะวันออกของจีนร่วมกับกองทหารอเมริกันในอินโดจีนเริ่มบุกเข้าคุกคาม 2 พื้นที่เป้าหมายคือเมืองคุนหมิงและเมืองซุงกิง
ในเดือนธันวาคม 1944 พลโทโจเซฟ
สติลเว็ลถูกเรียกกลับกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมวางแผนปฏิบัติการสงครามกับผู้บริหารสูงสุดในกองทัพสหรัฐ โดยแยกผู้บัญชาการในจีนเป็นอีกส่วนหนึ่งทำหน้าที่โดยพลตรี(ยศสุดท้ายพลโท)อัลเบิร์ต ซี.
เวดเมเยอร์(Maj. Gen. Albert C. Wede-
meyer) และเพิ่มผู้บัญชาการในอินเดีย-
พม่าอีกอีกหนึ่งตำแหน่งทำหน้าที่โดยพล
โทแดเนียล ไอ. สุลต่าน(Lt. Gen. Daniel I. Sultan) หลังจากได้รับมอบหมายหน้า
ที่พลตรีเวดเมเยอร์เริ่มวางแผนในการจะเข้าโจมตีในเขตเมืองซุงกิงและเมืองคุน
หมิง
โดยได้วางแผนร่วมกับพลเอกเจียง ไคเช็คในการรวมพลกับกองทัพจีนยูนนาน
เข้าปฏิบัติการ
ด้านประเทศพม่าในขณะนั้น พลโทเซ่อร์
วิลเลียม สลิมได้นำกองทัพที่ 14 เข้ารุก
รบไล่ล่าและทำความเสียหายอย่างหนักให้แก่กองทัพญี่ปุ่นในทุกสมรภูมิรบแม้ว่าสภาวะอากาศจะทำให้พื้นที่การสู้รบจะ
เปียกแฉะเต็มไปด้วยเลนโคลน เมื่อบุกเข้ายึดเมืองกาเลวาได้จึงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชินดะหวิ่นขึ้นในหลายๆจุดใน
สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 1944
เวลานี้พลโทสลิมมีความพร้อมในการจะนำกองทัพที่ 14 เข้าโจมตีสู่ส่วนกลางของประเทศพม่า
เขาส่งกองพลที่ 33 เข้าโจมตีเป็นบริเวณกว้างเข้าสู่เขตแม่น้ำอิระวดีและเขตมันดาเลย์ และส่งกองพลที่ 4 เคลื่อนกำลังไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้อย่างลับๆจาก
เมืองกาเลวาไปยังเมืองบาค็อคคู(Pakok-
ku)และเมืองเมะทิลา(Meiktila) เป้าหมายคือการเข้าทำลายและตัดการสื่อสารทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นระหว่าง
กรุงย่างกุ้งและเมืองมันดาเลย์
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1945 เสบียงและยุทธ
สัมภาระมีพร้อมพรรคและเต็มพิกัดเนื่องจากถูกส่งลำเลียงมาทางอากาศและกองทัพที่ 14 ได้เข้าประจำตำแหน่งรบตลอดเขตแม่น้ำอิระวดีจุด 40 ไมล์จาก
กองทหารญี่ปุ่นในพม่า
เมืองมันดาเลย์มาทางด้านทิศเหนือ ส่วนเขตอรากันหรือเขตรัฐยะไข่ในขณะนั้น
กองทัพที่ 15 เริ่มบุกเข้ายึดเมืองอัคยับหลังคลื่นลมทะเลสงบและยึดเมืองได้ในวันที่ 3 มกราคมหลังจากญี่ปุ่นถอนกองทัพออกไปในสองวันก่อน หลังจากนั้นก็ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกเข้ายึดเกาะรามรี(Ramree Island)ในวันที่ 21 มกราคมและเข้ายึดครองเกาะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ในระหว่างเดือน
กุมภาพันธ์ และมีการสร้างฐานทัพอากาศขึ้นมาอย่างเร่งด่วนในเขตเมืองอัคยับและที่เกาะรามรีเพื่อเป็นฐานประจุเสบียงและ
ยุทธสัมภาระให้แก่กองทัพที่ 14 ในการ
