3 พ.ค. 2023 เวลา 23:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

⚠️ One Last Hike | เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย? | สรุปและวิเคราะห์

คณะกรรมการลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5%-5.25% โดยสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในแถลงการณ์คือ การนำประโยคที่ระบุว่า "คณะกรรมการคาดว่าการปรับนโยบายเพิ่มเติมอาจเป็นสิ่งที่เหมาะสม" ออกนั่งเองคะ นับได้ว่าเป็นสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้น่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายแล้ว
3
อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ยังคงข้อความเดิมที่ระบุว่า “ในการพิจารณาขอบเขตของการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเพิ่มเติมอาจเหมาะสมเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาที่ 2% เมื่อเวลาผ่านไป โดยคณะกรรมการจะคำนึงถึงการขึ้นดอกเบี้ยสะสม ความล่าช้าของนโยบายการเงินที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อและพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงิน” สะท้อนว่ายังคงเฟดแทงกั๊กไว้เหมือนเดิมเลยคะ ว่ายังขึ้นดอกเบี้ยต่อไปได้นะถ้าตัวเลขเศรษฐกิจไม่เป็นใจนั่นเอง
4
ส่วนใครที่กำลังรอคำพูดในเชิงว่านโยบายการเงินนั้น "เข้มงวดเพียงพอ" แล้ว อาจต้องผิดหวังกันเนื่องจากเฟดไม่ได้ระบุในแถลงการณ์แต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้นิคกี้มองว่าอาจมีคณะกรรมการเฟดบางท่านยังอยากให้ขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก
2
ส่วนเหตุผลสำคัญของการเปลี่ยนโทนในแถลงการณ์คือ การรับรู้ถึงสถาการณ์ในภาคสินเชื่อที่ตึงตัวมากขึ้น ซึ่งจะต่างจากแถลงการณ์ในเดือนมีนาคมที่ระบุว่าวิกฤตในภาคธนาคาร “มีแนวโน้ม” ที่จะส่งผลให้ภาคสินเชื่อตึงตัวขึ้น ซึ่งตรงนี้เองสะท้อนว่าตอนนี้เฟดได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงๆแล้ว เพราะในการประชุมรอบที่แล้วนั้นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังเราเจอปัญหา SVB Bank ล้มนั่นเองคะ
อย่างไรก็ตามในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคแรงงานและเงินเฟ้อ แถลงการณ์ยังคงระบุเหมือนเดิมว่าการจ้างงานยังคง “แข็งแกร่ง” และอัตราเงินเฟ้อว่ายัง “อยู่ในระดับสูง”
อ่านๆดูแล้วในฝั่งของแถลงการณ์จะค่อนข้างเอนไปทาง Dovish มากกว่า โดยตลาดหุ้นเองก็ตอบรับในเชิงบวกเช่นกันคะ แต่ Highlight จริงๆอยู่ที่ช่วงแถลงข่าวมากกว่าโดยทางด้านประธานเฟดอย่างคุณเจอโรม พาวเวลล์ นั้นกลับมีท่าทีที่ Hawkish มากกว่าในแถลงการณ์ แต่ยังถือว่าเป็นท่าทีที่ Dovish มากกว่าการแถลงข่าวในการประชุมเดือนมีนาคมอยู่บ้าง หรือพูดง่ายๆก็คือมีท่าทีที่ Soft ลงจากการประชุมรอบก่อนๆ โดยนิคกี้สรุปใจความหลักมาให้ 3 ข้อคือ
5
1️⃣ พาวเวลล์ยอมรับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดว่าจะเกิด Mild Recession ในปลายปีนี้ โดยแกคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มมากกว่าที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ซึ่งนิคกี้ต้องบอกก่อนว่าสมาชิก FOMC กับเจ้าหน้าที่เฟดเป็นคนละส่วนงานกัน และทาง FOMC เองก็สามารถไม่เห็นด้วยกับการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดได้คะ
แต่ปกติแล้วการประมาณการณ์จากเจ้าหน้าที่เฟดก็มักเอามาใช้เป็นรากฐานสำหรับการคาดการณ์จากทาง FOMC ซึ่งนับว่าแปลกอยู่เหมือนกันที่ประธานเฟดออกมาบอกอย่าเปิดเผยว่าไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ไว้ หรือพูดง่ายๆก็คือ FOMC ไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่เฟดนั่นเอง
5
2️⃣ ในประเด็นของการลดอัตราดอกเบี้ย พาวเวลล์กล่าวว่าเขาและสมาชิกคณะกรรมการคนอื่นๆยังมองว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงอย่างช้าๆเท่านั้น ทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยจึงไม่เหมาะสม โดยพาวเวลล์พูดเหมือนเดิมว่าเงินเฟ้อภาคบริการที่ไม่รวมค่าที่อยู่อาศัย (Core PCE Services Ex. Housing) แทบจะไม่ลดลงเลย ▶️ เงินเฟ้อหมวดนี้แหละคะที่นิคกี้บอกว่าเป็นข้ออ้างสุดท้ายของเฟดแล้ว
