“ฉิบหายแน่”

(10)
1
หลายตอนที่ผ่านมา ผมเล่าให้เห็น “สภาพ” ของเหล่าดาราที่อยู่ในระดับหัวหมู่ ของกลุ่มอียู …ซึ่งเมื่อหน้าหนาวมาถึงก็ต้องลุ้นกันหน่อย ว่าดาราเหล่านั้นจะต้องแก้ผ้าฯหรือไม่ …และ เมื่อแก้แล้ว จะยังหนาวสั่นกันมากน้อย ขนาดไหนหวังว่าท่านผู้อ่าน คงมองเห็นภาพออกบ้างแล้ว
1
แต่เรายังไม่ได้ล้วงเข้าไปถึง ผู้ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการร่วมสร้างฉากยูเครน และทำหน้าที่…เสมือนเป็นฟันเฟืองตัวใหญ่ …ที่ทำให้ฉากยูเครนขยับเดินหน้าอย่างเร้าใจ…หรือ ระทึกใจ…จนอาจพากันให้ฉิบหายหนักไปถึงไหนๆก็ได้ !ซึ่งบรรดาสื่อต่างๆ …ไม่ว่าสื่อนอก สื่อในดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะนำเรื่องของฟันเฟืองตัวใหญ่นั้น มาชำแหล่ะเล่าเรื่องให้เราฟังกันเลย …ทั้งๆ ที่เรื่องของไอ้ฟันเฟืองตัวใหญ่นี้มันน่าจะช่วยทำให้เราชาวโลก เข้าใจเรื่องราวของสงครามยูเครน ชัดเจนขึ้น…
2
ครับ ผมหมายถึง สหภาพยุโรป หรือ ที่เราเรียกสั้นๆว่า กลุ่มอียู หรือ อียูเฉยๆ …ที่ปัจจุบันมีสมาชิกเป็นพวกประเทศยุโรป 27 ประเทศ นั่นแหล่ะ
กลุ่มอียูนั้น มีที่มาย้อนไปไกล ถึงสมัยสงครามโลกครั้ง ที่ 2ที่จบสิ้นลง พร้อมกับความฉิบหายอย่างยับเยินของประเทศส่วนใหญ่แถวยุโรป และ เจ้าแจ๊บ
2
ประเทศยุโรปที่ฉิบหายหนักในตอนนั้น คือ อังกฤษ ฝรั่งเศสเยอรมัน อิตาลี กรีซ เนเทอร์แลนด์ ฯลฯรวมทั้งสหภาพโซเวียต…ซึ่งแม้พวกเขาจะอยู่กันคนละฝ่าย ในช่วงทำสงครามแต่เมื่อสงครามจบ ต่างก็หายนะครือกันแต่ในความเป็นจริง …ไอ้นิ้วก้อย และไอ้ปากเหม็นมีความปรารถนาอย่างที่สุด ที่จะให้สหภาพโซเวียต นั้นฉิบหายแบบ ไม่เหลือแม้แต่เศษ !!!
