15 พ.ค. 2023 เวลา 14:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ดัชนี DXY หรือดัชนีดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DXY หรือดัชนีดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัววัดค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าของสกุลเงินหลักอีก 6 สกุล ตะกร้าประกอบด้วยยูโร เยนญี่ปุ่น ปอนด์อังกฤษ ดอลลาร์แคนาดา ฟรังก์สวิส และโครนาสวีเดน
ดัชนี DXY คำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ของอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินทั้งหกนี้ เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DXY ที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในขณะที่ดัชนี DXY ที่ลดลงบ่ง ชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ดัชนี DXY เป็นดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ ที่มีการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลก
  • ปัจจัยบางส่วนที่อาจส่งผลต่อดัชนี DXY
1. อัตราดอกเบี้ย
 
เมื่ออัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาสูงกว่า อัตราดอกเบี้ย
ในประเทศอื่นๆ นักลงทุนมักจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสามารถผลักดัน ค่าของเงินดอลลาร์และดัชนี DXY
2. อัตราเงินเฟ้อ
เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงในสหรัฐอเมริกา อาจทำให้สินค้าและบริการของสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์และดัชนี DXY อ่อนค่าลงได้
3. การค้า
เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งและเติบโต อาจนำไปสู่ความต้องการ สินค้าและบริการของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์และดัชนี DXY แข็งค่าขึ้นด้วย
4. เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามหรือภัยธรรมชาติ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อดัชนี DXY
ตัวอย่างเช่น
หากมีสงครามในยุโรป นักลงทุนอาจมีแนวโน้มที่ จะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งสามารถผลักดัน ค่าของเงินดอลลาร์และดัชนี DXY
ในที่ปีแล้ว FED ได้เพิ่มดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วเพื่อปราบเงินเฟ้อ จึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและค่าอีก 6 สกุล ใน DXY index อ่อนค่าลง
แต่ถ้าหากปีนี้หรือปีหน้า สกุลเงินอีก 6 สกุล มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเช่นกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา