24 พ.ค. 2023 เวลา 07:00

วิธีเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ขั้นตอนการโหวต การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ

เปิดวิธีโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในสภา ขั้นตอนการออกเสียงทั้งหมดของรัฐสภา 750 คนมาจากไหนบ้าง ทำไม ส.ว. 250 เสียงถึงมีความสำคัญ เงื่อนไขสำคัญในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คืออะไร ที่นี่มีคำตอบ
1
การเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือดโดยเฉพาะกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา ที่ตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 60 (มาตรา 272) บัญญัติให้ การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมตรีให้กระทำในที่ประชมร่วมกันของรัฐสภา (ส.ส. และ ส.ว. ประชุมร่วมกัน) และต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา หรือ 376 เสียง ซึ่งปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ ส.ว.มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี
หมายความว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตัวแทนสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. 500 คนที่มาจาก ส.ส. เขต 400 เสียง และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 100 เสียง และ ส.ว. อีก 250 เสียง จะเป็นผู้ลงคะแนนให้ความเห็นชอบผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ ตามรายชื่อแคนดิเดตของแต่ละพรรคการเมืองที่เสนอชื่อเข้ามา
อย่างไรก็ตามประชาชนหลายคนยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในหลายเรื่อง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ฐานเศรษฐกิจ จึงนำขั้นตอนการเลือกบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 มาอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ
ขั้นตอนการเลือก นายกรัฐมนตรี คนที่ 30
  • 1. ส.ส. เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตของพรรคที่มีจำนวน ส.ส. ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป กรณีนี้หากดูจากผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรคต่าง ๆ ที่ยังมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมด 8 คน จาก 5 พรรคการเมือง คือ พรรคก้าวไกล 1 คน, พรรคเพื่อไทย 3 คน, พรรคภูมิใจไทย 1 คน, พรรคพลังประชารัฐ 1 คน และพรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน
  • 2. การเสนอชื่อต้องมีส.ส. รับรอง ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยสามารถเสนอชื่อให้เลือกได้มากกว่า 1 คน
  • 3. การเลือกนายกรัฐมนตรีให้กระทำเป็นการเปิดเผย โดยเลขาธิการจะเรียกชื่อสมาชิก ส.ส. และ ส.ว. ตามลำดับอักษรเป็นรายบุคคล และให้ออกเสียงโดยการกล่าวชื่อบุคคลที่เห็นชอบ
  • 4. ส.ส. 500 เสียง ส.ว. 250 เสียง รวมกัน 750 เสียง ผู้ที่ได้คะแนน 376 เสียงขึ้นไป จะได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
  • 5. หากลงคะแนนแล้วไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งก็จะวนโหวตต่อไปจนกว่าจะมีผู้ได้คะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
จากข้อมูลข้างต้นมีประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ กรณีพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ในการแถลงข่าวจับมือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ สามารถรวมเสียงได้ 313 เสียง
2
หมายความว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. อีกอย่างน้อย 63 เสียง จึงจะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ
แต่ก็ต้องจับตาดูว่าในการคัดเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีใครเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นแข่งกับนายพิธาหรือไม่ หากมีการเสนอชื่อแข่งทั้ง ส.ส. และส.ว.ก็มีสิทธิที่จะโหวตให้กับใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ ใครที่ได้คะแนน 376 ก่อนคือผู้ชนะ
1
นอกจากนี้รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบันก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้อย่างชัดเจน ขณะที่ รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดเวลาไว้ 30 วัน หากพ้น 30 วัน ยังไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็น นายกฯ
ดังนั้น ระหว่างการเลือกนายกฯ คนใหม่ยังไม่ได้และไม่มีกรอบเวลากำหนดไว้ซึ่งอาจกินเวลาเป็น สัปดาห์ เป็นเดือน หลายเดือน ผู้ที่จะยังคงทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทยจะออกมาอย่างไร
โฆษณา