Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
16 พ.ค. 2023 เวลา 14:12 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าของหนูนิ หนังไทยอมตะอีกเรื่อง
สวรรค์มืด 2501(Dark Heaven 1958) .นำแสดงโดย ครูสุเทพ วงศ์กำแหง และ สืบเนื่อง กันภัย อดีตนางสาวถิ่นไทยงามปี 2490 ภาพยนตร์ถ่ายทำด้วยระบบ 35 มม. บันทึกเสียงขณะถ่ายทำ(sound on film)ตลอดเรื่อง ตามแบบมาตรฐานสากล ด้วยเหตุนี้ภาพจึงยังคมชัด ระบบเสียงดีมากถึงมากที่สุด
.เรื่องราวของหนังสวรรค์มืดกล่าวถึงชายหนุ่มที่มีอาชีพเก็บขยะชื่อ "ชู" และ เด็กสาวขอทานชื่อ "เนียน" แล้วทั้งคู่มาพบเจอกันได้อย่างไร แล้วทำไมสวรรค์จึงมืด ตามหนูนิมา ค่ะ
เนียนเป็นเด็กสาวกำพร้า อาศัยญาติที่จนกรอบต้องตำข้าวสารกรอกหม้อ(หาเพียงแค่พอกินไปมื้อหนึ่ง ๆ)ไปวันๆ เธออายุยังน้อยมาก จะไปรับจ้างก็ไม่มีใครจ้าง จึงไปเป็นขอทานเพราะถือว่าเป็นอาชีพสุจริต ไม่ได้คดโกงหรือหลอกลวง และ บังคับให้ใครมาให้เงิน
วันนี้เนียนโชคไม่ดีเอาเสียเลย ขอตังไม่ได้ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน หล่อนหิวจนแสบท้องจึงไปป้วนเปี้ยนหน้าร้านข้าวที่แขวนเป็ดย่างน่ากินไว้หลายตัว บังเอิญมีท่านขุนคนหนึ่งมาซื้อข้าวหมูแดงไปให้หมากิน(แยกน้ำจิ้มด้วย แฮ่ะๆๆข้าพเจ้าใช้ประจำเวลาของเหลือและอ้างว่าจะเอาไปให้หมา)
.ความที่ท่านขุนมัวแต่เดินลอยชาย ใครจะไปรู้ว่าโลกนี้มีคนอดโซถึงกับต้องแย่งข้าวหมากิน เนียนจึงวิ่งราวข้าวหมา
หากเป็นชาวบ้านอย่างเราๆท่านๆก็คงปล่อยเลยตามเลยไปแล้ว.แน่นอนว่าไม่ใช่ท่านขุนกระดูกขัดมันคนนี้ ตะแกยอมวิ่งตับแลบไปแจ้งความโปลิส(Police-ตำรวจ) ที่ตู้ยามใกล้ๆ แล้วทั้งท่านขุนและหมู่ศักดิ์ ก็เร่งติดตามเนียนอย่างกระชั้นชิด
."ชู" หรือที่ตั้งชื่อให้ตัวเองใหม่เพื่อให้ดูเป็นผู้ดีว่า "คุณชูวิทย์" ชายหนุ่มมีการศึกษาแต่ไม่มีเงิน ที่ยอมมาเก็บขยะเพราะต้องการเป็น"ผู้พิชิตความสกปรก" สำหรับเขาแล้วอาชีพสุจริตไม่น่ารังเกียจแม้แต่น้อย หากไม่มีคนเก็บขยะอย่างเขาและเพื่อนๆ บ้านเมืองคงสกปรกไม่น่าอยู่
ชูช่วยเหลือเนียนด้วยการให้เธอไปซ่อนในรถขนขยะ หมู่ศักดิ์หาจนทั่วไม่พบจึงย้อนกลับมาถามคุณชูวิทย์
"อ้อ นี่แก เห็นคนร้ายคนนึงวิ่งราวผ่านมาทางนี้บ้างไหม"
คุณชูวิทย์ "แก น่ะใคร"
หมู่ศักดิ์ "แกก็ลื้อไง"
