11 พ.ค. 2023 เวลา 13:18 • ประวัติศาสตร์

เปิดประวัติ“อิน-จัน” แฝดสยามคู่แรกของโลก

ฝาแฝดอิน-จัน เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม บิดาเป็นชาวจีนอพยพแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ชื่อ นายที มารดาเป็นคนไทยชื่อ นางนาก(บันทึกของชาวตะวันตกเรียกว่า นก(Nok))
ฝาแฝดคู่นี้สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แตกต่างไปจากแฝดติดกันคู่อื่นๆ ที่มักเสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน ซึ่งตามกฎหมายในเวลานั้น ทั้งคู่ต้องถูกประหารชีวิตเนื่องจากความเชื่อที่ว่าเป็นตัวกาลกิณี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็หาได้มีเหตุการณ์ใดๆ ตามความเชื่อไม่ โทษนั้นจึงได้รับการยกเลิก
บิดาของอินและจันได้เสียชีวิตลงด้วยอหิวาตกโรค ขณะที่มีอายุเพียง 2 ขวบ ภาระจึงตกอยู่ที่มารดาแต่เพียงผู้เดียว แฝดทั้งคู่จึงช่วยเหลือมารดาเท่าที่เด็กในวัยเดียวกันจะทำได้ เช่น จับปลา ขายน้ำมันมะพร้าว และทำไข่เค็มขาย จนในปี พ.ศ. 2367
ความพิเศษของเด็กทั้งคู่ทราบไปถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางนากและอิน-จันเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วในปี พ.ศ. 2370 ก็มีพระบรมราชานุญาตให้อิน-จันได้เดินทางร่วมไปกับคณะทูตเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศโคชินไชน่า(ประเทศเวียดนามในปัจจุบัน)
ในปี พ.ศ. 2367 นายโรเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ หรือที่คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า"นายหันแตร" ได้นั่งเรือผ่านแม่น้ำแม่กลอง และได้พบแฝดคู่นี้กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ด้วยความประหลาดและน่าสนใจ นายฮันเตอร์จึงคิดที่จะนำฝาแฝดคู่นี้ไปแสดงโชว์ตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาจึงเข้าทำความสนิทสนมกับครอบครัวของฝาแฝดอยู่นานนับปี จนในที่สุดพ่อแม่ของทั้งคู่ก็ไว้วางใจ
ต่อมานายอาเบล คอฟฟิน กัปตันเรือสินค้า เดอะ ชาเคม(The Sachem) ซึ่งขณะนั้นได้เข้ามาทำการค้าในประเทศไทย ก็เป็นผู้นำตัวคู่แฝดออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2372 ขณะนั้นอิน-จัน อายุได้ 18 ปี โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 138 วัน จึงถึงเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และที่นี่เองที่คู่แฝดได้ทำการเปิดตัว ก่อนจะออกเดินทางแสดงทั่วอเมริกาและยุโรปอีกร่วม 10 ปี(เอกสารบางฉบับบอกว่า ไม่ได้เริ่มที่บอสตัน แต่ไปตั้งหลักที่รัฐแคลิฟอร์เนีย)
โดยสัญญาที่ทำไว้กับนายฮันเตอร์และนายคอฟฟินสิ้นสุดลงเมื่อทั้งคู่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยในช่วง 2 ปีแรก ทั้งคู่ก็ได้รับส่วนแบ่งค่าตอบแทน แต่ก็มีบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบด้วย เมื่อเป็นอิสระทั้งคู่ก็เปิดการแสดงเอง และได้แสดงไปทั่วสหรัฐอเมริกา
จนกระทั่งอายุ 28 ปี ทั้งคู่ก็ได้ลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านแทรปฮิลล์(Traphill) เขตชานเมืองวิลส์โบโร(Wilkesboro) เคาน์ตีวิลส์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยลงทุนซื้อที่ดิน 11 เอเคอร์ พร้อมกับได้เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน โดยมีชื่อว่า เอ็ง-ชาง บังเกอร์(Eng and Chang Bunker) พร้อมกับได้แต่งงานกับสตรีชาวอเมริกัน
อินสมรสกับ Sarah Ann Yates(1822 - 1905) ส่วนจันได้สมรสกับ Adelaide Yates Bunker(1823 - 1917) และมีลูกด้วยกันหลายคน จัน 10 คน อิน 11 คน ซึ่งระหว่างที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีความพยายามหลายครั้งจากหลายบุคคลที่จะทำการผ่าตัดแยกร่างทั้งคู่ออกจากกัน แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการจริงๆ
อิน-จัน หันมาทำเกษตรกรรมไร่ฝ้าย โดยซื้อทาสไว้ใช้ทำงานที่ตัวแกเองทำไม่ได้ โดยต่อมามีทาสอยู่ถึง 33 คน ซึ่งนับว่าร่ำรวยพอสมควร เพราะในสมัยนั้นทาสเป็นทรัพย์สินที่มีราคาพอๆ กับที่ดิน และในรัฐที่การมีทาสถูกกฎหมาย ก็มีประชากรเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่มีฐานะพอจะมีทาสไว้ใช้งาน
ทั้งคู่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของความขัดแย้งในเรื่องการมีทาสในสังคมอเมริกัน สงครามกลางเมืองอเมริการะเบิดขึ้นใน เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2404(ค.ศ. 1861) รัฐนอร์ทแคโรไลนาเป็น 1 ใน 11 รัฐ ที่แยกตัวจากสหภาพเพื่อก่อตั้งเป็น สมาพันธรัฐอเมริกา โดยมีเมืองหลวงที่ริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย คริสโตเฟอร์ลูกชายของจัน และสตีเฟน ลูกชายของอิน ต่างเข้าร่วมรบในกองทัพของสมาพันธรัฐ เมื่อสงครามจบลงและฝ่ายสมาพันธรัฐ(ใต้) แพ้สงคราม คู่ฝาแฝดสูญเสียทรัพย์สินของตนเกือบหมด
จากบันทึกที่ได้บันทึกไว้ ระบุว่า แฝดผู้น้อง คือ จันเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น และชอบดื่มสุราเป็นนิจ ตรงข้ามกับแฝดผู้พี่ คือ อินมีนิสัยใจเย็น สุขุมกว่า และไม่ดื่มเหล้า อีกทั้งทั้งคู่เคยทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นชกต่อยกันเองมาแล้วด้วย
และจากการที่จันผู้น้องนิยมชอบดื่มสุรามานานนี้เอง ทำให้เป็นโรคหลายโรค จนในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2417 จันก็เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย จากนั้นอีกราว 2 ชั่วโมงถัดมา อินก็ได้เสียชีวิตตามไปด้วย ซึ่งจากการชันสูตรและลงความเห็นของแพทย์สมัยใหม่ ระบุว่า อินต้องสูญเสียเม็ดเลือดแดงให้แก่จันที่เสียชีวิตไปแล้ว ผ่านทางเนื้อที่เชื่อมกันที่อก ทั้งคู่เสียชีวิต ในขณะที่อายุรวม 63 ปี
โฆษณา