31 พ.ค. 2023 เวลา 02:00 • กีฬา

ออกไปสร้างเรื่องราวของตัวเอง

Nike Mercurial Vapor V ถูกเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน ปี 2009 ซึ่งมีราคาขายเปิดตัวอยู่ที่ราว 130 ปอนด์ โดยที่วัสดุที่ใช้ในกระบวนการผลิตและการเพิ่มเติมเทคโนโลยีต่างๆเข้าไปกับตัวรองเท้านั้นได้รับการช่วยเหลือและผ่านการออกแบบร่วมกันระหว่างนักเตะและฝ่ายเทคนิคของทาง ไนกี้
ซึ่งในบรรดานักเตะที่เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและทดสอบรองเท้าล้วนเป็นนักเตะระดับท็อปในช่วงเวลานั้น ได้แก่ อเล็กซานเดร ปาโต้,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เพื่อทดสอบและพัฒนาตัวรองเท้าให้พร้อมที่จะปล่อยสู่ท้องตลาดในเวลาต่อมา
Vapor V มาพร้อมกับเทคโนโลยี Flywire ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในช่วงเวลานั้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินของวัสดุที่จะนำมาใช้ในส่วนอื่นๆของตัวอัปเปอร์ได้และยังคงให้ความมั่นคงและความแข็งแรงของตัวรองเท้าได้อย่างลงตัว
โดยที่ตัวเทคโนโลยี Flywire มีส่วนสำคัญอย่างมากในรองเท้ารุ่นนี้อีกนอกจากเรื่องของการช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินของวัสดุแล้ว ตัวของ Flywire เองมีโครงสร้างในรูปแบบการวางเส้นใยที่เปรียบเสมือนแถบจับบอลแบบบางเมื่อเปรียบเทียบกับรองเท้าที่โดดเด่นเรื่องการควบคุมลูกฟุตบอล อย่างรองเท้าในซีรี่ส์ CTR บนตัวรองเท้าซึ่งทำหน้าที่ปรับความกระชับของตัวรองเท้าให้เข้ารูปเท้าของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
ผลทดสอบการใช้งานที่ได้จากนักเตะและฝ่ายเทคนิคที่ร่วมงานกันในโปรเจคนี้ต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันถึงรองเท้ารุ่นนี้ว่า “เทคโนโลยี Flywire ที่ใช้มันทำงานได้ครอบคลุมมากกว่าเรื่องที่ช่วยให้รองเท้าของเราเบามากขึ้นอย่างเดียว มันให้ความรู้สึกกระชับเท้าที่พอดีมากขึ้นในส่วนข้างเท้า ชุดพื้นที่ใช้นั้นก็ให้การรองรับแรงกระแทกได้ในระดับที่ดีและมันช่วยให้เราทำความเร็วได้ดีมากขึ้นในการวิ่งในรูปแบบต่างๆ”
รองเท้าซีรี่ส์ Mercurial มีเสน่ห์ในรูปแบบเฉพาะตัวและมันก็ดึงดูดผู้เล่นระดับท็อปมากมายได้เป็นอย่างดี นักเตะมากมายต่างเลือกที่จะสวมใส่มันลงสนามเเละก้าวออกไปสร้างเรื่องราวของตัวเองบนสนามหญ้า ซึ่งยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนถึงเรื่องราวความสนุก เร้าใจ ในช่วงเวลานั้นที่ถูกถ่ายทอดผ่านนักเตะที่มีลีลาการเล่นที่โดดเด่นในแบบฉบับของตัวเอง อย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยที่เมื่อเราพูดถึงนักเตะเหล่านี้ เราก็มักจะนึกถึงลีลาการเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ การวิ่ง และการจบสกอร์ในรูปแบบเฉพาะตัว
ท้ายที่สุดเเล้วภาพจำของพวกเขาในช่วงเวลาดั่งกล่าวก็กลายเป็นเเรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมายที่ฝันจะอยากเดินตามรอยขวัญใจของตัวเอง เเต่ทุกๆคนต่างก็มีเรื่องราวที่เฉพาะตัวที่เเตกต่างกันออกไป สิ่งที่ดีที่สุดคือการเต็มที่กับทุกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นเเละเมื่อเวลาผ่านไปแล้วเรามองย้อนกลับมา เราจะได้รับรู้ได้ทันทีว่า "ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เราก็ทำมันเต็มที่เเละดีที่สุดเท่าที่วันนั้นเราสามารถทำได้เเล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ "
Source by : SoccerBible & Nike Football & Premier League
Pic by : jaymikedk
โฆษณา