17 พ.ค. 2023 เวลา 11:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ

นโยบายก้าวไกลช่วยผลักหรือฉุดหุ้นกลุ่มไหนบ้าง ?

หลังจากการเลือกตั้งจบลง หลาย ๆ คนก็เริ่มได้กลิ่นของความเจริญกันชัดเจนมากขึ้น และเริ่มคาดหวังกันว่า รัฐบาลใหม่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง
แต่เอ๊ะ.. ทำไมพอกลับไปส่องดูที่ตลาดหุ้นวันแรก กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทั้งที่ควรจะเขียว แต่กลับกลายเป็นแดง มีหุ้นหลายตัวติดลบกว่า 10% และ SET ร่วงลงไปกว่า -20 จุด..
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และอะไรเป็นสาเหตุ วันนี้แอดจะมาวิเคราะห์นโยบาย และผลกระทบหุ้นต่าง ๆ ในแต่ละกลุ่มธุรกิจให้ดูกันค่ะ
ธุรกิจโรงไฟฟ้า เสียผลประโยชน์ : เนื่องจากนโยบายที่จะลดการผูกขาดของกลุ่มทุนพลังงานใหญ่ และเปิดเสรีให้ธุรกิจไฟฟ้า ทำให้นายทุนเจ้าใหญ่ ๆ มีกำไรที่ลดลงอย่างมากตัวอย่างหุ้นที่ได้รับผลกระทบ : GULF, GPSC, BGIM
ธุรกิจบริการเสียผลประโยชน์ : เนื่องจากมีต้นทุนจากค่าแรงในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้นทุกปี จากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาท และทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเกินจะต้องให้ OT แก่พนักงานตัวอย่างหุ้นที่ได้รับผลกระทบ : AU, MINT, CETEL, MAJOR
ธุรการค้าปลีกได้ประโยชน์ : คนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยสินค้ามากขึ้น จากนโยบายสวัสดิการก้าวหน้าที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงคนแก่ และคนพิการตัวอย่างหุ้นที่ได้รับผลกระทบ : CPALL, CRC, MAKRO, BJC
ธุรกิจการขนส่งได้ประโยชน์ : คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น จากการทุ่มงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตัวอย่างหุ้นที่ได้รับผลกระทบ : BEM, BTS, ATP30
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องในด้านการเมืองที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยรวม ทำให้หุ้นอื่น ๆ ติดลบด้วย เช่น การที่พรรคก้าวไกลประกาศว่า การจับมือกับพรรคภูมิใจไทยยังไม่จำเป็นในตอนนี้ ก็ทำให้หุ้น STEC หุ้นกลุ่มชาญวีรกูล -13% ทันที หรือการที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้อันดับหนึ่งก็ทำให้หุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่อย่าง TRUE และ SIRI ร่วงไปกว่า 7% ด้วยเช่นกัน
นี่ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง
==========================ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตามเพจไว้นะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดี ๆ จากเพจของเรา
โฆษณา