29 พ.ค. 2023 เวลา 05:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ

‘นิกเกิล’ ขุมทรัพย์แดนอิเหนา ปั้นอินโดนีเซียสู่ศูนย์กลาง EV

เมื่อเม็ดเงินลงทุนต่างชาติสาดสปอตไลต์มายังอาเซียน ‘อินโดนีเซีย’ คือหนึ่งในประเทศเป้าหมาย แล้วอะไรที่ทำให้แดนอิเหนาก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นแห่งภูมิภาค ลองมาหาคำตอบกัน
“ปั้นสินแร่ให้เป็นดาว” เป็นยุทธศาสตร์หลักในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย นอกจากข้อได้เปรียบด้านจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 200 ล้านคนแล้ว อินโดนีเซียยังอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุที่หลากหลาย แต่ธุรกิจสินแร่ยังมีสัดส่วนต่อ GDP เพียง 5% เท่านั้นในปี 2019 ดังนั้น อินโดนีเซียจึงวางแผนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจดังกล่าว เพื่อพัฒนาศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว
เป็นที่ทราบกันดีว่า “ถ่านหิน” คือสินแร่ตัวเอกของอินโดนีเซีย โดยในปี 2022 อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและอินเดีย แต่เมื่อกระแสโลกเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ธุรกิจถ่านหินจึงได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ
แต่อินโดนีเซียพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยปรับเป้าหมายสู่การพัฒนาธุรกิจปลายน้ำของสินแร่อื่น ๆ ที่ยังมีอยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบอกไซต์ ทองแดง และดีบุก เพื่อพัฒนาธุรกิจเหล่านี้สู่อุตสาหกรรมระดับโลก
ที่สำคัญ อินโดนีเซียหมายมั่นที่จะปั้น “นิกเกิล” ให้เป็นดาวดวงใหม่แทนที่ถ่านหิน ซึ่งปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% และเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองนิกเกิลสูงที่สุดในโลกที่ 22%
นิกเกิลเป็นแร่สำคัญในการผลิตสเตนเลสซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดโลก รัฐบาลอินโดนีเซียตระหนักถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของทรัพยากรนิกเกิล จึงห้ามการส่งออกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 เร็วกว่าแผนเดิมถึง 2 ปี และหันมาสนับสนุนการทำธุรกิจปลายน้ำจากแร่นิกเกิลในประเทศแทน
ในปี 2021 อินโดนีเซียได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตสเตนเลสสตีลรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่ประเทศจีน และมีมูลค่าการส่งออกสเตนเลสสตีลสูงถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่มีเพียง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ปัจจุบันสเตนเลสสตีลเป็นสินค้าส่งออกหลักอันดับที่ 3 ของอินโดนีเซีย รองจากถ่านหินและน้ำมันปาล์ม
นิกเกิล ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย เพราะเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมอิออนที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคันจะใช้นิกเกิลมากกว่ารถยนต์ธรรมดาถึง 7-15 กิโลกรัม และคาดว่าสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะสูงถึง 30% ของการใช้รถทั้งหมดในปี 2025 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 12% จึงมีการประเมินว่าการใช้นิกเกิลจะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ในปี 2025 จากปัจจุบันที่ 5%
รัฐบาลอินโดนีเซียยังใช้มาตรการภาษี สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยลดภาษีฟุ่มเฟือยเหลือ 0% สำหรับผู้ซื้อรถ EV เทียบกับอัตราภาษี 9-20% ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศไปสู่ศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียใต้ โดยตั้งเป้าการสร้างห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจรให้สำเร็จภายในปี 2024
นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า 4 ล้อแล้ว อินโดนีเซียยังมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 2 ล้อด้วย ซึ่งอินโดนีเซียเป็นตลาดรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดียและจีน ด้วยจำนวนมอเตอร์ไซค์กว่า 110 ล้านคันในปี 2020 และปัจจุบันราคามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์น้ำมันก็ใกล้เคียงกันมาก ยิ่งดึงดูดความต้องการรถไฟฟ้ามากขึ้น
รัฐบาลอินโดนีเซียยังมีแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยการเร่งขยายสถานีชาร์จและสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
การเดินสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นี้ อุตสาหกรรมสินแร่ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจประเทศ และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยล่าสุดอินโดนีเซียมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สนับสนุนดุลการค้าและสถานะการคลังให้แข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงปี 2021-2022 ส่งผลให้ค่าเงินมีเสถียรภาพ และทิศทางตลาดหุ้นมีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้
BBLAM จึงเชิญชวนผู้ลงทุนคว้าโอกาสจากการเติบโตของอินโดนีเซียผ่านกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย (B-ASIA) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียน (B-ASEAN) รวมถึงกองทุนในรูปแบบ RMF และ SSF
ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม คลิก:
B-ASIA
คำเตือน: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF/SSF
ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนรวม #ลงทุน #ลงทุนในกองทุนรวม #BASIA #BASEAN #ความยั่งยืน #พลังงานสะอาด #รถยนต์ไฟฟ้า
โฆษณา