16 พ.ค. 2023 เวลา 00:30 • ท่องเที่ยว

วัดนิเวศธรรมประวัติ .. วัดไทยสไตล์ฝรั่ง สวยแปลกตาหนึ่งเดียวในไทย

“… ข้าพเจ้าคิดจะใคร่สร้างเป็นพระอารามน้อยๆ สำหรับที่บำเพ็ญกุศลใกล้พระราชวังในเวลาเมื่อได้มาขึ้นมาพักแรมอยู่ที่เกาะบางปะอินนี้ จึงได้คิดถมดินให้พ้นน้ำตามฤดูที่เคยประมาณว่าเป็นอย่างมากโดยปรกติ
แล้วให้เจ้าพนักงานจ้างเหมาช่างชาวตะวันตก กะวางแผนที่ทำตามแบบอย่างกับประเทศตะวันตกทุกสิ่ง ซึ่งได้ให้คิดสร้างโดยแบบอย่างเป็นของชาวต่างประเทศดังนี้ ด้วยมีความประสงค์จะบูชาพระพุทธศาสนาด้วยของแปลกประหลาด แลเพื่อให้อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงชมเล่นเป็นของแปลก ยังไม่เคยมีในพระอารามอื่น แลเป็นของมั่นคงถาวรสมควรเป็นพระอารามหลวงในหัวเมือง ใช่จะนิยมยินดีเลื่อมใสในลัทธิศาสนาอื่น นอกจากพระพุทธศาสนานั้นหามิได้”
คำกล่าวด้านบน ถอดคำมาจากจารึกประกาศพระราชทานที่วัดและเสนาสนะเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสงฆ์ ภายในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นข้อความในพระราชดำริตอนหนึ่งในการถวายพระอาราม ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อพ.ศ.2419 เพื่อใช้เป็นที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ขณะที่เสด็จมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน
1
.. โดยพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ให้เจ้าพนักงานรับเหมาช่างชาวตะวันตก โดยได้นายโยอาคิม แกรซี (Joachim Grassi) สถาปนิกชาวอิตาเลียนมาออกแบบสร้างพระอุโบสถและอาคารหมู่กุฏิทั้งหลายเป็นแบบตะวันตก
.. วัดนิเวศธรรมประวัติ จึงเป็นวัดไทยที่มีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่แปลกเหมือนโบสถ์ฝรั่งด้วยเหตุฉะนี้
1
“วัดนิเวศธรรมประวัติ” .. ตั้งอยู่บนเกาะบ้านเลนกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงกันข้ามกับพระราชวังบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
.. การเข้าสู่วัดที่แปลก ก็แสนเท่ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยมีการนำกระเช้ามาลอยข้ามน้ำแม่เข้าสู่บริเวณวัด ให้เราได้รู้สึกตื่นเต้นในขณะที่กระเช้าลอยละล่องข้ามแม่น้ำ โดยมีพระหรือศิษย์วัดเป็นผู้ควบคุมกระเช้า
เรามาเยือนวัดแห่งนี้ในวันที่ฟ้าใส เดือนกุมภาพันธ์ 2023
“วัดนิเวศธรรมประวัติ” .. โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยการนำสถาปัตยกรรมในสไตล์แบบศิลปะโกธิคมาใช้ในการออกบบก่อสร้าง ทั้งภายนอกและภายใน แม้แต่กำแพงแก้วที่ตั้งหลักเสมาก็ยังใช้ลวดลายแบบตะวันตก
พระอุโบสถ ซึ่งมองจากลักษณะภายนอกจะดูคล้ายกับโบสถ์คริสต์ ทาด้วยสีเหลืองสวยงาม .. โดมหอคอยปลายแหลมตามอย่างวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตกศิลปะแบบโกธิค (Gothic) .. บริเวณยอดโดมมีหอนาฬิกาและระฆังชุด เหนือขึ้นไปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
บริเวณท้ายพระอุโบสถเป็นหอระฆังยอดโดมลักษณะรูปกรวยแหลมสูงขึ้นไป 3 ชั้น .. แต่ละชั้นนั้นเจาะช่องหน้าต่างเป็นอาร์คแบบโค้งปลายแหลมไว้รอบหอระฆัง
.. ชั้นแรกมีการเจาะช่องหน้าต่างทั้งสี่ด้าน และวางยอดปราสาทจำลองประดับไว้ที่มุมทั้งสี่ด้าน
.. ถัดขึ้นไปชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เจาะช่องหน้าต่างและประดับด้วยกระจกสี 8 ด้าน .. บนสุดของยอดทำเป็นโดมปลายแหลม บนหอระฆังมีเจดีย์สำริดปิดทองภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตรงผนังเบื้องล่างยอดโดมประดับด้วยนาฬิกาที่บอกเวลาเป็นเลขโรมันอีกด้วย
ด้านหน้าประตูทางเข้าอุโบสถ .. มีมุขยื่นออกมา ลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถเจาะช่องหน้าต่างเป็นรูปโค้งปลายแหลม
ภายในพระอุโบสถ .. งดงามอลังการด้วยเพดานสูง
ช่องหน้าต่างโค้งและกระจกสีตามแบบตะวันตก
.. งานตกแต่งภายใน บานประตูหน้าต่าง ใช้การประดับกระจกสลับสีด้วยเช่นกัน
“พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” .. พระพุทธรูปประธาน ประดิษฐานอยู่ตรงกลางของพระอุโบสถ ในซุ้มเรือนแก้วบนฐานชุกชีที่มีลักษณะเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์
พระพุทธรูปประธานของวัดแห่งนี้ .. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษญวรการ เป็นผู้ออกแบบ ปั้นหุ่น และหล่อ ขึ้นใน พ.ศ. 2420 และถือเป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของพระองค์ท่าน พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปแบบกึ่งสมจริงแบบที่นิยมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยพระพุทธรูปนี้ไม่มีอุษณีษะและจีวรมีริ้วยับย่นอย่างสมจริง ขนาบสองฝั่งด้วยพระอัครสาวก พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ
.. ผนังแต่ละด้านประดับด้วยลวดลายพรรณพฤกษา บริเวณด้านล่างยังมีอัศวินในชุดเกราะเหล็กยืนจังก้าถือตะเกียงอยู่ทั้งสองด้าน สร้างบรรยากาศของความเป็นตะวันตกได้มากทีเดียว
พลับพลาทรงฝรั่ง ... ประดับรูปช้างเผือก 3 เศียร ซึ่งหมายถึงสยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ ซึ่งพบบนตราพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน พลับพลานี้เป็นพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน
กระจกสีประดับ พระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เหนือประตูทางเข้า .. เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่โดดเด่น สวยงาม
.. ลักษณะเป็นกระจกสียอดแหลมอยู่ใต้ Rose Window (กระจกสีในกรอบวงกลมที่พบได้ทั่วไปตามโบสถ์คริสต์ทั่วไป) ซึ่งมีภาพเหมือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉลองพระองค์ครุยอย่างไทยประทับนั่งบนบัลลังก์ ด้านล่างมีจารึกระบุว่า ‘Chulalongcorn Rex Siamensis’ ซึ่งแปลว่า จุฬาลงกรณ์ กษัตริย์สยาม .. จารึกนี้มีขนาดเล็กมาก อาจจะต้องใช้กล้องส่องทางไกลมองดู จึงจะเห็นชัดขึ้น
อาคารประกอบต่างๆ ภายในวัดก็เป็นสไตล์ตะวันตก ที่มีความเก่าแก่
 
