27 พ.ค. 2023 เวลา 09:23 • กีฬา

ดอร์ทมุนด์ กับโอกาสทอง แชมป์บุนเดสลีกาที่รอคอยมา 11 ปี

นี่คือเกมชี้ชะตาของบุนเดสลีกาในฤดูกาลนี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีหรือไม่ หรือว่า บาเยิร์นจะฉีกสคริปต์ทิ้ง แล้วพลิกครองแชมป์ลีกได้ 11 สมัยติดต่อกัน
ค่ำคืนนี้ จะเป็นแมตช์เดย์ที่ตื่นเต้นที่สุดอีกครั้งหนึ่งใน Finale Day ของวงการฟุตบอลเยอรมัน
ก่อนที่เราจะเวลาแข่งขัน (นัดสุดท้ายบุนเดสลีกา เล่นทุกสนามพร้อมกันเวลา 20.30) ผมรวบรวมเกร็ดเล็กๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแย่งแชมป์ในวันแมตช์เดย์สุดท้ายครับ
- แบ็กกราวน์ของเกมนี้ ดอร์ทมุนด์ มี 70 แต้ม ลูกได้เสีย +39 ส่วน บาเยิร์น มี 68 แต้ม ลูกได้เสีย +53
- นัดสุดท้ายของฤดูกาลจะแข่งคืนนี้ ดอร์ทมุนด์ ถ้าชนะไมนซ์ (อันดับ 9 ของตาราง ไม่มีลุ้นยุโรป ไม่มีลุ้นตกชั้น) ด้วยสกอร์เท่าไหร่ก็ได้ พวกเขาจะเป็นแชมป์ลีกทันที
1
- แต่ถ้าดอร์ทมุนด์ไม่ชนะ แล้วอีกสนาม บาเยิร์นชนะโคโลญจน์ได้ แชมป์ก็จะกลายเป็นของบาเยิร์นแทน
- ผู้จัดการทีมคนสุดท้ายที่พาดอร์ทมุนด์เป็นแชมป์ลีก คือเจอร์เก้น คล็อปป์ ในซีซั่น 2011-12 จากนั้นมาดอร์ทมุนด์ไม่เคยไปถึงแชมป์อีกเลย เป็นบาเยิร์น มิวนิคที่คว้าแชมป์ได้ทุกครั้ง
- ครั้งสุดท้ายที่ดอร์ทมุนด์ได้แชมป์บุนเดสลีกา จู๊ด เบลลิงแฮม เพิ่งอายุ 8 ขวบ
- แอร์ดิน แทร์ซิช เฮดโค้ชของดอร์ทมุนด์กล่าวถึงเบลลิงแฮมว่า "เขาคือนักเตะอายุ 19 ปี ที่แก่ที่สุดในโลกฟุตบอล ความหมายคือ มันมหัศจรรย์มากๆ ที่คุณเล่นฟุตบอลได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ด้วยอายุแค่นี้"
สำหรับเบลลิงแฮม มีข่าวว่าจะย้ายไปเรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์นี้ และสิ่งที่เขาปรารถนาอย่างแรงกล้า คือการคว้าแชมป์สักรายการให้ดอร์ทมุนด์ก่อนที่จะแยกทางกันไป เป็นการปิดฉากเส้นทางอย่างงดงามที่สุด
อย่างไรก็ตามในเกมกับไมนซ์นัดนี้ เขาอาจลงไม่ได้ เพราะมีอาการเจ็บเข่าขวา ต้องลุ้นกันจนถึงวินาทีสุดท้าย
- บาเยิร์นได้แชมป์บุนเดสลีกามา 10 ปีติดต่อกัน (2013 ถึง 2022) ไม่ว่าจะใช้ผู้จัดการทีมคนไหนก็ได้แชมป์ตลอด ตั้งแต่ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, คาร์โล อันเชล็อตติ, นิโก้ โควัช, ฮันซี่ ฟลิค และ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ แต่โทมัส ทูเคิล อาจเป็นคนแรกที่พลาดท่าทำแชมป์หลุดมือ
- ตอนไล่ยูเลียน นาเกลส์มันน์ บาเยิร์นยังมีลุ้นครบทั้ง 3 แชมป์ แต่ ณ เวลานี้ มีโอกาสพลาดทุกรายการ และจะเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่พวกเขาจะจบซีซั่นโดยไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลยแม้แต่รายการเดียว
1