คุณชูวิทย์ "เสียใจหมู่ ถ้าใช้คำพูดกับราษฎรที่เสียภาษีเต็มขั้นอย่างผมแบบนี้ผมไม่ยอมพูดด้วย และนี่หรือตำรวจที่อ้างตัวเองว่ารับใช้ประชาชน เจรจาหาเข้าหูคนไม่"
หมู่ศักดิ์(ยกมือตะเบ๊ะ) "ขออภัยเถิดครับ ท่านประชาชนที่รัก ท่านน่ะลากราชรถขยะคันงามอยู่แถวนี้ใช่ไหมครับ"
คุณชูวิทย์ "เห็นทีจะใช่
หมู่ศักดิ์ "คือว่ามีคนร้ายคนนึงวิ่งราวผ่านมาทางนี้ครับ"
คุณชูวิทย์ "วิ่งราวอะไรไม่ทราบ"
ท่านขุน "ข้าวหมูแดง 2 ห่อ" หมู่ศักดิ์ทำหน้าเหวอ
ท่านขุน "ฉันซื้อจะไปให้หมาที่บ้านกิน หนอย เผลอแผลบมันคว้าหมับ พอเราไล่จวนจะทัน มันโยนลงไปในน้ำฉิบ เป็นผู้หญิงเสียด้วยหน้าตาสวยไม่น่าริอ่านทำความชั่วเลย"
หมู่ศักดิ์พูดกับชูวิทย์ "แล้วคุณถามทำไมว่าคนร้ายวิ่งราวอะไร บอกมาเสียดีๆว่าเห็นคนร้ายไหม"
คุณชูวิทย์ "แล้วถ้าผมบอกไม่เห็น ล่ะ"
หมู่ศักดิ์ "ก็แปลว่าเห็น อย่าโกหกเจ้าหน้าที่นะ"
คุณชูวิทย์ "อย่าขู่คนอย่างผม คุณโปลิส ในแง่กฎหมายก่อนอื่นต้องถือว่าทุกคนบริสุทธิ์ แต่ป่วยการที่จะตามป่าน
นี้คงไปไกลลิบแล้ว และท่านขุนก็ควรเห็นใจเค้าเพราะคงหิวมากจึงแย่งอาหารที่ไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นอาหารสุนัขของท่านเท่านั้น ท่านเองก็ดูเป็นผู้ดีมีเงิน แต่ผมว่าความเป็นผู้ดีคือมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากกว่า มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็น
ขี้ข้าของเงิน"
เจอเข้าหลายดอกแบบนี้ทั้งท่านขุนและคุณโปลิสก็ต้องเผ่นสิครับ ท่านขุนจึงขอบใจคุณโปลิสและ "ลาล่ะย่ะ นายขยะ".
คุณชูวิทย์ "สวัสดีครับท่าน ผู้ดีมีเงิน"
คุณโปลิส "ขอบใจคุณนะที่ให้ความจริงและให้โอวาท ลาล่ะ"
แล้วหมู่ศักดิ์ก็กลายมาเป็นผู้หนึ่งที่ได้ช่วยเหลือชูวิทย์ด้วยใจบริสุทธิ์ในเวลาต่อมา ทางด้านชูวิทย์ก็สอบถามเรื่องราวของเนียนที่หิวจนจะลมจับอยู่แล้ว และชวนไปที่ทำเนียบช้ำชอก(บ้าน)ของเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฟุตบาทริมกำแพงที่เขานั่งพักเมื่อเสร็จงาน
แน่นอนว่ากำแพงทุกแห่งมักมีมือดีไปขีดเขียนนี่-โน่นเสมอ เช่น ที่หมาเยี่ยว
ทำเนียบช้ำชอกของคุณชูวิทย์ช่างสมชื่อเสียจริงๆ นอกจากม้ายาวซึ่งเป็นที่นอนของเขาและพื้นเรือนแล้ว นอกนั้นแตะไม่ได้เลยสักอย่างโน่นพัง นี่พัง เพราะพี่ชูอยู่ตัวคนเดียว ไม่เคยมีแขกมาหา คนจนอย่างเขาแม้จะเป็นคนดีของสังคม แต่ใครเล่าจะอยากรู้จัก