กองทหารสหภาพโซเวียตบุกแมนจูเรีย
จะเข้าโจมตีจากเขตอิระวดีเข้าสู่กรุงย่างกุ้ง ส่วนพื้นที่ทางภาคเหนือของพม่าในขณะนั้นพลโทสติลเว็ลได้นำกองทัพบุกจากเขตเมืองมยิตกีนาลงมาทางทิศใต้ในเดือนตุลาคม 1944 และยึดเมืองบาโม
ได้ในวันที่ 15 ธันวาคม ส่วนพลโทแด
เนียล สุลต่านได้จัดตั้งกองพลน้อยอเมริกันขึ้นมาอีก 1 กองพลร่วมกับหน่วย
บุกทะลวงอเมริกัน(Marauders)ร่วมกับ
กองทัพอังกฤษ 1 กองพลและกองทัพจีนอีก 3 กองพลเข้าปฏิบัติการกับกองทัพจีน
ยูนานของพลเอกเจียง ไคเช็คในเขตถนนสายเก่าของพม่าในวันที่ 20 มกราคม
1945 ทำให้กองทัพญี่ปุ่นต้องล่าถอยออก
จากพื้นที่ทั้งหมด เวลานี้ถนนสายเลโดจากพม่าเข้าสู่จีนจึงว่างเว้นข้าศึก และมีการลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ต่างๆเข้ามาถึงเขตเมืองคุนหมิงในวันที่ 4
กุมภาพันธ์ และมีการเชื่อมต่อระบบส่งจ่ายน้ำมันจากเมืองเลโด- มยิตกีนาเข้าสู่เขตเมืองคุนหมิงอย่างเป็นระบบซึ่งแทบจะไม่มีการต้านทานใดๆจากกองทัพญี่ปุ่น
และกองทัพญี่ปุ่นที่เข้าคุกคามในเขตมันดาเลย์เริ่มถอนกำลังรบถอยห่างออกไปทางทิศใต้ กองทัพของพลโทสุลต่านยึดได้เมืองหล่าเสี้ยว(Lashio)ในวันที่ 7 มีนา
คม และฐานทัพอากาศที่เมืองมยิตกีนาทำการขนส่งเสบียงและยุทธสัมภาระ
เข้าสู่จีนเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่าในแต่ละเดือน และเนื่องจากมีการเพิ่มระบบท่อส่งจ่ายน้ำมันจากอินเดียเข้าสู่จีน จีนจึงไม่โดดเดี่ยวจากความช่วยเหลือของฝ่ายสัมพันธมิตรอีกต่อไป
การติดต่อสื่อสารของกองทัพญี่ปุ่นกับเขตพื้นที่ทางด้านทิศใต้ถูกขัดขวางหรือถูกคุกคามอย่างหนักจากกองเรือดำน้ำของสหรัฐ หลังจากกองทัพสหรัฐได้ปฏิ
บัติการขั้นสูงสุดในการยึดคืนเมืองเลย์เต
(Leyte)และเกาะลูซอน(Luzon Island)
ในฟิลิปปินส์ในช่วงฤดูหนาวปี 1944-
1945 กองทัพญี่ปุ่นถูกรุกไล่ออกจากอาณาเขตพื้นที่ด้านทิศใต้และหวนกลับเข้าไปในประเทศ
ทหารไทยกำลังต้านทานการบุกของกองทัพญี่ปุ่น
ที่ถูกยึดครองและเคยสะสมอาวุธสง
ครามไว้ ก่อนจะถอนกำลังออกจากเขต
รอบนอกของประเทศพม่าเพื่อเสริมกำลังรบขึ้นในเขตอินโดจีน และเริ่มทำการโจมตีจากฟิลิปปินส์แต่กำลังกองทัพอ่อนแอเกินไปในการจะรักษาพื้นที่ส่วนอื่นๆ
ในตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 1945 กองเรือรบในเขตแม่น้ำชินดะหวิ่นที่เมืองกา
เลวาในพม่าได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อแจกจ่าย
อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ส่งมาจากทางอากาศและสนับสนุนการเคลื่อนกองทัพของพลโทเซ่อร์ วิลเลียม สลิมในการจะนำกองทัพที่ 14 อินเดียข้ามแม่น้ำอิระวดี
ในตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ และกอง
กองทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยในสงครามโลกครั้งที่ 2