- โทมัส ทูเคิล คุมทีมบาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา ทั้งหมด 8 นัด ผลงานคือ ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 2 ส่วนดอร์ทมุนด์ใน 8 นัดนี้ ผลงานคือ ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 คือเอาจริงๆ ดอร์ทมุนด์ก็ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ มีหลุดเสมอให้เห็นบ้าง แต่บาเยิร์นเองก็ขาดความแน่นอนพอๆ กัน โดยเฉพาะเกมนัดรองสุดท้าย เล่นในบ้านตัวเองแท้ๆ แต่พลิกแพ้ไลป์ซิกเฉยเลย จนเสียตำแหน่งจ่าฝูง
- บาเยิร์น เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในบุนเดสลีกา (90 ลูก) และ เสียประตูน้อยที่สุด (37 ลูก) พวกเขาอาจเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมัน ที่ยิงเยอะสุด และเสียน้อยสุด แต่ไม่ได้แชมป์ลีก
- คนที่โดนวิจารณ์หนักที่สุดของบาเยิร์น มิวนิค คือซีอีโอสโมสร โอลิเวอร์ คาห์น และ ผู้อำนวยการกีฬาฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ทั้งคู่ตัดสินใจเปลี่ยนม้ากลางศึก เอาทูเคิลมาคุมแทนนาเกลส์มันน์ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย คือจริงอยู่ ทูเคิลเป็นโค้ชที่เก่ง แต่ปกติคนเก่งแค่ไหน ก็ควรมีเวลาให้เขาได้จูนทีม ได้เรียนรู้กับทีมไปพร้อมๆ กันตั้งแต่ปรีซีซั่น พอมารับงานหนักทันที ทูเคิลก็รับมือไม่ไหว ในเคสนี้คนไม่ค่อยโทษทูเคิล แต่จะโทษผู้บริหารว่าตัดสินใจพลาดแล้ว
หลังจากแพ้ไลป์ซิก ซาลิฮามิดซิช ปกป้องทูเคิล โดยกล่าวว่า "เขาทำงานได้ดีแล้ว แต่เขาต้องการเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้ แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ ดีเอง"
- วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม บาเยิร์น มิวนิค จะมีประชุมบอร์ดครั้งใหญ่ และจะพิจารณาว่า จะทำงานร่วมกับ โอลิเวอร์ คาห์น และ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ต่อไปหรือไม่ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าครั้งสำคัญขององค์กรได้เลยทีเดียว ก็ต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งในเคสของซาลิฮามิดซิช มีสัญญากับสโมสรถึงปี 2026 ถ้าไล่ออก ก็ต้องเสียค่าชดเชยมหาศาลแน่นอน
1
- หลังจากแพ้ไลป์ซิก และมีโอกาสเสียแชมป์ นักข่าวจากสกาย ไปถามมัทไธส์ เดอ ลิกต์ ว่าห้องแต่งตัวของบาเยิร์น มิวนิค เป็นอย่างไรบ้าง เดอ ลิกต์ตอบว่า "เหมือนมีคนตาย" ทุกอย่างเงียบสงัดไปหมด ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะพวกเขาอาจจะเสียแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
1
- เครื่อง Simulator ที่เยอรมัน ทำแบบทดสอบ 100 ครั้ง ว่าทีมใดจะเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ ผลสรุปบอกว่า ดอร์ทมุนด์มีโอกาสเป็นแชมป์ 82% ส่วนบาเยิร์น มีโอกาสเป็นแชมป์ 18% นั่นเพราะเงื่อนไขของบาเยิร์น นอกจากตัวเองต้องชนะแล้ว ยังต้องแช่งให้ดอร์ทมุนด์ให้ไม่ชนะไมนซ์ด้วย
- หนึ่งในคีย์แมนของดอร์ทมุนด์ที่ ทำให้ทีมชนะต่อเนื่องในช่วงหลังคือเซบาสเตียน ฮัลแลร์ กองหน้าฝรั่งเศสเชื้อสายไอวอรี่โคสต์ ที่ยิงได้ 5 ลูก ใน 3 เกมหลังสุด