ทุกวันชูวิทย์จะหุงข้าวไว้ 1 หม้อเพื่อกินได้ทั้งวัน ในสมัยนั้นยังใช้เตาถ่านหุงข้าวไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเช่นทุกวันนี้ การหุงข้าวจึงเป็นการหุงแบบเช็ดน้ำ คือนอกจากมีข้าวกินยังมีน้ำข้าว ที่ทั้งหอมทั้งมีคุณค่าแถมให้อีก กับข้าวของเขามีแค่อย่างเดียวคือ เนื้อเค็ม
ตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็ก เนื้อวัว ที่เรียกสั้นๆว่า เนื้อ นำมาทำอาหารได้หลายแบบไม่ว่า เนื้อเค็มทั้งทอดและย่าง แกงเขียวหวาน ผ้ดเผ็ด ต้มซุป
แต่แล้วก็เกิดกระแสละอายแก่ใจ ที่วัว-ควายช่วยไถนาปลูกข้าว แล้วเราก็ไปเอาเค้ามาเป็นอาหารด้วย ผู้คนจึงค่อยๆเลิกกินเนื้อวัว-เนื้อควาย ที่ยังมีที่แพร่หลายอยู่ทุกวันนี้ก็คือ....... ลูกชิ้นเนื้อวัว
.ชูวิทย์เป็นห่วงเนียนที่เป็นผู้หญิง แล้วเร่ร่อนอย่างนี้จะมีอันตรายจึงชวนให้อยู่ด้วย เนียนนอนที่เก้าอี้ยาวของเขา ส่วนสุภาพบุรุษชูวิทย์ ออกไปนอนบริจาคเลือดให้ยุงกินนอกบ้าน
ทุกวันเมื่อชูวิทย์ไปทำงาน(อาชีพเก็บขยะไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์กับใครเขา) เนียนอยู่บ้านดูแลทำความสะอาดและงานอื่นๆเช่นซักผ้า-รีดผ้าด้วยเตาถ่าน เพราะเตารีดไฟฟ้ายังไม่มี ความดีความจริงใจเป็นสุภาพบุรุษของชูวิทย์ทำให้เนียนรักเขาทั้งที่ยากจน
ชูวิทย์สงสารเนียนที่อยู่บ้านอย่างเงียบเหงา จึงเอาวิทยุที่มีแต่โครงไม่มีเครื่องมาวาง แล้วไปแอบดูนอกบ้านร้องเพลง "มนต์รักดวงใจ" โดยที่เนียนก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเสียงเพลงจากวิทยุ
หากเธอบอกฉัน บอกกันสักนิด ปล่อยให้คิด คิดจนละเมอ(หญิง-ฮัม) ใจฉันยังหวาด พลาดแล้วจะเก้อ อ่านใจของเธอ(หญิง-ฮัม) ยากนักคนดี เผยไมตรีทีท่าเป็นไร บอกเพียงให้รู้ว่าเธอก็รัก ชื่นใจนักรักกันอายใคร(หญิง-ฮัม)
มนต์รักเล้าโลม เหนี่ยวโน้มเธอให้ แอบเอารักไป(หญิง-ฮัม) ซ่อนไว้นัยน์ตา พร่างนัยนา คือหน้าต่างใจ อย่าปิดอย่าบัง อย่านั่งใจลอย ปล่อยให้หงอยเหงาไปทำไม(หญิง-ฮัม)
ความรักรออยู่ อาจรู้กันได้ มองตารู้ใจ(หญิง-ฮัม) ซาบซึ้งไมตรี เพราะเรามี มนต์รักดวงใจ
จนพี่ชูวิทย์ต้องมาบอกความจริงเพราะเนียนสงสัยว่าวิทยุไม่มีเครื่องเอามาตั้งไว้ทำไม ชูวิทย์จึงบอกว่าเพื่อความหรูหราของวิมานรักแม้ไม่เคยบอกรัก เพราะชูถือว่าดวงตาต่างบอกกันแล้วดังคำว่า "ดวงคาเป็นหน้าต่างของดวงใจ" และเขาได้สารภาพในเพลงหมดแล้ว.เนียนอายจึงปัดไปว่า
"โธ่ จนกรอบขนาดนี้ พี่ยังพูดเรื่องรักอีก" .
