12 พ.ค. 2023 เวลา 06:21 • ท่องเที่ยว
ทุ่งกะมัง

'ทุ่งกะมัง' แดนสวรรค์ของสัตว์ป่า แห่งจังหวัดชัยภูมิ

ห้าสิบกว่าปีก่อน มีการพบร่องรอยของ ‘กระซู่’ คู่นึงที่นี่ แม้ว่าปัจจุบันมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่มีกระซู่หลงเหลือแล้วในไทย แต่การค้นพบร่องรอยของสัตว์ป่าที่หายากมากที่สุดตัวนึงในโลกในเวลานั้น ก็พอจะยืนยันได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าผืนนี้
เพียงแต่น่าเสียดายครับ ที่มันอาจจะเป็นเพียงแค่หลักฐานของการเคยมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชนิด ที่กำลังจะสูญพันธุ์ไปด้วยน้ำมือมนุษย์
และในวันนี้ที่อาจจะช้าไป แต่คงยังถึงกับไม่สายเกินที่จะแก้ไข สถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนจากพื้นที่อันตราย กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ปลอดภัยพอจะการันตีได้ว่า ภายในดินแดนนี้จะไม่มีสัตว์ป่าชนิดใดหายจากเราไปได้อีก
'ทุ่งกะมัง' แดนสวรรค์ของสัตว์ป่า
ทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
ทริปนี้เราออกสตาร์ทกันตั้งแต่เช้าวันศุกร์ซึ่งตรงกับวันหยุดยาว(สามวัน)พอดิบพอดี และถือว่ามีบุญอยู่บ้างที่เป้าหมายของเราไม่ใช่สถานที่ที่มีเป็นที่นิยมเสียเท่าไหร่ การเดินทางจากสมุทรปราการถึงอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ จึงไม่ถึงกับติดขัดนัก
เดินทางถึงอำเภอคอนสาร
หลังจากใช้เวลาไปกับการแวะกินมื้อเที่ยง และชมวิวระหว่างทางจนพอใจ เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อันเป็นที่ตั้งของทุ่งกะมัง เป้าหมายของเราในทริปนี้
ชำระค่าใช้จ่ายที่ป้อมทางเข้า และมุ่งหน้าไปลานกางเต็นท์
ประมาณสี่โมงเย็น เราก็มาถึงลานกางเต็นท์
ถึงปุ๊บก็หยิบเต็นท์จากท้ายรถมากางปั๊บ ระหว่างนั้นจะมีเจ้าถิ่นมาตรวจสอบความเรียบร้อยของนักท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะ
"มีไรให้กวางช่วยไหมมนุษย์?"
พอกางเต็นท์เสร็จ ราว 17:00 ก็ออกเดินทางไปหาทุ่งกะมัง ซึ่งห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 1-2 กิโลเมตร
ซึ่งเรามาถึงทันเวลาพอดีครับ...
เพราะตอนนั้นมีทั้ง เก้ง เนื้อทราย(และอาจจะมีกวางปนอยู่ด้วย)ออกมาหากิน พร้อม ๆ กับแสงที่กำลังสาดเป็นสีทอง
แก๊งใหญ่ตรงนี้น่าจะเป็น 'เนื้อทราย' ครับ
ไกลออกไปบนทุ่งหญ้าสีสดใสนั่นน่าจะเป็น 'เก้ง'
ส่วนที่ยืนจังก้าอยู่นี่คือเนื้อทรายหนุ่มหล่อ
และแม้ว่าเก้งกวางที่นี่เขาจะพอรู้จักคนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้วางใจซะทีเดียวครับ บางทีก็จะหันมามองด้วยความระแวงเหมือนกัน
เพราะอย่างนั้นเพื่อให้ไม่รบกวนเขาเกินไป พวกเราจึงตัดสินใจขยับไปจุดอื่นบ้าง ปล่อยให้แก๊งนี้ได้เพลิดเพลินกับมื้อเย็นกันต่อด้วยความสบายใจ
ซึ่งพอขยับจากทุ่งเดิมมาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เราก็เจออีกหนึ่งทุ่งซึ่งใหญ่กว่าทุ่งเดิมมาก และมีป้าย "ทุ่งกะมัง" อยู่ด้วย
ไม่ไกลนักมีนกยูงกำลังเดินอยู่ตรงชายป่า พร้อมๆ กันบนพื้นก็มีรอยตีนของสัตว์หลายชนิดกระจายอยู่ทั่วไป ให้ลองสะกดรอยตาม
ถ่ายซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
มีนกยูงด้วยนะ
บนพื้นมีรอยตีนของสัตว์หลายชนิดกระจายอยู่ทั่วไป