ความน่าสนใจของฮัลแลร์ ก็คือดอร์ทมุนด์ เซ็นสัญญา เซบาสเตียน ฮัลแลร์ จากอาแจ๊กซ์ ในราคา 31.5 ล้านยูโร เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร ความตั้งใจคือ เอามาแทนที่เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ย้ายไปแมนฯ ซิตี้ แต่หลังจากเซ็นสัญญาได้แค่ 13 วันเท่านั้น ฤดูกาลยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ฮัลแลร์ก็ตรวจพบมะเร็งอัณฑะ ต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
ฮัลแลร์เข้ารับการผ่าตัด 2 ครั้ง บวกกับการทำคีโมอีก จนต้องพักยาวไป 5 เดือน ดอร์ทมุนด์ไม่ได้สามารถใช้การเขาได้เลย ใน 15 นัดแรกของบุนเดสลีกา
เกมแรกที่ได้ใช้งานฮัลแลร์ คือนัดที่ 16 แต่พอกลับมาแล้วฮัลแลร์ ก็เริ่มเร่งฟอร์มขึ้นมาเรื่อยๆ และในโค้งสุดท้ายเขาก็ทั้งยิง ทั้งแอสซิสต์ จนเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของบุนเดสลีกาในครึ่งฤดูกาลหลัง เป็นการคืนชีพอย่างแท้จริงของหัวหอกวัย 28 ปีคนนี้
- จริงๆ ช่วงที่ฮัลแลร์ประกาศว่าจะเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งอัณฑะ ดอร์ทมุนด์แก้ปัญหาด้วยการเซ็น แอนโธนี่ โมเดสเต้ กองหน้าวัย 34 ปีจากโคโลญจน์มาทดแทน โดยสื่อดังแดร์ สปีเกล ยกว่า เป็นการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุด เพราะโมเดสเต้เล่นแย่มาก และฟอร์มฝืดสุดๆ
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนเกมทั้งหลายที่แย่นั้น มีนัดเดียวที่เขาเล่นได้ดีที่สุด นั่นคือ การลงมาเป็นตัวสำรอง ในเกมเจอบาเยิร์น มิวนิค จากที่ทีมโดนนำ 2-0 พอเขาลงมาปั๊บ แอสซิสต์ 1 ยิง 1 ช่วยให้ทีมตีเสมอ 2-2 ถ้าไม่มีโมเดสเต้วันนั้น ตารางคะแนนวันนี้ บาเยิร์นก็จะยังคงเป็นจ่าฝูงอยู่
- ดอร์ทมุนด์ ชุดนี้ไม่ถอดใจง่ายๆ ย้อนกลับไปในช่วงพักเบรกหน้าหนาว ตอนนั้นดอร์ทมุนด์มีแต้มตามหลังบาเยิร์น 9 คะแนน แต่นิคลาส ซูเล่ เซ็นเตอร์แบ็กของทีมได้ประกาศเอาไว้ว่า "เรายังไม่แพ้" ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า ดอร์ทมุนด์จะทำแต้มพลิกแซงได้จริงๆ
และสำหรับซูเล่ จะคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัยติดต่อกันได้สำเร็จ ถ้าดอร์ทมุนด์ชนะไมนซ์ได้ในคืนนี้ (บาเยิร์น 5, ดอร์ทมุนด์ 1)
- ดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่มีตัวรุกหลากหลายที่สุดในบุนเดสลีกา เพราะมีผู้เล่นถึง 17 คน ในทีม ที่ยิงประตูได้ในซีซั่นนี้ ส่วนบาเยิร์น มิวนิค มีผู้เล่นที่ยิงประตูได้ในบุนเดสลีกา 16 คน น้อยกว่าทีมเสือเหลืองเล็กน้อย
- สำนักข่าวบีบีซี วิเคราะห์ว่า จุดแข็งที่ทำให้ดอร์ทมุนด์น่ากลัวขึ้น คือศักยภาพในเกมรุก ที่มีคนยิงประตูหลายตัว คือซีซั่นที่แล้ว พวกเขาพึ่งพาเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์มากจนเกินไป แต่ในซีซั่นนี้ แม้จะไม่มีใครยิงถึงเลข 2 หลักเลย คนยิงได้สูงสุดคือ 9 ประตู (เซบาสเตียน ฮัลแลร์, ดอนเยลล์ มาเล่น) แต่ก็มีตัวยิงได้หลากหลายขึ้น คือบางทีการเอากองหน้าซูเปอร์ฮีโร่ออกไปหนึ่งคน อาจส่งเสริมให้ทีมเล่นดีขึ้นกว่าเดิมได้เหมือนกัน
- นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่บาเยิร์น มิวนิค จะไม่มีกองหน้ายิงได้ถึง 20 ประตูในบุนเดสลีกา โดยก่อนหน้านี้ 7 ปีที่ผ่านมา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงกระจุยกระจายให้ทีมได้เสมอ
30, 30, 29, 22, 34, 41, 35 นี่คือตัวเลขที่เลวานดอฟสกี้ยิงได้ในบุนเดสลีกา 7 ซีซั่นที่ผ่านมา แต่ปีนี้ คนยิงสูงสุดให้บาเยิร์น ในลีก คือแซร์ช นาบรี้ ยิงได้ 14 ประตูเท่านั้น
- ใน 10 สมัย ที่บาเยิร์นเป็นแชมป์บุนเดสลีกา มีแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ที่ต้องตัดสินในวัน Final Day เกมนัดที่ 34 ของฤดูกาล คือซีซั่น 2018-19 (บาเยิร์นชนะแฟรงค์เฟิร์ต 5-1 ได้แชมป์ไปครอง) แต่ซีซั่นที่เหลือ บาเยิร์นได้แชมป์ล่วงหน้าไปสบายๆ ปกติเกมวีกสุดท้ายของลีกเยอรมันจะไม่ค่อยตื่นเต้น แต่ในปีนี้ ถือว่าน่าจะลุ้นระทึกที่สุด และมีคนสนใจทั่วโลกเลยทีเดียว
- โทมัส มุลเลอร์ สตาร์ของบาเยิร์น ให้สัมภาษณ์ว่า "ดอร์ทมุนด์ต้องชนะทุกเกมที่เหลือถึงจะเป็นแชมป์ได้ ถ้าพวกเขาทำได้ ผมก็จะแสดงความยินดีด้วยอย่างเงียบๆ แต่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง เราจะยังไม่ยอมแพ้ และเราจะทำทุกอย่างเพื่อเก็บสามแต้มให้ได้ในเกมสุดท้าย"
- ตลอดชีวิตของมาร์โก รอยส์ เขาไม่เคยได้แชมป์เมเจอร์อะไรเลยแม้แต่รายการเดียว ดีที่สุดคือ เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย และ รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย (2013)
กับสโมสรไม่เคยได้แชมป์ กับทีมชาติก็ไม่เคยได้ อย่างในปี 2014 เขาก็บาดเจ็บกะทันหันก่อนประกาศเรียกตัว เป็นคนที่โชคชะตาไม่เป็นใจอย่างแท้จริง ดังนั้นนี่อาจเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่รอยส์ จะไปถึงความฝัน คว้าแชมป์เมเจอร์ได้เสียที
สำหรับรอยส์ ในช่วงต้นซีซั่น เขาเป็นตัวจริงตลอด แต่ใน 7 เกมหลังสุด เขาถูกส่งเป็นตัวสำรองทุกนัด (และทีมเล่นดีขึ้น ไร้พ่ายทั้ง 7 เกม) ดังนั้นเชื่อว่า นัดสุดท้ายกับไมนซ์ เขาก็จะเป็นสำรองเช่นกัน ซึ่งรอยส์ก็คงไม่สนใจแล้ว ขอแค่ได้แชมป์ก็เป็นพอ
รอยส์ อยู่กับดอร์ทมุนด์มา 11 ปี เจ็บช้ำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าได้แชมป์ในวันนี้ เขาจะเป็นชูถาดแชมป์ในบ้านตัวเอง เราอาจจะได้เห็นน้ำตาของนักเตะวัย 33 ปีคนนี้ก็เป็นได้
- เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เคยเป็นผู้จัดการทีมทั้งดอร์ทมุนด์ และ ไมนซ์ มาแล้ว ให้สัมภาษณ์ว่า "ในเคสนี้ ผมจะยินดีมากถ้าดอร์ทมุนด์ชนะไมนซ์ ใช่ ผมหวังว่าดอร์ทมุนด์จะคว้าแชมป์ได้ เพราะมันนานเกินไปแล้วจริงๆ ที่พวกเขาห่างหายแชมป์มา คือจนถึงวันนี้ผมก็ยังติดต่อกับผู้คนที่ดอร์ทมุนด์อยู่นะ และผมเข้าใจดีว่าการเป็นแชมป์มันจะมีความหมายมากๆ กับชาวเมืองแค่ไหน"
