3 พ.ค. 2023 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Double Income, No Kids โอกาสออมเงินสองเด้งของคู่รักยุคใหม่

ถ้าคุณคือคู่เลิฟ Gen Y และ Gen Z ที่ไม่มีแพลนจะมีลูก รู้ไว้เลยว่า คุณคือคนส่วนใหญ่ที่กำลังคิดเช่นนี้
ข้อมูลจากกรมอนามัย เมื่อช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ได้เปิดเผยให้เห็นว่า สาเหตุหลักมาจากค่านิยม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จากการแต่งงานที่ช้าลง ความหลากหลายทางเพศที่มากขึ้น รวมถึงสภาพสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลให้คนชะลอการมีลูก
สังเกตได้จากอัตราเด็กเกิดใหม่ในปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ประมาณ 500,000 คน โดยลดลงถึง 35.7% นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทำให้คู่เลิฟที่มีไลฟ์สไตล์ และวิถีชีวิตแบบนี้ถูกเรียกว่า กลุ่ม DINKs ซึ่งมาจากคำว่า Double Income, No Kids คือ คู่รักที่สามารถสร้างรายได้สองช่องทาง จากทั้งสองคน แต่ไม่คิดที่จะมีลูกนั่นเอง
1
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น คุณเห็นข้อดีอะไรจากไลฟ์สไตล์นี้หรือไม่ ?
ใช่แล้ว ! รายได้สองช่องทาง หรือ Double Income จากการที่ต่างฝ่ายต่างหารายได้เข้ามานั่นเอง
ฉะนั้น ถ้าคุณ (และคู่รักของคุณ) คือคนที่เข้าข่ายกลุ่ม DINKs อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป ! เพราะถ้าคุณและคนรัก เริ่มลงทุนกันตั้งแต่วันนี้ นั่นเท่ากับว่าคู่ของคุณมีโอกาสที่จะสร้างเงินเกษียณให้งอกเงยได้อย่างไม่ลำบาก
สาย DINKs คู่ไหน กำลังมองหาวิธีการลงทุนที่เริ่มต้นทำพร้อม ๆ กันได้ง่าย
KTAM ขอแนะนำวิธีที่เรียกว่า “DCA หรือ Dollar Cost Averaging” ที่เป็นการลงทุน ที่เน้นลงทุนอย่างสม่ำเสมอกับสินทรัพย์ดี มีคุณภาพที่เลือกไว้ เป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันในทุกครั้งที่ลงทุน โดยไม่สนใจราคาหรือสภาพตลาด
โดยการ DCA ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคพื้นฐาน ที่ผู้ลงทุน มักใช้สำหรับการออมเงินในระยะยาวให้งอกเงย ซึ่งวิธีนี้ ถือเป็นวิธีที่เหมาะกับคู่รักที่มีเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวร่วมกัน
ดังนั้น คู่รักสาย DINKs เอง ก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เพราะการลงทุนร่วมกัน จะสร้างโอกาสเข้าสู่เป้าหมายของเงินเกษียณได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้ต้นทุนที่น้อยลง ในระยะเวลาที่เท่ากัน
และเพื่อให้คู่รักสาย DINKs เห็นภาพมากยิ่งขึ้นถึงความสำคัญของการเริ่มลงทุนแบบ DCA ว่าเป็นอย่างไร ลองไปดูทั้งสองโมเดลนี้พร้อม ๆ กัน
โมเดลที่ 1 : DCA ด้วยตัวคนเดียว
  • ระยะเวลาลงทุน 40 ปี
  • เป้าหมายเงินเกษียณ 10 ล้านบาท
  • คาดหวังผลตอบแทนสินทรัพย์ 6% ต่อปี
  • การ DCA เพียงลำพัง ต้องใช้เงินลงทุนถึง 5,100 บาทต่อเดือน
โมเดลที่ 2 : DCA ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
  • ระยะเวลาลงทุน 40 ปี
  • เป้าหมายเงินเกษียณ 10 ล้านบาท (โดยแบ่งเป็นคนละ 5 ล้านบาท)
  • คาดหวังผลตอบแทนสินทรัพย์ 6% ต่อปี
  • การ DCA ร่วมกัน จะทำให้แต่ละคน ลงทุนเพียงคนละ 2,550 บาทต่อเดือนเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของการลงทุนคนเดียว กับช่วยกันลงทุน จะมีการใช้เงินต้นต่างกันถึง 50% ในการไปถึงเป้าหมายเลยทีเดียว
ซึ่งข้อดีของการ DCA ร่วมกัน ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะยังมีสิ่งที่ดีของการวางแผนการเงินตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็น
1) การใช้เงินส่วนตัวสำหรับการลงทุนที่น้อยลง ซึ่งต่างคน อาจนำเงินส่วนนั้นไปใช้ทำอย่างอื่น หรือลงทุนเพิ่มเติมได้
2) หรือถ้าหากว่าต่างฝ่าย ต่างใช้เงินลงทุน ในจำนวนที่เท่ากับโมเดลที่ 1 (การ DCA ด้วยตัวคนเดียว) ก็อาจเป็นการเพิ่มจำนวนเงินแบบดับเบิลให้กับพอร์ตการลงทุนของเราได้อีกด้วย
3) เปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างมีทางเลือกในการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนในการลงทุนร่วมกันได้
4) เปิดโอกาสในการเติมความรู้ในเรื่องของการลงทุนใหม่ ๆ ให้กันและกัน จากลักษณะของสินทรัพย์การลงทุน หรือประสบการณ์การลงทุนที่แตกต่างกันไป