พลที่ 4 ยึดได้เมืองเมะทิลาในวันที่ 3 มีนาคม จากนั้นก็รุกกองทัพจากเมืองมันดาเลย์ไปทางด้านทิศใต้และด้านทิศเหนือพร้อมกัน ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นพยายามโจมตีตอบโต้และต้านทานเป็นครั้งสุดท้ายในการจะยึดคืนเมืองเมะทิลา การ
สู้รบที่หนักหน่วงและรุนแรงดำเนินมาตลอดเดือนมีนาคม แต่เมืองมันดาเลย์ที่อยู่ในการยึดครองของฝ่ายสัมพันธมิตรไม่อาจแตกหักลงง่ายๆ กองทัพญี่ปุ่นจึงล่าถอยออกจากพื้นที่พร้อมกับความย่อยยับของกองทัพ ครั้งนี้คือการโจมตีครั้งสุดท้ายของกองทัพญี่ปุ่นในเขตประเทศพม่า จากนั้นพลโทเซ่อร์ สลิม
ทหารออสเตรเลียเชลยศึกกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
ก็นำกองทัพบุกลงทางทิศใต้เพื่อเข้าโจมตีเขตกรุงย่างกุ้งโดยเส้นทางรถไฟและทางแม่น้ำอิระวดี เมืองตองอูถูกยึดในวันที่ 22 เมษายน เมืองปร็อม(Prome)
ถูกยึดในวันที่ 2 พฤษภาคม ในขณะที่เมืองเปกู(Pegu)กองทัพของพลโทเซ่อร์
สลิมนำกองทัพเข้ามายึดที่มั่นไว้ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายนและเข้าปฏิบัติการก่อนเกิดพายุมรสุมโดยปฏิบัติการยกพลขึ้นบก
ร่วมกับหน่วยรบทหารพลร่มขึ้นในเขตปากแม่น้ำย่างกุ้งในวันที่ 2 พฤษภาคม ในขณะที่ชาวเมืองและกองทหารญี่ปุ่นอพยพหลั่งไหลออกจากเมืองหลวงของพม่า กองทัพของพลโทเซอร์ สลิมจึง
การสู้รบของทหารอังกฤษในพม่าในสงครามโลกครั้งที่2
ปราศจากการต้านทานใดๆจากกองทัพญี่ปุ่น และเข้ายึดเมืองหลวงของพม่าได้ในวันที่ 3 พฤษภาคม ปฏิบัติการยึดคืนกรุงย่างกุ้งของฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจตั้งแต่เวลานั้น ทิ้งไว้เพียงข้าศึกในเขตแหลมมลายู
หลังเสร็จสิ้นภารกิจในยุทธการในพม่า กองทหารอเมริกัน- จีนทั้งหมดที่ได้เสริมกำลังรบขึ้นในอินเดียและพม่าถูกส่งเข้าไปในจีนเพื่อปฏิบัติการกับกองทัพญี่ปุ่นที่เมืองซุงกิง และกองทหาร 39 กองพลในกองทัพส่วนนี้บุกเข้ายึดอ่าวทะเลด้านทิศตะวันออกของจีน และยึดได้พื้นที่ทั้งหมดในระหว่างฤดูใบไม้ผลิปี
1945
กองทหารอังกฤษในสิงคโปร์
พร้อมกันในเวลานั้นกองทัพสหรัฐได้เข้าปฏิบัติการเป็นบริเวณกว้างในเขตส่วนกลางและด้านทิศเหนือของมหาสมุทร
แปซิฟิกและยึดได้เกาะอิโวจิมา(Iwo Jima Island)ในเดือนมีนาคม และยึดได้เกาะโอกินาวา(Okinawa Island) ในเดือนมิถุนายน 1945 ทำให้กองทัพสหรัฐ
มีฐานที่มั่นในการจะบุกเข้าโจมตีภายในตัวเมืองของประเทศญี่ปุ่น ทำให้กองทัพญี่ปุ่นต้องถอนกำลังออกจากเขตแมนจู
เรีย จากเกาหลีและจากเขตประเทศจีนเพื่อกลับไปทำการป้องกันเขตมาตุภูมิ และกองทัพญี่ปุ่นในจีนอีกส่วนหนึ่งได้ถอนกำลังออกจากเขตเกาะและทำการ
ยกพลขึ้นบกเพื่อ
กองทหารออสเตรเลียในสิงคโปร์
เข้าไปเสริมกำลังกับกองทัพญี่ปุ่นที่เมืองกว่างโจว และในเขตแม่น้ำแยงซีเกียง
และเขตเมืองเซี่ยงไฮ้แต่ไม่สามารถป้องกันเขตไว้ได้เพราะถูกกองทัพอเมริกันเข้าคุกคามอย่างหนักในการจะยึดคีนฐานทัพอากาศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นปีที่ทำการสู้รบและสร้างความสูญเสียมากที่สุดให้แก่กองทัพญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเริ่มมีการเจรจาสันติภาพในวันที่ 10
สิงหาคม หลังจากระเบิดปรมาณูลูกแรกทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมาในวันที่ 6 สิงหาคม
และลูกที่สองถูกทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ
ในวันที่ 9 สิงหาคม
การเข้าร่วมเจรจาระหว่างคณะผู้บัญชาการทหารหลังกองทัพญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตรที่สิงคโปร์
วันที่ 14 สิงหาคมญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมๆกับสหภาพโซเวียตประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในวันที่ 8 สิงหาคม(มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 สิงหาคม)ในคราวเดียวกัน หลังจากนั้นสหภาพโซเวียตได้ส่ง 3 กองทัพอันทรงพลังบุกเข้าเขตพื้นที่แมนจูเรีย และเขตเกาหลีรวมทั้งพื้นที่ทางทิศใต้ของเขตซากาลิน และหลังสุดบุกเข้ายึดเกาะคูริล และครั้งสุดท้ายในวันที่ 14 สิงหาคมกองทัพรัสเซียบุกเข้าปิดผนึกเป้าหมายที่สำคัญในเขตมุกเด็น(Mukden)หรือเซน
หยาง(Shenyang) และเข้ายึดฝั่งทะเลด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลี
พลเรือเอกลอร์ด หลุยส์ เมาต์บาตเต็นผู้บัญชาการกองทัพสัมพันธมิตรเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังกล่าวคำปราศรัย
และสุดท้ายก็บุกเข้ายึดพื้นที่ทั้งหมดในเขตซากาลิน
กองทหารญี่ปุ่นทั้งหมดในจีนยอมจำนนต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ฮ่องกงถูกปลดปล่อยให้ได้รับอิสรภาพ ส่วนกองทัพญี่ปุ่นที่เหลือในพื้นที่การยึดครองด้านทิศ
ใต้ได้หวนกลับเข้าไปในสิงคโปร์ กรุงเทพฯ และกรุงไซ่ง่อนเมืองหลวงของเวียดนามใต้ และในวันที่ 9 กันยายน 1945 ฝ่ายสัมพันธมิตรปฏิบัติการยกพลขึ้นบกและเข้าทำลายกองทัพญี่ปุ่นจนราบคาบลงบนเกาะสิงคโปร์ และกองทหารญี่ปุ่นทั้งหมดบนเกาะสิงคโปร์ได้ยอมจำนนต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในวันที่ 12 กันยายน 1945
ส่วนหนึ่งของทหารสัมพันธมิตรเชลยศึกกองทัพญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นภารกิจอันยาวนานในการทำลายกองทัพญี่ปุ่น ต่อไปก็คือการกอบกู้ชีวิตของเหล่าทหารเชลยศึกที่ถูกกองทัพญี่ปุ่นจับกุมคุมขังซึ่งมีอยู่อย่างมากมายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะดำเนินการต่อไป...
พลเอกดักลาส แม็คอาร์เธอร์กำลังอ่านคำประกาศต่อคณะผู้บัญชาการกองทัพญี่ปุ่นหลังยุติสงครามโลกครั้งที่2
โฆษณา