"แน่นอน ฝั่งบาเยิร์นคงไม่อยากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ผมคิดว่ามันไม่สนุกหรอก ถ้ามีสโมสรเดียวเป็นแชมป์อยู่ทุกปี อย่างไรก็ตามเราทุกคนรู้ว่า บาเยิร์นจะเอาคืนอย่างแน่นอนในปีหน้า"
"สำหรับเกมนัดสุดท้าย ผมตื่นเต้นนิดหน่อยนะ พูดตรงๆ เลย ซีซั่นนี้ดอร์ทมุนด์มีช่วงขึ้นๆ ลงๆ แต่ผมคิดว่าพวกเขาจะทำได้ในที่สุด"
- หลังจากคล็อปป์ ออกมาพูดว่าเขาตื่นเต้น โทมัส มุลเลอร์ ได้ออกมาอัดคลิป แล้วพูดว่า "ขนาดคนอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังออกมาบอกว่าตื่นเต้น ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่นักเตะที่ลงสนามจะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน และความหวังของผมอยู่ตรงนั้น เอาเป็นว่าบาเยิร์นจะถ่อมตัวไว้ก่อน ทำงานของเรา และมาดูกันว่าเราจะได้อะไรในตอนจบ"
มุลเลอร์บอกว่า เกมใหญ่ขนาดนี้ ตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าขาดสมาธิ ดอร์ทมุนด์อาจจะเล่นพลาดก็ได้ ดังนั้นบาเยิร์น จะรอคอยโอกาสอย่างอดทนไปก่อน
- ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยุโรป สโมสรที่คว้าแชมป์ลีก ติดต่อกันมากที่สุดคือ สกอนโต้ (ลัตเวีย) และ ลินคอร์น เรด อิมป์ส (ยิบรอลตา) ทั้งคู่ได้แชมป์ลีกในประเทศของตัวเอง 14 สมัย
ส่วนสถิติโลก เป็นของทีมทาเลีย ในลีกวานูอาตู คว้าแชมป์ได้ 15 สมัยติดต่อกัน
ถ้าหากบาเยิร์นพลาดแชมป์ปีนี้ ก็หมดสิทธิ์ทำสถิติดังกล่าว เพราะจะหยุดการคว้าแชมป์อยู่เพียง 10 สมัยติดต่อกันเท่านั้น
-----------------------
คืนนี้ จะเป็นการลุ้นที่ระทึกมากๆ แฟนบอลส่วนหนึ่ง อยากเห็นการเปลี่ยนโฉมหน้าแชมป์เยอรมัน จากบาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมอื่นบ้าง
แต่ก็มีแฟนบอลบางส่วน อยากเห็นบาเยิร์นไปให้สุด คว้าแชมป์ลีกติดต่อกันทำลายสถิติโลกไปเลย คือมีกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย
แต่แน่นอน เกมก็จะไปตัดสินกันใน 90 นาที ดอร์ทมุนด์ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนได้แมตช์พอยต์ พวกเขาจะทำได้หรือไม่ ซึ่งถ้าพลาด บาเยิร์นก็พร้อมจะปาดหน้าแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
สุดท้ายมาร์โก รอยส์ จะได้ชูถาดแชมป์ เป็นครั้งแรกในชีวิตหรือไม่ และ ภาพตอนจบของจู๊ด เบลลิงแฮม จะสวยงามตามสคริปต์หรือเปล่า เราจะได้รู้คำตอบกันในค่ำคืนนี้ครับ
PPTV ถ่ายทอดสดคู่ ดอร์ทมุนด์ ปะทะไมนซ์ เวลา 20.30 น. ครับ ดูฟรีๆ กันทั้งทีวี และออนไลน์กันไปเลย
หรือใครไม่อยากเชียร์คนเดียว ผมเห็นแฟนดอร์ทมุนด์ในประเทศไทย เขารวมตัวกันอยู่ที่ บาร์ The Sportsman ใต้ตึกเทรนดี้ สุขุมวิท 13 สามารถไปร่วมเชียร์บอลกับพวกเขาได้นะครับผม ถ้าได้แชมป์บรรยากาศคงสุดยอดน่าดูเลยล่ะ!
โฆษณา