สำหรับคู่รักสาย DINKs ที่อยากเริ่ม DCA สร้างพอร์ตเกษียณร่วมกัน “กองทุนรวม” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งจากการจัดสรรการลงทุนให้โดยทีมงานมืออาชีพ การใช้เงินจำนวนไม่มาก สำหรับการเริ่มลงทุน และการมีนโยบาย หรือสัดส่วนในการลงทุนให้เลือกอย่างหลากหลาย
โดยกองทุนรวมที่น่าสนใจ ที่มีนโยบาย และสัดส่วนการลงทุนที่น่าสนใจ สำหรับคู่รักสาย DINKs ที่ต้องการเริ่มต้น DCA ด้วยกัน ก็คือ 4 กองทุนยอดฮิตจาก KTAM อย่าง 4 กองทุน กลุ่ม “มั่ง มี ศรี สุข” ซึ่งมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละกลุ่มในสัดส่วนที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับความต้องการ
1) กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง ชนิดสะสมมูลค่า (KTMUNG-A)
  • สัดส่วนการลงทุนเบื้องต้น (โดยประมาณ) : หุ้น 85%, ตราสารหนี้ 5% และอื่น ๆ 10%
  • ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ : http://bitly.ws/sGwS
  • ข้อมูลของกองทุนล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566
2) กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ ชนิดสะสมมูลค่า (KTMEE-A)
  • สัดส่วนการลงทุนเบื้องต้น (โดยประมาณ) : หุ้น 60%, ตราสารหนี้ 30% และอื่น ๆ 10%
  • ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ : http://bitly.ws/DhjN
  • ข้อมูลของกองทุนล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566
3) กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ ชนิดสะสมมูลค่า (KTSRI-A)
  • สัดส่วนการลงทุนเบื้องต้น (โดยประมาณ) : หุ้น 40%, ตราสารหนี้ 50% และอื่น ๆ 10%
  • ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ : http://bitly.ws/DhjQ
  • ข้อมูลของกองทุนล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566
4) กองทุนเปิดกรุงไทยสุขใจ ชนิดสะสมมูลค่า (KTSUK-A)
  • สัดส่วนการลงทุนเบื้องต้น (โดยประมาณ) : หุ้น 25%, ตราสารหนี้ 70% และอื่น ๆ 5%
  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : http://bitly.ws/tZPp
โดยกองทุนทั้ง 4 กองทุน จะเน้นลงทุนแบบ Asset Allocation หรือจัดสรรเงินลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ผ่านการลงทุนแบบ Fund of Funds ในกองทุนภายใต้การจัดการ โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งไม่เกิน 79% ของ NAV และมีกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
*ข้อมูลของกองทุนล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566
เพราะการเกษียณ อาจมาถึงไวกว่าที่คิด ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นคู่รักแบบไหน ก็อย่าลืมลงทุนเพื่อสร้างพอร์ตเกษียณในอนาคต ไปพร้อม ๆ กับการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยง ให้กับตัวเอง และคนรักตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสดับเบิลความสุขร่วมกันในยามเกษียณแบบไร้ความกังวล
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย
ดาวน์โหลด :
สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร. 02-686-6100 กด 9
คำเตือน :
ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน มั่ง มี ศรี สุข ที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด / ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย / ความเสี่ยงจากความสามารถในการชําระหนี้ของผู้ออกตราสาร / ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ / ความเสี่ยงจากการดําเนินงานของผู้ออกตราสาร
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน / ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน / ความเสี่ยงจากข้อจํากัดการนําเงินลงทุนกลับประเทศ / ความเสี่ยงจากการทําสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง / ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ และความเสี่ยงในเรื่องคู่สัญญาในการทําสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรืออาจจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
References :
โฆษณา