อาคารพิพิธภัณฑ์ .. ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นอาคารชั้นเดียวสถาปัตยกรรมแบบฝรั่ง ในวันที่เราไปเยือนนั้น พิพิธภัณฑ์ไม่เปิดให้เข้าชมค่ะ
หอประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ หรือพระพุทธรูปยืนปางขอฝน .. ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ ซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นสไตล์โกธิค มียอดแหลมเช่นเดียวกัน
ฝั่งตรงข้ามกับหอพระคันธารราษฎร์ เป็นหอประดิษฐานพระพุทธศิลาปางนาคปรก พระพุทธรูปสมัยลพบุรี ฝีมือช่างขอมอายุนับพันปี
ภาพจาก The Cloud
อาคารต่างๆ ภายในบริเวณวัด .. ส่วนใหญ่มีสไตล์การก่อสร้างแบบตะวันตก ซึ่งรวมถึง “พระตำหนักสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ที่ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อพระองค์ทรงผนวชและจำพรรษาที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2426
.. นอกจากนี้ยังมีกุฏิสงฆ์ และหอพระไตรปิฎก เป็นอาทิ
ภาพจาก The Cloud
สุสานหลวงดิศกุลอนุสรณ์ ที่บรรจุอัฐิของราชสกุล ‘ดิศกุล’ เช่น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เจ้าจอมมารดาชุ่มในรัชกาลที่ 5 รวมทั้งหม่อมเจิม ดิศกุล และพระราชโอรส-ธิดาของพระองค์
ก่อนเดินทางกลับ เราแวะไปสักการะพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 5 ณ ศาลาข้างพระอุโบสถ เยื้องๆกับหอประดิษฐานพระคันธาราษฎร์
Ref : ขอบคุณเนื้อความบางส่วนจาก https://mgronline.com/travel/detail/9640000018059
โฆษณา