21 พ.ค. 2023 เวลา 01:35 • หนังสือ

5 บทเรียนชีวิตอมตะจาก Marcus Aurelius

Marcus Aurelius จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน
ผู้มากความสามารถ ซึ่งปกครองระหว่าง
วันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 161 ถึง ค.ศ. 169
และถือเป็นนักปรัชญาลัทธิสโตอิก (Stoicism)
คนสำคัญคนหนึ่ง
.
นักประวัติศาสตร์นับให้พระองค์
เป็นหนึ่งใน “ห้าจักรพรรดิผู้ดีงาม”
(Five Good Emperors) ซึ่งประกอบไปด้วย
เนอร์วา (Nerva), ทราจัน (Trajan), เฮเดรียน (Hadrian),
อันโตไนอัส ไพอัส (Antoninus Pilus)
และ มาคัส อัลเรเลียส (Marcus Aurelius)
ด้วยตำแหน่งของ Roman Emperor
หรือ จักรวรรดิโรมัน ใครหลายคนอาจคิดว่า
ชีวิตของ Marcus Aurelius อาจจะง่ายดาย
แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ
.
ในปีแรกของการปกครองของเขา
อาร์เมเนียซึ่งเป็นประเทศลูกของกรุงโรม
ถูกยึดครองโดยศัตรู
ขณะที่ Aurelius ต้องเผชิญกับ
ความยากลำบากต่างๆ ในจักรวรรดิ
รวมทั้งความเจ็บปวดทางกายที่ยืดเยื้อยาวนาน
อีกทั้งสงครามเพื่อยึดอาร์เมเนียคืนก็ตามมา
ซึ่งถือเป็นช่วงที่เขาต้องเผชิญความยากลำบากในทุกทิศทาง
แต่ด้วยแนวคิดโดยยึดหลักปรัชญา Stoic
Aurelius จึงสามารถเข้าใจมุมมองของตน
และมองทุกอุปสรรคเป็นโอกาสในการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้
Marcus Aurelius รู้ว่าเขาไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้
แต่เขาสามารถควบคุมการตอบสนองของเขาได้
ดังนั้นวันนี้ ผมจึงมี 5 บทเรียนชีวิตอมตะ
จาก Marcus Aurelius
ที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมความสุข
และใช้ชีวิตที่ดีที่สุดได้ครับ
1. “ฝึกฝนการรับรู้ของคุณ”
คุณมีอำนาจเหนือจิตใจ ไม่ใช่เหตุการณ์ภายนอก
จงเข้าใจสิ่งนี้ แล้วคุณจะพบความเข้มแข็ง
.
ชาว Stoic ตระหนักถึงความสำคัญ
ของการควบคุมการรับรู้ของพวกเขา
พวกเขาสังเกตเห็นว่า มนุษย์เราถูกผลัก
และดึงออกจากการควบคุมของตนได้ง่ายเพียงใด
.
การรับรู้ของเรามีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่เราประสบ
จึงน่าขำ หากเรามอบอำนาจนั้นให้กับผู้อื่นหรือสถานการณ์ต่างๆ
ดังนั้น การฝึกการรับรู้ของคุณให้เป็นผู้เชี่ยวชาญนั้น
ไม่เพียงแต่ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณอยู่ในมือของคุณ
แต่ยังช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย
2. “หันแก้มอีกข้างหนึ่งให้”
God did not intend my happiness
to rest with someone else.
— Marcus Aurelius, Meditations
พระเจ้าไม่ได้ตั้งใจให้ความสุขของฉันไปอยู่กับคนอื่น
.
ในฐานะจักรพรรดิ Marcus Aurelius
ถูกทั้งวิพากษ์วิจารณ์และยกย่องเชิดชู
แต่เขาเรียนรู้ที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากทั้งสองอย่าง
เขาสังเกตเห็นธรรมชาติของมนุษย์
และมักเขียนเกี่ยวกับสิ่งนี้ในการสะท้อนชีวิต
ซึ่งตอนนี้ได้แปลเป็นหนังสือที่ชื่อว่า Meditations
มีท่อนหนึ่งในหนังสือที่กล่าวบอกไว้ว่า
“เมื่อคุณตื่นนอนในตอนเช้า ให้บอกตัวเองว่า
คนที่ฉันติดต่อด้วยในวันนี้จะยุ่งเหยิง
อกตัญญู หยิ่งยโส
ไม่ซื่อสัตย์ ขี้อิจฉา และไม่เป็นมิตร”
.
โลกอาจเปลี่ยนไปในช่วงเกือบ 2,000 ปี
นับตั้งแต่ยุคของ Aurelius
แต่พฤติกรรมของมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกวันมีผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถรบกวน
และทำให้เราเสียสมาธิ
.
แต่เรามีอำนาจที่จะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเรา
อย่ารับผิดชอบต่อพฤติกรรมของผู้อื่น
รับผิดชอบพฤติกรรมของคุณเอง
ถ้ามีใครดูถูกฉัน นั่นคือปัญหาของพวกเขา
ส่วนฉัน—อย่าทำ หรือพูดอะไรที่น่ารังเกียจ
ถ้ามีคนเกลียดฉัน นั่นคือปัญหาของพวกเขา
ส่วนฉัน—อดทนและร่าเริงกับทุกคน
รวมทั้งพวกเขาด้วย
พร้อมชี้ให้เห็นความผิดพลาด
ไม่ใช่แสดงความอาฆาตมาดร้าย
หรือโอ้อวดการควบคุมตนเอง
แต่ให้อยู่ในทางที่ซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม
นั่นคือวิธีที่เราควรเป็น ซึ่งออกมาจากภายใน
และอย่าให้เทพเจ้าจับได้ว่าเรารู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ”
— Marcus Aurelius, Meditations
3. “มองอุปสรรคให้เป็นโอกาส”
เช่นเดียวกับที่ธรรมชาติที่มันรับทุกปัญหา
ทุกอุปสรรค และพร้อมแก้ไข
รวมทั้งเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของมัน
และรวบรวมสิ่งต่างๆ เข้าไว้ในตัวของมันเอง
.
ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล
ก็สามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้แต่ละครั้ง
ให้กลายเป็นวัตถุดิบ
และใช้มันเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน”
— Marcus Aurelius, Meditations
Aurelius และชาวสโตอิก
รู้ว่าอุปสรรคไม่ได้เลวร้ายเลย
แท้จริงแล้ว มันคือโอกาสในการ
สร้างความสำเร็จและเก่งขึ้น
จงเป็นดังที่ Aurelius กล่าวไว้
“Like nature - ให้เป็นเช่นเดียวกับธรรมชาติ”
ในวิถีทางที่มันใช้ ทุกสิ่งทั้งดีและไม่ดี
เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของมัน
.
ทุกวันเราพบสถานการณ์ที่สามารถตีความได้ระหว่าง
ให้มันเป็นอุปสรรค or ให้มันเป็นบททดสอบ
ที่ทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น
“ขึ้นอยู่ที่คุณเป็นผู้ตัดสินใจและตีความ”
4. “Amor Fati รักโชคชะตาของคุณ”
ชาวสโตอิกเชื่อว่า universal guiding force
หรือ พลังชี้นำของจักรวาล
กำลังดึงพวกเขาอยู่
และพวกเราทุกคนจะไปสู่สิ่งที่ถูกลิขิตไว้
.
พวกเขาเปรียบเทียบแนวคิดนี้กับสุนัข
ที่ถูกลากไว้ติดกับเกวียน
หากคุณเป็นสุนัขตัวนั้น
คุณมี 2 ทางเลือกที่จะปฏิบัติ คือ
อย่างแรก คุณใช้แรงทั้งหมดที่มี
เพื่อวิ่งสวนทางกับทิศทางที่เกวียนนั้นเดินทางไป
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แรงต้านระหว่างตัวคุณกับเกวียน
จนในท้ายที่สุด คุณก็จะเริ่มหมดแรงลง และยอมแพ้
เสมือนดั่งโชคชะตา
ที่คุณเลือกที่จะดิ้นรนต่อโชคชะตากำลังนำทางเรา
หรือทางเลือกที่ 2 คือ
คุณเป็นสุนัขตัวนั้นที่ถูกผูกติดกับเกวียน
แต่คุณยอมรับแรงดึง
และเส้นทางที่เกวียนกำลังเดินทางไป
สุดท้าย คุณแทบไม่ต้องออกแรงใดๆ เลย
และไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างสบายๆ ในที่สุด
เสมือนดั่งคุณกำลังเพลิดเพลิน
กับการเดินทางแห่งโชคชะตาของตนเอง
.
Friedrich Nietzsche ให้เครดิตความยิ่งใหญ่ของมนุษย์กับแนวคิดนี้
“Amor Fati” ซึ่งแปลจากภาษาละติน
แปลว่า ความรักต่อโชคชะตา
5. “เปรียบเทียบชีวิตของคุณกับความนิรันดร์
Aurelius คิดถึงความไม่แน่นอนของชีวิตมาโดยตลอด
เขาเตือนตัวเองให้นึกถึงผู้คนทุกคนที่มาและจากไป
วลีสำหรับการเตือนถึงชีวิตที่ไม่แน่นอนนี้
คือคำว่า Memento Mori
ซึ่งแปลจากภาษาละตินแปลว่า "จำไว้ว่าคุณจะตาย"
.
เราสามารถใช้ข้อความนี้
เพื่อเป็นการเตือนสติให้กับตัวเอง
และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจแก่เรา
ให้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด เต็มที่ที่สุด
ปล่อยวางความกังวลเล็กน้อย ใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรม
เข้าใจและเห็นอกเห็นใจ และรักในโชคชะตาของเราเอง
#ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะครับ
#TheLibrary
#TheArticleWithTheLibrary
#selfdevelopment
โฆษณา