4
แล้ว พ่อพระ ชื่ออเมริกา ก็โผล่มา
นอกจากอเมริกา จะจัดการก่อตั้งองค์กรต่างๆเช่น ยูเอน ธนาคารโลก ไอเอมเอฟ ฯลฯที่อ้างว่า เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันให้ชาวโลกสร้างความอยู่ดี กินดี มีเงินทุนช่วยเหลือฯลฯ แล้วพ่อพระอเมริกา ยังแถมแจกของขวัญเป็นพิเศษให้กับ “พวกยุโรป”
2
มันเป็นโครงการต่างๆ ที่มีฉลากแปะหน้าว่า “เพื่อช่วยฟื้นฟู” ประเทศในยุโรปที่หายนะจากสงครามให้ ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ โดยเฉพาะโครงการชื่อ Marshall Plan
โอ้ย พ่อพระ ใจดีฉิบหายเลย
1
แต่จริงๆแล้ว ไอ้โครงการดังกล่าวนั้นมันเป็นการลงทุน เพื่อ “ซื้อ” หรือ หลอกเอาพวกยุโรปมาเป็นเหยื่อ เป็นลูกกระเป๋ง เป็นเด็กเก็บลูกบอล ฯลฯรุ่นแรก และรุ่นสำคัญยิ่งของอเมริกาโดยอเมริกา มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าตนเอง จะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
มันก็ไม่ต่างกัน กับการทำลายไอ้แจ๊บจนตายไปหลายแสน…แล้วไอ้คนทิ้งระเบิดให้ใอ้แจ๊บตายก็ลงทุนฟื้นฟูประเทศเขา…เพื่อเอาเขามาแบกถาดให้มันจนถึงทุกวันนี้
1
เมื่อจะมีอำนาจครองโลกให้เบ็ดเสร็จและยืนนานมันจะทำคนเดียวได้ยังไง มันก็ต้องมีบรรดาลูกกระเป๋งเด็กเก็บลูกบอล คนแบกถาด เหยื่อใหญ่ เหยื่อน้อยฯลฯเดินตามกันเป็นพรวน เพื่อคอยมือกุมก้มหัวรับคำสั่งมันด้วยสิ
แน่นอน …ตอนนั้น บรรดาเหยื่อย่อมไม่รู้ตัวมองเห็นอเมริกา เหมือนเป็นพ่อพระมาโปรด(ถึงตอนนี้ ก็ ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว !?!)
3
หลังจากนั้น พ่อพระอเมริกา ก็แสดงบทผู้ปรารถนาดีสนับสนุนให้พวกยุโรป ไปจัดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มสิจะได้ไม่ถูกต้ม ถูกลากไปอยู่ผิดที่ผิดค่ายเดี๋ยวก็จะฉิบหาย เหมือนเดิมอีกไง …
ในปี คศ 1949 the Council of Europeจึงถือกำเนิดขึ้นที่ลอนดอน …โดยมีประเทศ สมาชิก 10 ราย…คือ อังกฤษ,ฝรั่งเศส, อิตาลี, เนเทอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, สวีเดนนอร์เวย์, ลักซ์เซมเบอร์ก, เดนมาร์ก และ ไอร์แลนด์
(ยกเว้น ฝรั่งเศส กับ อิตาลีแล้ว …ประเทศอื่นๆนั้นมันก็คือ เด็กในคาถาของไอ้นิ้วก้อยทั้งนั้นแหล่ะครับมันเป็นการคัดกรองรอบแรก …ของขบวนการ…ที่ทำให้พวกยุโรปอ่อนแอ และต้องเดินตามไอ้นิ้วก้อยเพื่อไปจะเป็นลูกกระเป๋ง ให้ไอ้ปากเหม็น มันหลอกต้มใช้อีกต่อนึง… พอเริ่มมองเห็นอะไรรางๆ แล้วใช่ไหมครับ)
1
แต่เคราะห์กรรม หรือ ชะตากรรม หรือ ความงี่เง่าของชาวยุโรปยังไม่หมดสิ้น …ยุโรปกลับไปเจอสงครามเย็น …ที่ไอ้นิ้วก้อย กับ พ่อพระปลอม ยังอยากจะเล่น(อย่างไม่มีวันเลิก)กับสหภาพโซเวียต …ที่ดวงแข็งรอดมาได้จากการทำสงครามโลกครั้งที่ 2
1
ช่วงนั้นชาวยุโรป จึงเหมือนถูกแบ่ง เป็น 2 ค่ายค่ายหนึ่ง คือ …พวกยุโรปตะวันตก Western Blockที่มีหัวหน้า คือ อเมริกาอีกค่ายหนึ่ง คือ …พวก ยุโรปตะวันออก Eastern Blockที่มีหัวหน้าคือ สหภาพโซเวียต