ชูวิทย์จึงร้องเพลง " จนจริงไม่จนรัก" โดยมีเนียนร้องตอบ ในขณะที่หนุ่มสาวทั้ง 2 กำลังพรอดรักกันอย่างหวานชื่น
."อะแฮ้ม" หมู่ศักดิ์กระแอมอยู่ใกล้หน้าต่างนอกบ้าน เนียนอายรีบผละไป ชูวิทย์เองก็เขินไม่น้อย
"หมู่ไปไหนมาครับ"
หมู่ศักดิ์ "ก็มาหาคุณนั่นแหละ ทางอำเภอวานให้ผมเอาหมายเรียกมาส่ง พรุ่งนี้คุณต้องไปรายงานตัวที่อำเภอเพื่อ
รับใช้ชาติในสมรภูมิ"
ก่อนไปหมู่ศักดิ์ยังแอบกระซิบให้ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยด้วย เพราะกลัวชาวบ้านแถวนี้จะเป็นกุ้งยิงกันหมด
ชูก็ได้แต่หัวเราะอย่างเก้อๆ แต่ภายในใจร้อนรุ่ม การที่เขาถูกระดมไปอยู่แนวหน้าทำให้ต้องจากเนียน แล้วยังต้องเป็นห่วงที่เนียนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะไม่ปลอดภัย
เขาจึงให้เธอปลอมเป็นผู้ชายชื่อ นายชิด น้องชายของเขาและทำหน้าที่เข็นรถขนขยะแทนในระหว่างที่เขาอยู่แนวหน้า
แม้ชูจะไม่ต้องการจากเนียนไปเลย แต่เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบบังคับ เขาขอให้เธอจำไว้ว่าทุกครั้งที่นาฬิกาตี 8 ที จะเป็นเวลา 8 โมงเช้าหรือ 2 ทุ่มก็ตาม เขาจะส่งใจมาหาเธอ
คืนใดเป็นเดือนหงาย ชูก็ขอให้เนียนส่งใจไปให้เขา แต่หากคืนใดเป็นเดือนมืด เขาก็จะอาศัยดวงดาวทั้งฟ้าเป็นสื่อพาความคิดถึงมาให้เธอ เนียนรับปากและสัญญาที่จะรอพี่ชูวิทย์
เนียนทำงานขนขยะแทนคุณชูวิทย์ในนามของชิดน้องชายชู แม้งานจะหนักสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เนียนก็อดทนอย่างไม่ย่อท้อ ไม่มีใครรู้ว่าเนียนเป็นหญิง
แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็แปรผัน ทำให้ชีวิตของเนียนเปลี่ยนไป วันนั้นเนียนเสร็จงานแล้ว เธอนั่งพักที่ฟุตบาทริมกำแพงที่ที่ชูนั่งพักเป็นประจำเมื่อเสร็จงาน บังเอิญมีสุภาพสตรีสูงวัยลงจากเก๋งคันงามเพื่อมาหาหมอ(ดู) คุณนายเที่ยวถามทางไปบ้านด็อกเตอร์ดูจนทั่วก็ไม่มีใครรู้จัก
คุณนายแวะถามหมู่ศักดิ์ที่ป้อมยาม คุณโปลิสก็ไม่รู้จักจึงสันนิษฐานว่าอาจเพิ่งมาอยู่ ช่วงที่คุณนายถามเนียนและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ คุณนายก็ทำสร้อยเพชรตก เนียนเห็นจึงนำไปคืนให้
คุณนายดูออกว่าเนียนเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย และอยู่กระต๊อบสัปรังเคเพียงลำพังเกรงจะเกิดอันตราย ตัวคุณนายก็ไม่มีลูกจึงขออุปการะเนียนเป็นลูกสาวของท่าน
คุณนายยังบอกหมู่ศักดิ์ด้วยว่า ลูกสาวซุกซนชอบปลอมเป็นชาย ทั้งๆที่หมู่ศักดิ์จำได้ว่า "นั่นมันชิดน้องชายชู"
เนียนจึงเปลี่ยนจากเด็กสาวจรจัด กลายเป็นลูกสาวของเศรษฐินีชื่อ คุณเนาวรัตน์ ซึ่งได้รับการสอนหนังสือ การอบรมบ่มเพาะความเป็นกุลสตรีจากคุณนาย แล้วยังสอนเล่นเปียโนสอนร้องเพลงอีกด้วย
หนุ่มหล่อนักเรียนนอกที่มาจีบคุณเนาวรัตน์ชื่อ "คุณธานินทร์" หญิงสาวไม่ชอบด็อก(เตอร์)รายนี้เอาเสียเลย เพราะชอบพูดไทยคำ-อังกฤษคำ แล้วยังเลอะเทอะคิดเอง
เออเองว่าคุณเนาวรัตน์รักเขาอีกด้วย
ชูวิทย์กำลังปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบ ที่สนามเพลาะนี้เอง เขาสร้างความสุขใจให้เพื่อนๆด้วยการร้องเพลงขับกล่อมประจำ เพื่อนๆต่างชอบเพลงที่เขาร้อง ทุกคนต่างชมว่าเสียงเหมือน สุเทพ วงศ์กำแหงราวกับคนๆเดียวกัน
คืนนี้ชูวิทย์หยิบภาพสาวรักมาดูทั้งลูบกับใบหน้าของเขา ประหนึ่งสาวรักจุมพิตแก้มของเขาทั้งร้องเพลง "พิศภาพ
ดวงใจ" โดยมีเพื่อนๆช่วยร้องคลอ...
