ศิลปการลดความขัดแย้ง
เราเคยทำคดีในศาลที่จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์แม้มูลค่าความเสียหายไม่มากแต่โจทก์บอกว่าเป็นคดีศักดิ์ศรียอมไม่ได้แม้จะต้องจ่ายราคาค่าทนายสูงกว่ามูลค่าความเสียหาย เรายังเคยทำคดีที่จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์โดยที่จำเลยมีท่าทีไม่สำนึกผิดท้าทายให้โจทก์ไปฟ้องแต่พอขึ้นศาลได้รู้ว่าความผิดตัวเองอาจต้องติดคุกก็ยอมยกมือไหว้ขอโทษโจทก์และเอ่ยวาจาขอโทษจากใจ ซึ่งโจทก์ก็ให้อภัย
ตอนที่อบรมการไกล่เกลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เป็นหลักสูตรสากล ในหลักสูตรยังได้นำกรณีตัวอย่างจริง (เคสในต่างประเทศ) มาสอนที่คู่พิพาทเดิมมีจุดยืนไม่ยอมกันแล้วใช้การแบ่งผลประโยชน์เป็นตัวเงินเป็นเกณฑ์ในการเรียกร้อง แต่เมื่อมีการเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยโดยฝ่ายที่ทำผิดเอ่ยปากขอโทษหรือจะพิมพ์ขอโทษบน social media อีกฝ่ายก็อ่อนลงและยอมลดตัวเงินในส่วนเรียกร้องค่าเสียหายให้
จะเห็นว่าข้อขัดแย้งหรือกำแพงต่อต้านในใจของมนุษย์เป็นเรื่องของอารมณ์ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเสียทั้งหมด การขอโทษก็ช่วยให้สถานการณ์ความขัดแย้งคลี่คลาย แม้บางครั้งเราไม่ผิดเลยแต่การแสดงความนอบน้อมไม่ถือดีหยิ่งยโสก็ช่วยได้เช่นกัน
ตัวเราเองเคยโดนลูกค้าไม่พอใจและต่อว่าเพราะคิดว่าเราไม่บอกข้อมูลสำคัญเรื่องหนึ่งซึ่งเรามั่นใจว่าบอกแล้วแน่นอนแต่เราก็เอ่ยปากออกไปว่าเราขอโทษหากการสื่อสารของเราทำให้ลูกค้าเข้าใจเช่นนั้น ซึ่งก็ทำให้ลูกค้าใจเย็นลงช่วยบรรเทาความไม่พอใจได้
ดังนั้นแม้จุดยืนของเราคือหลักการที่ถูกต้องแต่การท้าทายอีกฝ่ายก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา หากแต่การแสดงความจริงใจและใช้ศิลปการเจรจาไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้าต่างหากที่จะได้รับความร่วมมือ ในวงการนักขายจะสอนเสมอว่าชนะน้ำคำแต่ไม่ชนะน้ำใจก็ไร้ประโยชน์ เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว เรื่องขององค์กรไปจนถึงเรื่องระดับชาติ
#ทนายน้อยหน่า
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖
ภาพ: หอมนสิการ ณ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖ การไหว้คือการแสดงออกที่ง่ายที่สุดของการให้เกียรติผู้อื่นและลดอัตตาความหยิ่งทนงตน
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