เราก้มแกะรอยเท้ากันอยู่พักใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็เจอกับแสงเย็นที่กำลังเปล่งประกาย จากที่คิดว่ากำลังจะกลับไปที่ลานกางเต็นท์ เลยกลายเป็นอยู่ที่ทุ่งกะมังจนแสงสุดท้าย
แสงสุดท้ายที่ทุ่งกะมัง
จากนั้นเรากลับมาที่ลานกางเต็นท์ตอนทุ่มนิด ๆ แล้วก็อาบน้ำอาบท่า กินมื้อค่ำ และดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายเข้านอน
เช้าวันต่อมา เราตื่นตั้งแต่ตีสี่กว่า ๆ และมุ่งหน้าไปที่ทุ่งกะมังอีกครั้ง เพื่อถ่ายรูปดาวและแสงเช้า โดยเลือกปักหลักที่ต้นไม้เดียวดาย แลนด์มาร์กอันเลื่องชื่อ
ต้นไม้เดียวดายและดวงดาว
พอฟ้าสว่าง บรรดาสัตว์ป่าก็ทยอยกันออกมาหากินในทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นทั้งบ้านและสรวงสวรรค์ของพวกเขา
อิสรภาพ(ของสัตว์ป่า) คือภาพที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
เราดื่มด่ำบรรยากาศและภาพอันงดงามจนแปดโมงกว่า ๆ ก็ตัดสินใจกลับไปที่ลานกางเต็นท์ เพื่อเก็บข้าวของ และบอกลาแดนสวรรค์ของสัตว์ป่าด้วยความอิ่มเอมใจ
ทุกสิ่งที่ได้เห็น ทุกความรู้สึกที่สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้าที่โดนละเลงด้วยแสงตะวัน หรือโมเมนท์แห่งความปกติธรรมดาของชีวิตกับธรรมชาติที่แสนจะทรงพลัง ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้จากนี้เรื่อยไป ทุ่งกะมังจะกลายเป็นสถานที่โปรดของผมไปตลอดกาล...
แล้วเจอกันใหม่นะ
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจ
1.ทุ่งกะมัง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ
2.เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าเยอะมาก เช่น เก้ง กวาง เนื้อทราย ช้างป่า จิ้งจอก และนกหลายอีกชนิด
3.ที่เห็นง่ายและบ่อยสุดหนีไม่พ้น เก้ง กวาง และเนื้อทราย
4.ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของกระซู่ด้วยนะ(ก่อนจะหายไปและใกล้สูญพันธุ์)
5.หากเข้าใจไม่ผิดทุ่งกะมังจะปิดไม่ให้เข้าชมประมาณ 3 เดือนต่อปี ซึ่งจะอยู่ช่วงฤดูฝนครับ(ต้องคอยเช็คกับทางเขตฯภูเขียวปีต่อปี)
6.ที่นี่มีบ้านพักให้เช่า แน่นอนว่ามีลานกางเต็นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้งด้วย
7.ห้องน้ำห้องท่าก็ถือว่าเพรียบพร้อม
8.แต่เต็นท์ต้องเตรียมมาเองนะครับ ไม่มีให้เช่า
9.เช่นเดียวกับอาหารที่แนะนำให้เตรียมมาเองสบายใจกว่า(ถ้าจะสั่งที่เขตฯต้องสั่งล่วงหน้า)
10.มีไฟฟ้าให้ใช้ช่วงเย็นไปจนถึง 21:00น.
11.มีสัตว์ป่าออกมาให้เห็นแทบจะ 100% ในทุก ๆ วัน
12.ส่วนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เท่าที่ผมรู้จะเป็นไปตามนี้ครับ
- ค่าเข้าคนละ 20 บาท
- ค่ารถยนต์คันละ 30 บาท
- ค่ากางเต็นท์หลังละ 30 บาท
13.สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์นี้เลย 097-002-7290
เรื่องราวจากทุ่งกะมังจบลงแล้ว หวังว่าจะชอบและมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
เหนือสิ่งอื่นคือขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนบรรทัดสุดท้าย ผมรู้สึกดีใจมากๆ
แล้วเจอกันใหม่ในเรื่องราวจากการเดินทางครั้งต่อไปนะครับ
ด้วยรักจากหมาก.
ให้การเดินทางของผม เป็นหนังสือเล่มโปรดของคุณ
The Walker
โฆษณา