พิศภาพเจ้างามเฉิดฉันท์ แจ่มจันทร์ขวัญตาของพี่ ขวัญเอยดวงฤดีที่จากมา
โอ้ว่าดึกแล้วหนา แก้วตา...พี่คงตรม.ป่านนี้คงเฝ้าโศกศัลย์ ตั้งแต่จากกันทุกวันพี่ระทม คิดถึงพี่ตรม คิดถึงพี่ตรมใจเอย
พิศภาพเจ้างามเฉิดฉาย ท่าทีคล้ายวอนเฉลย ขวัญเอยสวยจริงยิ่งกว่าใคร ถึงพี่จะอยู่แห่งไหน พี่ก็ไม่ลืมเลือน
อยู่ไหนใจพี่ก็เหมือน พี่มองดูเดือนเหมือนมองหน้าเจ้า เพราะรักเจ้าสาว เพราะรักเจ้าสาวทรามเชย
(หมู่) โอ...โอละเน้อ โอละเน้อ นวลเอย โอ...โอละเน้อ อกข้อยคอยเพ้อ ละเมอแต่นางเดียว......
ก่อนนอนคืนนี้คุณเนาวรัตน์สวดมนต์ไหว้พระร้องเพลง "ภาวนา" ขอให้สิ่งศักดิ์สืทธิ์คุ้มครองพี่ชูวิทย์ของหล่อน พลันภาพของชูวิทย์ที่ใส่กรอบไว้ ก็หลุดจากมือหล่อน กระจกแตกกระจายเหมือนเป็นลางร้าย ในเวลาเดียวกัน
นั้นชูวิทย์ก็ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ
ด็อกเตอร์ธานินทร์พาคุณพ่อซึ่งเป็นท่านขุนนามว่า "ขจรโวหาร" มาสู่ขอเนาวรัตน์โดยที่ไม่ได้ตกลงอะไรกันมาก่อน ทันทีที่ท่านขุนเห็นความมั่งคั่งของฝ่ายหญิง ก็ตื่นเต้นดีใจราวกับจะขอสาวให้ตัวเอง
แน่นอนว่าท่านผู้อ่านเดาได้ไม่ยาก ท่านขุนคนนี้คือโจทย์เก่าของเนียนนั่นเอง คุณเนาวรัตน์จึงตั้งปุจฉา 3 ข้อเพื่อความเหมาะสมของชีวิตคู่คือ
1.ความรัก 2.รสนิยม 3.ความกรุณาปรานี
ซึ่งด็อกเตอร์ธานินทร์ไม่เคยรู้เรื่องความเค็มของท่านขุนผู้เป็นพ่อมาก่อนจึงได้ตอบคำถามดังนี้
1. แม้คุณเนาวรัตน์จะรักเขาน้อยไปหน่อย แต่อยู่กันไปก็รักกันเอง
2. ส่วนเรื่องรสนิยมนั้น แม้ไม่ตรงกัน เขาก็สามารถบังคับตัวเองให้ชอบตามเธอได้ไม่ยาก
3. ความกรุณาปรานี ท่านขุนเป็นผู้รับรองเองว่าตระกูลของเขามีสิ่งเหล่านี้อยู่เต็มเปี่ยม เนาวรัตน์จึงถามซ้ำว่า "แน่หรือคะ" ท่านขุนก็รับรองแข็งขัน
เนาวรัตน์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีกว่ามาแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดกับเด็กสาวคนยาก จนต้องวิ่งราวข้าวหมา แต่โชคดีที่มีชายจนๆคนหนึ่งช่วยไว้ มิเช่นนั้นเด็กสาวคนนั้นคงต้องติดคุก
ด็อกเตอร์ธานินทร์ไม่รู้ความนัยจึงผสมโรงร่วมด่าด้วย ในขณะที่ท่านขุนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
แล้วเนาวรัตน์ก็สรุปว่า "ชายใจร้ายคนนั้นก็คือท่านขุนคนนี้" การหมั้นหมายจึงเป็นอันยุติ