1
และมหาอำนาจ ที่เป็นหัวหน้าของ แต่ละค่าย นั้นก็ดันมีแนวคิด ทางด้านการเมือง และ ด้านเศรษฐกิจการค้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง(ทุนนิยม ประชาธิปไตย : ระบอบคอมมิวนิสม์)
ด้านความมั่นคง ของ 2 ค่าย… ก็มาจาก 2 ข้อตกลง
ข้อตกลง North Atlantic Treaty หรือ นาโต้สำหรับ อเมริกาและพวก(ยุโรปตะวันตก)
ข้อตกลง Warsaw Pact สำหรับ พวกสหภาพโซเวียต
แปลว่าในตอนนั้น แม้อเมริกาจะประกาศซ้ำซากว่าฝ่ายตัวเป็นผู้ชนะสงครามโลก และอเมริกาผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหญ่หมายเลขหนึ่งของโลก
แต่ ในความเป็นจริงแล้ว ในตอนนั้น…ขั้วอำนาจของโลก “ไม่ได้มีขั้วเดียว” ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำโลก “ยังมีอีกขั้วอำนาจ” ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำอยู่ด้วยและ อเมริกาก็ทนกับหนามตำใจอย่างนั้นไม่ได้
1
อย่าลืมตรงนี้นะครับ
แล้วมหาอำนาจอเมริกา ที่มีความสามารถพิเศษในการคิด และสร้างเรื่องชั่วร้าย…จึงวางแผนต้มชาวยุโรปอย่างมีขั้นตอน ที่แนบเนียนมาก ต่อไปอีก
ปี คศ 1951 มหาอำนาจอเมริกา ทั้งกล่อมทั้งหว่านล้อมให้ ฝรั่งเศส กับ เยอรมัน… ซึ่งไม่เคยเป็นมิตรรักกันเลยมานานเป็นร้อยปีแล้ว …และ เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2ก็รบกันอยู่คนละค่าย …และเมื่อสงครามโลกจบลงต่างก็ฉิบหายเละทั้งคู่ …ให้มาจับมือผูกมิตรกัน
ทั้ง 2 ประเทศนั้น ต่างก็เคยได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูประเทศตามโครงการ Marshall Plan ของอเมริกาเมื่ออเมริกา สั่งให้ 2 ประเทศจับมือกันร่วมอยู่ด้วยกัน ในฉากที่อเมริกาต้องการทั้ง 2 ประเทศ ก็คงไม่มีทางเลือกมากนอกจากคล้อยตาม(ใจ)มหาอำนาจเจ้าของโครงการ
1
ฝรั่งเศส กับเยอรมัน ก็เลยต้องกัดฟัน จับมือกันจัดตั้งสมาพันธ์ความร่วมมือกัน ระหว่างชาวยุโรปเกี่ยวกับเรื่องถ่านหิน และ เหล็กกล้า(ทั้ง 2 เรื่องนั้น…เป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่ทำให้ฝรั่งเศสกับเยอรมันรบกันแบบเขี้ยวจมฝังลึก …ถึงทุกวันนี้ ทั้ง 2 ประเทศก็คงลืมยาก)
การจับมือกัน ของ 2 ประเทศ จึงเหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายแต่มันก็เกิดขึ้นได้จริง…ก็คงต้องยอมรับ ว่าฝีมือผู้กำกับให้ฉากตลกร้ายเกิดขึ้นได้นั้น …มันแสนล้ำลึกที่ชาวบ้านอย่างเราๆ …ก็คงคิดไม่ได้ คิดไม่ถึง
1
สมาชิกรุ่นแรกของสมาพันธ์ถ่านหิน และเหล็กกล้า(European Coal and Steel Community)มี 6 ประเทศ …คือ ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี,เนเทอร์แลนด์ ,เบลเยี่ยม และ ลักเซมเบอร์ก
ดูจากรายชื่อสมาชิกแล้ว มันก็คือ การผสมพันธ์ระหว่างชาวยุโรปที่เคยรบกัน อยู่คนละฝ่ายเอามาคลุกมารวมอยู่ในตะกร้า หรือคอกเดียวกันนั่นเอง
