19 พ.ค. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“แก้ว 3 ประการ” หลักการสร้างอิสรภาพทางการเงิน ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร คือบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของชาวไทย ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล จากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ BillionMoney ก็เคยเผยแพร่บทความ “กลยุทธ์ตีแตก” ที่ ดร.นิเวศน์ ใช้เป็นแนวทางในการลงทุน
แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจาก กลยุทธ์ตีแตก ที่ใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์หุ้นแล้ว ดร.นิเวศน์ ยังมีอีกหนึ่งหลักการสำคัญ ที่ไว้ใช้เป็นแนวทางในการสร้างอิสรภาพทางการเงินได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
หลักการที่ว่าก็คือ “แก้ว 3 ประการ”
และถ้าหากสงสัยว่า แก้ว 3 ประการนี้ คืออะไร และจะช่วยเราสร้างอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร
BillionMoney จะมาสรุปให้ฟัง แบบง่าย ๆ
แก้ว 3 ประการนั้น ประกอบไปด้วย
1. เงินออม หรือเงินตั้งต้น
แต่ละคน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย จึงทำให้มีเงินตั้งต้นสูง สามารถนำมาใช้ในการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับคนบางคน ที่อาจไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองในช่วงเริ่มต้นที่มากมายนัก ก็จำเป็นจะต้องค่อย ๆ เริ่มเก็บออมเงินผสมเล็กผสมน้อยเอาเอง
ซึ่ง ดร.นิเวศน์ แนะนำว่า หากเราไม่ได้เริ่มต้นจากการมีเงินตั้งต้นที่มาจากทางครอบครัวช่วยสนับสนุน เราก็ต้องเริ่มเก็บออมเงินด้วยตัวเอง ตั้งแต่วันนี้
ดังนั้น หลักการของดวงแก้วดวงแรกก็คือ รายได้ที่เราได้รับมาจากการทำงาน ไม่ว่าเราจะมีรายได้กี่ช่องทางก็ตาม เราจะต้องออมเงิน ก่อนที่จะนำไปใช้ อย่างน้อย 15%
สมมติว่า เราได้รับเงินเดือน เดือนละ 30,000 บาท เราก็ควรจะต้องเก็บออมเงินให้ได้ 4,500 บาท
หากเราออมเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน เราก็จะมีเงินออมใน 1 ปี เป็นเงินจำนวน 54,000 บาท
และเมื่อเวลาผ่านไป หากเรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น จำนวนเงินที่เราจะออมได้ ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
2. ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน
เงินที่เราเก็บออมได้ในปัจจุบันนั้น พอเวลาผ่านไปหลายปี มูลค่าของเงินก็จะลดน้อยลง เพราะโดนเงินเฟ้อกัดกิน
ตัวอย่างเช่น หากเรามีเงินอยู่ 1,000 บาท เราจะสามารถซื้อข้าวมันไก่ราคาจานละ 50 บาท ได้ 20 จาน ในปี 2565
แต่ถ้าหากว่า อัตราเงินเฟ้อมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% ในอีก 30 ปีข้างหน้า ข้าวมันไก่ก็อาจจะมีราคาเพิ่มขึ้นไปเป็น จานละ 121 บาท
ดังนั้น เงิน 1,000 บาท ของเราก็จะสามารถซื้อข้าวมันไก่ ได้เพียงแค่ 8 จานเท่านั้น หรือก็คืออำนาจในการซื้อของเงินของเรา มีมูลค่าลดลง นั่นเอง
ดังนั้น เราจึงควรนำเงินที่เราเก็บออมไว้ ไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ โดยเราสามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ที่ให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น
- พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ผลตอบแทนเฉลี่ย 3-4% ต่อปี- ตราสารหนี้ระยะยาว ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-6% ต่อปี- หุ้น ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 8% ต่อปี
ซึ่งสินทรัพย์แต่ละแบบก็จะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า
ดังนั้น เราก็จำเป็นต้องรู้จักตัวเองว่า เรามีความสามารถในการลงทุนเป็นอย่างไร และสามารถรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน
อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ควรลงทุนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะตามหลักการของแก้วประการที่ 2 นี้ เราควรตั้งเป้าหมาย ที่จะลงทุนเพื่อให้บรรลุอิสรภาพทางการเงินได้เร็วขึ้นด้วย
ซึ่งถ้าหากเราสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงอย่างต่อเนื่อง เงินที่เราเก็บออมก็จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้เร็วเท่านั้น
3. ระยะเวลาในการลงทุน
หากเราเริ่มเก็บออมและนำเงินมาลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ เราก็จะมีเวลาทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา ทบต้นได้มากขึ้น
เช่น หากเราเริ่มเก็บออมตั้งแต่อายุ 22 ปี เป็นเงินเดือนละ 3,000 บาท และนำมาลงทุนในกองทุนอิงดัชนีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี
เมื่อเราอายุ 60 ปี เราจะได้รับผลตอบแทนรวมเงินต้นกลับมา 8,862,930 บาท จากเงินต้นที่ลงทุนไปแค่ 1,368,000 บาท
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในระยะเวลา 38 ปี หากเรามีวินัยในการเก็บออมและลงทุนทุกเดือน เงินต้นของเราจะเติบโตได้มากถึง 6.48 เท่า
ทั้งนี้ ดร.นิเวศน์ ยังย้ำเตือนอีกด้วยว่า เงินในส่วนที่เรานำมาลงทุน เราต้องห้ามนำออกมาใช้โดยเด็ดขาด และเราควรนำเงินปันผลที่ได้จากการลงทุน กลับไปลงทุนเพิ่ม
ซึ่งเราจะสามารถนำเงินก้อนนี้ออกมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราเกษียณจากการทำงาน ไม่มีรายได้แล้วเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือ แก้ว 3 ประการ คือ แนวคิดการลงทุนเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน โดยเราควรรีบนำเงินออมของเราที่ได้จากการทำงาน ไปลงทุนสร้างผลตอบแทน ตั้งแต่ตอนที่เราอายุยังน้อยอยู่
ทั้งนี้ เพื่อให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการมีอิสรภาพทางการเงินได้ ดร.นิเวศน์ ก็มักพูดอยู่เสมอว่า เราจะต้องคอยทำให้ ดวงแก้วทั้ง 3 ดวงนี้ สุกสว่างอยู่ตลอด
และถ้าเราทำตามได้ดังนี้แล้ว การไปถึงอิสรภาพทางการเงินของเรา ก็เป็นไปได้อย่างแน่นอน..
References
-https://www.bangkokbiznews.com/finance/1066846-หนังสือ การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน (2558) โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โฆษณา