ปฏิวัติสีส้ม
โดย
นิติการุณย์
มิ่งรุจิราลัย
Orange Revolution คือการปฏิวัติสีส้มในอูเครน (22 พฤศจิกายน 2004-23 มกราคม 2005) ศูนย์กลางของการต่อสู้อยู่ที่จัตุรัสอิสรภาพ (จัตุรัสไมดัน) กลางกรุงคีฟ
การกระดิกพลิกตัวทางการเมืองของคนอูเครนในสมัยก่อนมักจะใช้สีแดง แต่ว่าในห้วงช่วงรอยต่อ ค.ศ.2004-2005 มี ‘มือที่มองไม่เห็น’ เข้ามาบริหารจัดการให้ใช้สีที่สื่อถึงการล้มของเก่าและสร้างของใหม่นั่นคือ ‘สีส้ม’
ทุกอย่างที่ใช้ในการปฏิวัติในตอนนั้นเป็นสีส้มทั้งหมด ไม่ว่าเสื้อ ผ้าโพกหัว ธง ผ้าผูกข้อมือ หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ฯลฯ โลกจึงตั้งชื่อการปฏิวัติครั้งนั้นว่าเป็นการปฏิวัติสีส้ม โดยมีการเข้ามาจัดการการเคลื่อนไหวในรูปแบบ civil disobedience (อารยะขัดขืน)
คนหนุ่มสาวเยาวชนได้รับการแนะนำให้ใส่สีส้มนั่งประท้วง บางครั้งมีการแนะนำให้เดินขบวนอย่างสงบพร้อมจุดเทียนและร้องเพลงชาติ มีการประสานให้ความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นพร้อมเพรียงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ใช่เฉพาะให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ในคีฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของอูเครนเท่านั้น จังหวัดต่างๆ ทั้งประเทศก็มีคนไปบริหารจัดการให้เกิดการประท้วงเช่นเดียวกัน
พวกเรา (รวมทั้งผมด้วย) ทำงานร่วมกับชาวอูเครนมายาวนาน คนอูเครนเป็นคนฉลาด ขยัน จิตใจงดงาม และรักสงบ
แต่หลังจากการปฏิวัติสีส้ม ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในพื้นที่ 603,550 ตารางกิโลเมตรของประเทศนี้ พบว่าคนอูเครนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งมีความรุนแรงกว่าแต่ก่อน จากการปลูกฝังความเป็นชาตินิยมจนมองคนชาติอื่นเป็นศัตรู
หลายคนที่เราทำงานด้วยที่สมัยก่อนไม่เคยแสดงออกทางการเมืองอย่างก้าวร้าว ก็เริ่มทะเลาะกับผู้คนในทีมงาน
อูเครนเป็นแผ่นดินที่มีคนพูดจาหลายภาษาอยู่ในประเทศเดียวกัน เช่น ภาษาอูเครน ภาษารัสเซีย ภาษาโปล ฯลฯ
ก่อนหน้าที่จะมีมือที่มองไม่เห็นเข้าไปบริหารจัดการ คนสัญชาติอูเครนไม่ว่าจะพูดจาภาษาไหนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง
การปฏิวัติสีส้มทำให้ผู้คนในประเทศเปลี่ยนไป มีการด่าทอและฆ่าฟันคนเห็นต่างและคนที่พูดจาภาษาอื่น
พ่อผมตระเวนอูเครนครั้งแรกเมื่อปลาย ค.ศ.1991 ก่อนที่จะแยกเป็นประเทศใหม่ เมื่อแยกออกจากสหภาพโซเวียตแล้วก็ยังเดินทางไปอีกหลายครั้ง
ตอนที่ภาพยนตร์ที่บริษัทของเราเป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงทั้งในรัสเซียและอูเครน มีการเชิญคณะของไทยไปร่วมฉลองรางวัลที่อูเครน ผมเองก็เดินทางไปร่วมฉลองที่กรุงคีฟด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าประเทศจะแตก
ต่อมามีการสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ชื่อ Senafon ทั้งเรื่องถ่ายทำที่ตราด จังหวัดบ้านเกิดของพ่อของผม ทีมถ่ายทำคณะใหญ่ก็ยังมีชาวอูเครนและชาวรัสเซียทำงานร่วมกันอย่างไม่มีปัญหา
เรื่องแรกที่เราทำทีมงานทั้งรัสเซียและอูเครนอยู่ร่วมกันที่จันทบุรีและระยองนานถึง 1 ปี 2 เดือน 20 วัน
เรื่องที่สองก็ทำงานร่วมกันใน จ.ตราด ไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ทุกคนในทีมงานต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย
ทว่าหลังจากการปั่นกระแสความคลั่งชาติจาก ‘มือที่มองไม่เห็น’ การทำงานร่วมกันแบบเดิมเป็นไปอีกไม่ได้เลย กระแสการปั่นให้เกิดความแตกแยกประสบความสำเร็จมาก
เมษายน 2023 หน่วยต่อต้านข่าวกรองทั้งของรัสเซียและจีนสรุปตรงกันว่า จะมีการปฏิวัติสีเกิดขึ้นในประเทศที่ผู้คนยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรวมกัน (ในลักษณะอย่างเช่น นาโตเอเชีย หรืออาจจะเรียกชื่ออย่างอื่น) เพื่อซัดกับจีน
ครั้งแรกเป็นเพียงการเตือนจากองค์กรข่าวกรอง แต่ต่อมาก็เป็นการเตือนอย่างเปิดเผยและกว้างขวาง
การปฏิวัติสีใน ค.ศ.2023-2025 ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากอย่างปฏิวัติสีส้มในอูเครนเมื่อ ค.ศ.2004-2005
ใช้เพียงโทรศัพท์ไม่กี่หมื่นเครื่องก็สามารถทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย.
- 44
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
