PwC ประเมินว่า หากมนุษย์เข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกได้ 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 และยังมีการคาดการณ์ว่า ChatGPT จะทำให้ข้อมูลบนโลกเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 2 ปี ผ่านคอนเทนต์และบทความที่มนุษย์และ AI สร้างขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดักเตอร์ Data Center หรือ Cyber Security ที่จะเติบโตตามปริมาณการใช้ข้อมูล
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินว่ามูลค่าตลาด Global AI ทั่วโลก ที่รวมทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการ จะเพิ่มขึ้นถึง 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2026 หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 19% ต่อปีนับจากปัจจุบัน
เป็นที่ทราบกันดีว่า Microsoft คือผู้ลงทุนหลักใน ChatGPT และการเติบโตอย่างโดดเด่นของผู้ใช้งาน ChatGPT จะสนับสนุนธุรกิจของ Microsoft ในภาพรวมด้วย และที่น่าจับตาคือในระยะยาว ChatGPT อาจเข้ามากินส่วนแบ่งของเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่ครองมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 93% ในตอนนี้
ขณะที่เดียวกัน Microsoft ก็มีแผนที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจด้วยการผสาน ChatGPT เข้ากับบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสิร์ชเอนจินอย่าง Bing, Microsoft 365, PowerPoint หรือ Microsoft Team
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนหลักของ B-INNOTECH มีมุมมองที่ต่างจากตลาด โดยมองว่าตลาดตอบสนองต่อปัจจัย ChatGPT ไปมากแล้ว ขณะที่ราคาหุ้น Microsoft ก็สูงไปแล้ว จึงได้ขายทำกำไรออกมาบางส่วนและรอติดตามสถานการณ์ต่อไป เช่นเดียวกับอีกหนึ่งหุ้น AI ตัวเด่นอย่าง Nvidia เจ้าตลาดการ์ดจอ GPU ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 95% ที่ผู้จัดการกองทุนมองว่าราคาแพงไปแล้วเช่นกัน
ในทางกลับกัน ผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักกับหุ้นที่ Valuation ยังไม่สูงมากอย่าง Intel ทั้งยังมีรายได้จาก Data Center ที่ดี รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน Google ที่ยังเป็นเจ้าตลาดเสิร์ชเอนจิน และได้ลงทุนใน AI ไปมหาศาลแต่ยังไม่ครอบคลุมถึงการด้านภาษา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ Google จะพัฒนาในส่วนนี้มาสู้กับ ChatGPT ได้ในระยะยาว