ทำไม ธุรกิจบัตรเครดิต ถึงมีหนี้เสียต่ำ ?
หนี้เสีย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่บริษัทผู้ให้สินเชื่อนั้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่รู้หรือไม่ว่า บัตรเครดิต สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน กลับมีหนี้เสียน้อยที่สุด ในกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
แล้วทำไม ถึงเป็นแบบนั้น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่าคนไทย มีหนี้ครัวเรือนสูงสุด เป็นอันดับ 2 ในเอเชีย และอันดับ 12 ของโลก
โดยหนี้ครัวเรือนในบ้านเรา ที่เกิดจากสินเชื่อเพื่อการบริโภคในประเทศ จะประกอบไปด้วย
- สินเชื่อบ้าน
- สินเชื่อรถ
- บัตรเครดิต
- จำนำทะเบียนรถ
- สินเชื่อส่วนบุคคล
ซึ่งผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อนั้น ก็จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1. ธนาคารพาณิชย์ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย
2. ธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เรียกอีกอย่างว่า Non Bank ใช้เรียก ผู้ที่ประกอบธุรกิจที่ให้สินเชื่อรายย่อย แต่ไม่มีบริการรับฝากเงิน เหมือนธนาคารพาณิชย์
ซึ่งถ้าเราเข้าไปดู ธุรกิจ Non Bank นั้น จะมีการให้บริการสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อที่มีรถเป็นหลักประกัน
แล้วคุณภาพหนี้ในกลุ่ม Non Bank เป็นอย่างไร ?
ส่วนใหญ่เราจะวัดคุณภาพหนี้สิน จากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม หรือ NPL Ratio ยิ่งน้อยเท่าไร ก็จะยิ่งดีเท่านั้น
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เรามาดู NPL Ratio เฉลี่ยของธุรกิจกลุ่ม Non Bank ในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2565
- สินเชื่อส่วนบุคคล 3.0%
- สินเชื่อที่มีรถเป็นหลักประกัน 2.0%
- สินเชื่อบัตรเครดิต 1.6%
จะเห็นได้ว่า สินเชื่อประเภทบัตรเครดิต มีหนี้เสียน้อยที่สุด และน้อยกว่าสินเชื่อประเภทที่มีรถเป็นหลักประกันเสียอีก
ที่เป็นแบบนั้น เหตุผลสำคัญก็เพราะว่า บริษัทที่ปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิต ส่วนใหญ่จะเป็นธนาคาร หรือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีเงินทุนและฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว
และแม้ว่าการปล่อยสินเชื่อประเภทบัตรเครดิต จะไม่ต้องมีหลักประกันในการกู้เหมือนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
แต่ก็ต้องบอกว่าการปล่อยกู้ของหนี้ประเภทบัตรเครดิต ก็ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อง่าย ๆ เนื่องจากผู้กู้ต้องมีฐานเงินเดือนอย่างน้อย 15,000 บาทขึ้นไป ถึงจะมีบัตรเครดิตใช้ได้ โดยวงเงินในการได้เงินกู้นั้น ก็เพียง 1.5 เท่าของฐานเงินเดือน เท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเรามีเงินเดือน 15,000 บาท แสดงว่าเราจะได้วงเงินเพียง 22,500 บาท เท่ากับว่า เราก็จะมีโอกาสเบี้ยวหนี้ได้เพียง 22,500 บาท ตามวงเงินที่ได้รับ เท่านั้น
เพราะฉะนั้น การที่ผู้ประกอบการประเภทบัตรเครดิต มีการคัดกรองลูกหนี้ตั้งแต่แรก จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดผล
กระทบของหนี้เสียที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ได้ในระดับหนึ่ง
การที่เราติดหนี้บัตรเครดิต ก็จะส่งผลต่อประวัติการชำระหนี้ที่บันทึกโดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโรเหมือนกับสินเชื่ออื่น ๆ
ซึ่งหากมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ก็จะทำให้การกู้สินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินทำได้ยากขึ้น และประวัติการชำระหนี้ที่บันทึกไว้ จะยังอยู่ในข้อมูลเครดิตบูโรไปอีก ถึง 3 ปี
แต่ถ้าเปรียบเทียบหนี้ที่มีหลักประกัน อย่างที่เราเห็นกันในโฆษณาบ่อย ๆ เช่น สินเชื่อจำพวกจำนำทะเบียนรถ ก็จะมีโอกาสเป็นหนี้เสียมากกว่า
เนื่องจาก หนี้ประเภทนี้ ไม่ได้มีการคัดกรองลูกหนี้ตั้งแต่แรก แต่ใช้วิธีประเมินหลักประกัน ที่ลูกหนี้นำมาค้ำประกันไว้ จึงมีการปล่อยกู้ง่ายและเร็วกว่า เพราะไม่ได้มีการเช็กเครดิตบูโร
โดยหนี้ประเภทนี้ กลุ่มลูกค้า คือ กลุ่มคนที่ไม่ได้มีสลิปเงินเดือน หรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่ประจำ ซึ่งต่างจากผู้มีบัตรเครดิตที่ส่วนใหญ่จะมีเงินเดือนที่สม่ำเสมอในแต่ละเดือน
เหตุผลทั้งหมดนี้ จึงเป็นข้อสรุปที่ว่า ทำไม สินเชื่อประเภทบัตรเครดิตนั้น จึงมีหนี้เสียที่น้อยกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ๆ นั่นเอง..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
References
-รายงานประจำปี 2565 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
-รายงานประจำปี 2565 บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