หลังจากนั้น 6 ประเทศ นี้ …ก็ (ถูกสั่งให้) ผลักดันให้มีการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆพร้อมทั้ง มีประเทศยุโรปอื่น เข้ามาร่วมเพิ่มขึ้นอีก
ในที่สุด ปี คศ 1993… จึงเกิดเป็น European Union (EU)จากข้อตกลง ที่เรียกว่า Treaty on European Unionหรือ รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือ ข้อตกลง Maastricht Treatyซึ่งเป็นข้อตกลง เพื่อการร่วมตัวกัน ของกลุ่มประเทศในยุโรปที่มีเป้าหมายหลัก คือ
เพื่อให้มีความร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจ การปกครอง และ ความมั่นคงในรูปแบบเดียวกัน หรือ สอดคล้องส่งเสริมกันรวมทั้ง สามารถ ใช้เงินสกุลเดียวกัน (เงินสกุลยูโร)และส่งเสริมให้มีการส่งสินค้า ผ่านพรมแดนของกลุ่มประเทศโดยไม่มีการจำกัดเรื่องเขตแดนและการเดินทางข้ามเขตแดนระหว่างกันโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ฯลฯ
สรุปสั้นๆ… การสร้างอียู … มันก็คือโครงการจับเอาพวกยุโรป (ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนตอนทำสงครามโลกครั้งที่ 2)มารวมใส่ลงตะกร้าเดียวกัน …อย่างเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์แบบเวลาจะสั่ง …ก็สั่งทีเดียว ทั้งกลุ่มก็ก้มหัวรับคำนับพร้อมกันเวลาจะทุบ… ก็ทุบทีเดียว รู้หมู่ รู้จ่า จะอยู่หรือจะไปแตก เละไป ทั้งตะกร้า ทำนองนั้น
1
แบบนี้มันประหยัดดี …ทั้งเวลา ทั้งทุน…
ไอ้คนคิด นี่ มันสุดยอด เก่ง ชั่ว และ ระยำแท้
1
ปัจจุบัน กลุ่มอียู มี 27 ประเเทศมีประชากรเป็นจำนวน แค่ประมาณ 450 ล้านคนหรือ 5.8 % ของพลโลก (นับถึง ปี คศ 2020)แต่ มี มูลค่าเศรษฐกิจรวม (GDP) ประมาณ 18% ของโลกแปลว่า เศรษฐกิจ หรือสภาพความเป็นอยู่ของพวกอียูอยู่ในระดับดีทีเดียว …เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วจึงมักทำคอยืด คอแข็งใส่ พวกประเทศที่กำลังพัฒนา …อย่างเราๆ …ซึ่งเราๆ ก็ไม่จำเป็น ต้องไปคอหด ก้มหัวกับพวกเขานัก …มีความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกันครับเรื่องรวยจน …อย่าเอามานับมานำหน้า ไปทุกเรื่อง
1
ถ้าดูจากปีกำเนิด ของกลุ่มอียู …ก็น่าคิด ว่าจริงๆ แล้วการเกิดของกลุ่มอียู …มีส่วนสัมพันธ์ กับการเตรียมการทุบสหภาพโซเวียตให้แหลก.…พร้อมกับเตรียมพร้อมในการเงื้อมือ เงื้อตีน ไว้ บี้ ไว้เหยียบ รัสเซีย …ที่จะยังเหลือจากการทุบสหภาพโซเวียต…?!?(การเริ่มทุบสหภาพโซเวียต เกิดขึ้นในปี คศ 1991)
อย่าเพิ่ง โวย ว่า ไอ้ลุงแก่ มันชอบโยงเรื่องสักกะบวยไปให้ พวกตะวันตกอยู่เรื่อยเลยนะผมก็เล่าไปเรื่อยๆ …ท่านผู้อ่าน ก็ลองคิดพิจารณาจากเรื่องที่ผมเล่ากันเองก็แล้วกัน
2
สวัสดีครับจาก
คนเล่านิทาน
11 พฤษภาคม 2566
เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วยภาพประกอบจากกูเกิล
โฆษณา