1
3️⃣ พาวเวลล์ไม่ได้ยืนยันกับตลาดตรงๆว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่เขากล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะใกล้เคียงกับ (หรืออยู่ที่) ระดับที่เข้มงวดเพียงพอแล้ว และความตึงเครียดในระบบการธนาคารที่ทำให้สินเชื่อตึงตัว รวมถึงการลดขนาดงบดุล (QT) อย่างต่อเนื่องช่วยทำให้ภาวะการเงินเป็นเช่นนั้น แต่คุณพาวเวลล์ทิ้งท้ายไว้ว่ายังเร็วเกินไปที่จะประกาศอย่างชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวนั้นเข้มงวดเพียงพอ และผู้กำหนดนโยบายจะต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะทำการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
1
🎯 ความเห็นส่วนตัวและมุมมองการลงทุน
นิคกี้มองว่าเฟดมีท่าทีที่ Dovish มากขึ้น และน่าจะได้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอัตราดอกเบี้ย 5.25% ก็สอดคล้องกับตัว Dot Plot ที่เพิ่งปล่อยออกมาในเดือนมีนาคมนั่นเองคะ นอกจากนี้เองตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯก็ส่งสัญญาณอ่อนแอลงชัดเจนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แถมปัญหาในภาคธนาคารยังกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งและมีโอกาสได้เห็นแบงก์ขนาดกลางล้มเพิ่มเติมอีก นี่ยังไม่รวมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสเกิด mild recession ในครึ่งปีหลัง ซึ่งนิคกี้มองว่ามีโอกาสเกิดค่อนข้างสูง ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้นิคกี้มองว่าเฟดจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อีกต่อไปคะ เพราะถ้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ จากที่เคยจะเกิด soft landing ดูท่าแล้วจะกลายเป็น hard landing แทนนั่นเองคะ
2
สำหรับท่าทีของคุณพาวเวลล์ที่ยังมีความ Hawkish อยู่ นิคกี้มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเฟดไม่อยากให้ภาวะการเงินผ่อนคลายเร็วเกินไปนั่นเองคะ ไม่งั้นอัตราเงินเฟ้ออาจกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเพื่อนๆที่ติดตามเพจมาตลอดจะคุ้นๆว่า นิคกี้จะบอกเหมือนเดิมอยู่เสมอๆว่า พาวเวลล์จะรอถึงวินาทีสุดท้ายถึงจะออกมาเปลี่ยนโทนนั่นเองคะ ดังนั้นในรอบนี้นิคกี้ยังยืนยันเหมือนเดิมคะ 🤣 แต่ถ้าใครได้ฟังคลิปเต็มๆตอน Q&A จะพบว่าแกเองก็มีหลุดๆโทน Dovish ออกมาบ้างอยู่เหมือนกัน แต่พยายามเก็บอาการอยู่
4
โดยสรุปแล้ว นิคกี้มองว่าเฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นเงินเฟ้อกลับมาพุ่งพรวดๆอีก 1 รอบ (ซึ่งน่ายากมากๆ) แถมมีโอกาสต้องกลับมาลดดอกเบี้ยในปลายปีนี้หรืออย่างช้าก็ต้นปีหน้า ทำให้เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่ม Growth กลุ่ม Tech ที่ถูกกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้นมาตลอดปี 2022 ส่วนกลุ่มที่ต้องระวังคือกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ เช่น Finance, Industrial, Energy และ Material นั่นเองคะ
6
สำหรับในฝั่งตราสารหนี้แล้ว จริงๆอยากบอกว่าตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสครั้งท้ายๆแล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาสูงมากๆ และน่าจะเป็นระดับสูงสุดแล้วเช่นกัน ดังนั้นใครที่รออยู่ ให้ลงทุนได้แล้วคะ แต่ให้เน้นไปที่กลุ่มคุณภาพสูงๆอย่างพันธบัตรรัฐบาลหรือ Investment Grade เป็นหลัก และหลีกเลี่ยงกลุ่ม High Yield เนื่องจากถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯเกิด recession ขึ้นมา ตราสารหนี้ในกลุ่ม High Yield มีโอกาสที่อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (default) จะพุ่งขึ้นนั่นเองคะ
3
Source: Bloomberg
#เศรษฐกิจ #การเงิน #ลงทุน #กองทุน #มือใหม่ #ข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก #ข่าวทั่วโลก #หุ้น #กองทุนรวม #ดอกเบี้ย #นักลงทุน #GDP #สหรัฐฯ #FED #QE #QT #Taper #Recession #เศรษฐกิจถดถอย #วิกฤติเศรษฐกิจ #วิกฤติ #inflation #เงินเฟ้อ #FRB #FirstRepublic #แบงก์ล้ม #วิกฤติธนาคาร
1
โฆษณา