ชูวิทย์กลับมาที่บ้านจะพังมิพังแหล่ด้วยสภาพคนตาบอด เขามีเพื่อนทหารผ่านศึกชื่อ พูล ที่พิการขาซ้าบช่วยดูแล
นี่แหละสงครามมีแต่ทำร้ายร่างกาย จิตใจและประสาท นอนหลับทุกครั้งก็เห็นแต่ภาพการรบ
เมื่อเห็นว่าชูวิทย์ได้พบหมู่ศักดิ์ พูลจึงแยกไปหาเงินเพราะเย็นนี้ยังไม่มีเงินซื้อข้าวกิน หมู่ศักดิ์เล่าเรื่องราวชีวิตพลิกผันของเนียนที่มีเศรษฐีนีใจบุญรับเป็นลูก ทำให้ชูหมดห่วงและคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่บอกให้เนียนรู้ว่าเขากลับมาที่บ้านซอมซ่อของเขาแล้ว
ฟ้ามืดสวรรค์มัวนึกเกรงน่ากลัวอกรัวใจสั่น ดั่งตะวันสูญสิ้น สวรรค์รำไรยามไร้จันทรามืดฟ้ามัวดิน น้ำตาหลั่งรินกล้ำกลืน
เหลือเพียงหัวใจรักอันสดใสอยู่ไหนกันเล่า ช่วยปลอบเรายิ้มชื่น สวรรค์จะมัวสลัวเพียงใด ไม่หายคลายคืน รักคงยั่งยืนมิคลาย
เปรียบรักคนจนเหมือนวิมานตระการพ้น สร้างอยู่บนทราย ตราบฟ้าดินมลาย แต่รักไม่หาย ไม่คลายโรยรา
รักกันซื่อตรงแล้วคงสักวันสวรรค์สว่าง ช่วยส่องทางรักข้า คอยหาดวงใจดังไร้ตะวัน คอยแสงจันทรา ขอจงเมตตาสวรรค์มืด.....
หมู่ศักดิ์แวะไปบอกให้เนียนรู้ว่าชูวิทย์กลับมาแล้ว และได้รับบาดเจ็บจากสงคราม เขากลายเป็นคนตาบอด ทำให้เนียนยิ่งรักเขาขึ้นไปอีก เธอนำข้าวกับเนื้อเค็มไปกินกับเขาเพื่อรำลึกความหลัง
ชูวิทย์ตั้งใจแต่แรกแล้วจะฆ่าตัวตาย จึงหลอกให้เนียนออกไปซื้อน้ำแล้วโรยยาพิษที่พูลหาไว้ให้ลงไปในข้าว แต่เมื่อเขารู้ว่าเนียนกินข้าวด้วยจึงสั่งให้คายทิ้งเพราะมียาพิษ
พูลซึ่งมองดูจากหน้าต่างนอกบ้านจึงบอกความจริงให้รู้ว่ายาพิษที่ชูสั่งให้หานั้น แท้จริงคือผงชูรสที่พูลหามาให้แทน มันช่วยทำให้อาหารอร่อยดีขึ้น
คุณนายเองก็ตามมาหาลูกสาว ได้เห็นความมีน้ำใจงามของชูวิทย์จึงไม่รังเกียจรับเป็นเขย และด้วยความมั่งมีมากของคุณนาย สามารถรักษาดวงตาของชูวิทย์ให้กลับมาดีดังเดิมได้ ทุกอย่างจบอย่างที่ควรจะเป็นนั่นคือ
."ทำดีย่อมได้ดี"(แม้จะมาช้า แต่ก็มา)
.หนูนิ
หมายเหตุ! ยังหาชมได้ทางยูทูบ ทั้งๆที่เป็นหนังเก่าแต่ภาพยังคมชัด ครูสุเทพตอนหนุ่มๆล้อหล่อเชียว ค่ะ เพลงเพราะมาก เพิ่งเข้าใจว่าทำไมท่านจึงได้รับการยกย่องว่าเสียงของท่านนุ่มมากเหมือนเสียง "ขยี้แพรในฟองเบียร์"
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย