เปิดประวัติ "พระอาจารย์คม" อดีตพระชื่อดังยักยอกเงินวัด 180 ล้านบาท
เปิดประวัติ "พระอาจารย์คม" อดีตพระสายกรรมฐานหนุ่มชื่อดัง หลังถูกตำรวจสอบสวนกลางจับพร้อมพวกฐานยักยอกทรัพย์ วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่าความเสียหายมากกว่า 180 ล้านบาท
ประเด็นฉาวในวงการสงฆ์ที่สังคมยังคงให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีคำสั่งจากเจ้าคณะตำบลปากช่องแต่งตั้งพระราชวชิราลังการ วิ. (คำปอน สุทฺธิญาโณ) เจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณวราราม เจ้าคณะ จ.นครราชสีมา (ธรรมยุต) เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรีแทน พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัด รวมถึงทรัพย์สิน "พระอาจารย์คม" พระวัดป่าธรรมคีรี ภายหลังเกิดกระแสข่าวลาสิกขาแล้วนั้น
กระทั่งล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม พร้อมด้วยรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวการจับกุม "พระหมอ" เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ "พระอาจารย์คม" ประธานฝ่ายสงฆ์และพระชื่อดังพร้อมน้องสาวร่วมกันยักยอกเงินวัดมูลค่าความเสียหายกว่า 180 ล้านบาท
พระวชิรญาณโกศล วิ. หรือ "พระอาจารย์คม" เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดังที่สนใจแนวทางการฝึกภาวนาของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" อดีตเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จังหวัดอุดรธานี และ อุบาสิกาจันดี โลหิตดี น้องสาวของ หลวงตามหาบัว มาตั้งแต่สมัยเรียนระดับมัธยมศึกษา
พระอาจารย์คม บวชและศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อหาที่สงบในการปฏิบัติธรรม และตั้งที่พักสงฆ์ธรรมคีรีขึ้น
กระทั่งเริ่มมีลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากที่บริจาคทุนทรัพย์เพื่อสร้างวัดป่าธรรมคีรีขึ้น พระอาจารย์คม มีลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง และดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง
ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ในพื้นที่ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางข้อหา "เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและรับของโจร"
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ร่วมกันยักยอกเงินของวัดไปแล้วกว่า 180 ล้านและคาดว่าน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ การสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำเงินของวัดออกมาจริง รวมถึงในระหว่างที่ถือสมณเพศนั้นได้มีการเสพเมถุนภายในกุฏิของวัดซึ่งถือเป็นการอาบัติปาราชิก ตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัยอีกส่วนหนึ่ง ทางผู้ต้องหาจึงสมัครใจที่จะลาสิกขา
- 22
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
