12 พ.ค. 2023 เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เราควรมีกี่พอร์ตดีนะ? ลองแบ่งตามวัตถุประสงค์

เมื่อเราศึกษาการลงทุนมาสักพักแล้ว อาจจะมีสไตล์การลงทุนหลากหลาย
ทำให้เกิดคำถามว่ามีกี่พอร์ตดีนะ ซึ่งวันนี้ #เด็กการเงิน ขอนำเสนอไอเดียที่เข้าใจง่าย แบ่งการลงทุนตามวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะทำการ ซื้อ-ขาย อย่างไรก็ไม่งง?
เริ่มจากการมีเงินเก็บฉุกเฉินให้เพียงพอ 6-12 เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็น
เมื่อสภาพคล่องพอสมควรแล้ว เราจึงเริ่มการลงทุน
พอร์ตที่ 1 ลดหย่อนภาษีและเพื่อการเกษียณ
ลดหย่อนภาษี + สะสมความมั่งคั่งระยะยาว + ไม่เสียค่าธรรมเนียมขาเข้า
เป็นพอร์ตที่ทุกคนต้องมี
จัดพอร์ต Asset Allocation หรือ Core-Satellite ก็ได้
สามารถลงทุนได้ทั้ง เงินก้อนหรือDCA เป็นประจำ
พอร์ตที่ 2 เพื่อการเกษียณ
หากลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิ์แล้ว
ต้องการลงทุนเพื่มให้ถึงเป้าหมายเกษียณที่ต้องการ
หากกองทุนลดหย่อนภาษีไม่เพียงพอและมีเงินลงทุนระยะยาว
พอร์ตที่ 3 เป้าหมายระยะกลาง 5-10 ปี
เพื่อเป้าหมายอื่นในชีวิต เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน ซึ่งอาจจะมีการถอนการลงทุนออกระหว่างทางแต่ลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี
เราแนะนำให้ลงทุนในกองทุน Index Fund และจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation 70/30 80/20 90/10 ยิ่งใกล้เป้าหมาย ลงทุนในหุ้นน้อยลง
พอร์ตที่ 4 Passive Income
เน้นการสร้างกระแสเงินสด หากมีความจำเป็นต้องใช้
*หากไม่มีความต้องการใช้เงินปันผลหรือดอกเบี้ย
ยังไม่จำเป็นต้องลงทุนในส่วนนี้
พอร์ตที่ 5 Trading เก็งกำไร
หากมีความรู้ในการหาโอกาส ทำกำไรระยะสั้น
เราอาจจะเลือก หุ้นรายตัว / กองทุนรายตัว / ETF รายตัว / Crypto
โดยที่ไม่ต้องจัดพอร์ต
หวังว่าทุกคนจะได้ไอเดียไปจัดเงินลงทุน
แล้วไม่ว่าจะปรับพอร์ต หรือเก็งกำไร เมื่อไหร่ก็ไม่งงนะ
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/102405
โฆษณา