29 พ.ค. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไม วอร์เรน บัฟเฟตต์ กำลังเป็นหนี้ สกุลเงินเยน กว่า 3 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ทางบริษัท Berkshire Hathaway ของนักลงทุนในตำนาน อย่างคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ออกขายหุ้นกู้ ในสกุลเงินเยนเพิ่ม ประมาณ 40,000 ล้านบาท
3
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาได้ทำการออกหุ้นกู้ในสกุลเงินเยน เพราะทาง Berkshire Hathaway ได้ทยอยออกขายหุ้นกู้อยู่เรื่อย ๆ จนทำให้ในตอนนี้ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้มีหนี้ในสกุลเงินเยน มากถึง 300,000 ล้านบาท เข้าไปแล้ว
แล้วเพราะอะไร คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ ถึงต้องก่อหนี้ ระดับแสนล้านบาท ในสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแบบนี้ ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ
คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้น มีความต้องการที่จะลงทุนในบริษัทชั้นนำ ที่อยู่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น อันได้แก่ บริษัท Itochu, บริษัท Mitsubishi, บริษัท Marubeni, บริษัท Mitsui และบริษัท Sumitomo
2
บริษัทเหล่านี้ ต่างก็อยู่ในกลุ่มบริษัทที่เรียกว่า “Sogo Shosha” อันเป็นบริษัทที่เป็นเหมือนกับเส้นเลือดใหญ่ของญี่ปุ่น เพราะแค่รายได้ของ 5 บริษัท ที่คุณบัฟเฟตต์ จะไปลงทุนนี้ ก็คิดเป็น 10% ของ GDP ประเทศญี่ปุ่นแล้ว
4
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูในเรื่องของมูลค่าแล้ว หุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ กลับไม่ได้แพงอย่างที่คิด เห็นได้จาก อัตราส่วน P/E ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
5
Itochu อัตราส่วน P/E 7.71 เท่า
Mitsubishi อัตราส่วน P/E 5.93 เท่า
Marubeni อัตราส่วน P/E 5.87 เท่า
Mitsui อัตราส่วน P/E 5.87 เท่า
Sumitomo อัตราส่วน P/E 5.19 เท่า
6
ซึ่งต่ำกว่าอัตราส่วน P/E ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่อยู่ที่ 15.6 เท่า เท่านั้น
2
อีกทั้งบริษัทเหล่านี้ ยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ค่อนข้างดีอีกด้วย โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนเงินปันผล ของ 5 บริษัทที่คุณบัฟเฟตต์ไปลงทุน เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 5%
 
ด้วยความที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่หาคู่แข่งมาเทียบได้ยาก และมีมูลค่าที่ถูกมาก ๆ แถมยังจ่ายปันผลสูงแบบนี้
3
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่หุ้นญี่ปุ่นเหล่านี้ จะถูกใจนักลงทุน VI อย่างคุณบัฟเฟตต์ จนทำให้เขาตัดสินใจที่จะเข้าไปลงทุน
3
แต่การที่คุณบัฟเฟตต์ จะข้ามฟากจากสหรัฐอเมริกา ไปลงทุนยังประเทศญี่ปุ่นนั้น เขาก็จะต้องทำการแลกเงินจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ให้กลายเป็นสกุลเงินเยนเสียก่อน
1
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คุณบัฟเฟตต์ ต้องเจอกับปัญหาใหญ่ก็คือ “ความเสี่ยงจากค่าเงิน”
2
ถ้าหากคุณบัฟเฟตต์ จะทำการแลกเงินเพียงแค่หลักหมื่นบาท เหมือนที่เราทำกันตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ก็อาจจะไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะส่วนใหญ่แล้วก็จะขาดทุน หรือได้กำไรไม่เกินหลักร้อยบาทเท่านั้น
แต่ในเมื่อเป็นการลงทุน ที่ต้องแลกเงินระดับร้อยล้านบาทหรือหมื่นล้านบาท การขยับของค่าเงินเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้เงินลงทุนของคุณบัฟเฟตต์ หายไปหลายล้านบาทเลยทีเดียว
1
ตรงนี้เองที่การออกหุ้นกู้ ในสกุลเงินเยนของบริษัท Berkshire Hathaway จะช่วยให้คุณบัฟเฟตต์ ได้สกุลเงินเยนเข้ามา โดยไม่จำเป็นต้องนำเงินดอลลาร์สหรัฐไปแลก
1
และลดความเสี่ยงจากค่าเงินลง ให้เหลือเพียงแค่ ตอนแลกเงินคืน จากเงินเยนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเอากำไรกลับเท่านั้น
นอกจากนี้ ประโยชน์ที่คุณบัฟเฟตต์ จะได้จากการกู้เงินในสกุลเงินเยน นอกจากการลดความเสี่ยงจากค่าเงินแล้ว ก็คือการมีต้นทุนกู้ยืมที่ลดลง
1
สมมติว่า คุณบัฟเฟตต์ ต้องการจะกู้เงินจากนักลงทุน ไปลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 10 ปี เขาจะต้องจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาซื้อหุ้นกู้
3
โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี เมื่อช่วงต้นปีนี้ของสหรัฐอเมริกา จะอยู่ที่ประมาณ 3.64% ในขณะที่ของญี่ปุ่น จะอยู่ที่ประมาณ 0.44% เท่านั้น
2
ด้วยเหตุนี้เอง การจะกู้เงินในสกุลเงินเยน ก็จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะถ้าคุณบัฟเฟตต์ จะจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้สัก 1% ถึง 2% ก็จะเป็นที่น่าดึงดูด สำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นมากแล้ว
5
ในขณะที่ ถ้าหากคุณบัฟเฟตต์ จะกู้เงินในสกุลดอลลาร์สหรัฐ เขาอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้สูงถึง 4% หรือ 5% เพื่อที่จะดึงดูดใจ ให้นักลงทุนชาวอเมริกันมาซื้อหุ้นกู้
4
และต้นทุนในการกู้ยืมที่ต่ำ ก็จะช่วยให้คุณบัฟเฟตต์ ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มากขึ้นอีกด้วย
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย ของหุ้นญี่ปุ่น 5 ตัวที่คุณบัฟเฟตต์ไปลงทุน จะอยู่ที่ประมาณ 5%
1
ทำให้ถ้าหากคุณบัฟเฟตต์ กู้เงินในสกุลเงินเยน ด้วยอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1% ก็จะได้ผลตอบแทนหลังจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ อยู่ที่ 4%
2
แต่ถ้าหากคุณบัฟเฟตต์ จะกู้เงินในสกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุน อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หลังหักดอกเบี้ยเงินกู้ ก็จะเหลือน้อยมาก ๆ จนไม่คุ้มกับความเสี่ยง ในการหอบเงินหลายร้อยล้านบาทไปลงทุน
สรุปแล้ว การก่อหนี้เป็นสกุลเงินเยน กว่า 3 แสนล้านบาทของคุณบัฟเฟตต์นั้น ถือว่าเป็นเหมือนการยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
1
เพราะนอกจากจะทำให้ความเสี่ยง จากค่าเงินที่ผันผวน ลดลงแล้ว ยังทำให้คุณบัฟเฟตต์ จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ถูกกว่าการกู้เงิน ในสกุลดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
3
ซึ่งกลยุทธ์นี้ แม้นักลงทุนรายย่อยอย่างเราเอง จะไม่สามารถลอกเลียนแบบคุณบัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีพอร์ตการลงทุนระดับล้านล้านบาทได้
แต่จากเรื่องนี้เอง เราก็สามารถเรียนรู้ วิธีการมองหาโอกาส และการเลือกใช้เครื่องมือ ให้เหมาะสมกับการลงทุน แบบที่คุณบัฟเฟตต์ ใช้กับการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น เพื่อนำไปปรับใช้กับการลงทุนของเรา ก็ได้เช่นเดียวกัน..
4
โฆษณา