Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Structure
•
ติดตาม
29 พ.ค. 2023 เวลา 07:57 • ปรัชญา
Here We Go (67)ส่องเกม ‘เก้าอี้ดนตรี’ ก้าวไกล - เพื่อไทย
วัฏจักรการเมืองไทยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
วิเคราะห์สถานการณ์ การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล
เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เป็นสโลแกนหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่คุ้นหูเวลาฟังปราศรัย คุ้นตาเวลาเห็นโปสเตอร์เลือกตั้งของพรรค และตอนนี้เริ่มเห็นประเทศไทยเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
ที่ชัดเจนคือ การลงนามใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้ง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่นำ MOU มาใช้ในขั้นตอนเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมเสียงข้างมาก เป็นการทำสัญญาแบบลายลักษณ์อักษรแทนที่จะเหมือนแต่ก่อนที่ใช้แบบสัญญาสุภาพบุรุษ
เป้าหมายสำคัญคือพรรคก้าวไกลต้องการผูกมัดพรรคเพื่อไทยไว้ ไม่ให้แอบไปติดต่อพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาลแข่งในช่วงที่พรรคก้าวไกลยังต้องจัดการกับปัญหาสำคัญคือเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ส่วนพรรคอื่นๆ มีเสียงต่ำ 10 คงไม่เป็นที่กังวลมากนัก
MOU จัดตั้งรัฐบาลผสมไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทย เคยมีการจัดทำมาก่อนแล้วทั้งประเทศในยุโรป และกลุ่มประเทศอาเซียน แม้จะไม่มีผลทางกฎหมายใดๆพรรคไหนจะไม่ทำตามภายหลังก็ได้ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ไม่อย่างนั้นจะถูกมองว่าเชื่อถือไม่ได้
แต่ที่ยังเปลี่ยนไม่ได้คือ ท่าทีของ ส.ว.ที่ขอความชัดเจนคุณพิธา เกี่ยวกับปมปัญหาแก้ไขมาตรา 112 ที่แม้จะไม่มีบรรจุอยู่ใน MOU โดยตรง แต่ในรายละเอียดข้ออื่นๆ แล้วสามารถที่จะถูกหยิบยกมาดำเนินการภายหลังได้ ซึ่งคุณพิธาเองก็เลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ คงเกรงจะกระทบเสียงสนับสนุนของพรรค
เพราะความไม่ชัดเจนนี้เองทำให้กลุ่มที่สนับสนุนและคัดค้านออกมาจัดชุมนุมเรียกร้องกันแล้ว บางที่เกือบจะปะทะกันก็มี สภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเป็นระยะในอนาคต ดีไม่ดีอาจขยายกลายเป็นความขัดแย้งในสังคมได้ บรรยากาศของคนไทยทะเลาะกันเองอาจเกิดขึ้นอีกหลังจากที่หายไป 8 ปี บรรยากาศที่คุณพิธาประกาศไว้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคนคงจะห่างไกลออกไปทุกที
----------
และที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือ การแย่งตำแหน่งในรัฐสภาและรัฐบาล ดูท่าพรรคก้าวไกลคงปวดหัวอยู่ไม่น้อย หลังผ่านพ้นกับความชื่นมื่นตอนเซ็น MOU ไปได้ไม่ถึงวัน เริ่มมีข่าวออกมาแล้วว่าคุณประวิตรจะลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วยุบพรรคปล่อยให้ ส.ส.ของพรรคไปสังกัดพรรคเพื่อไทย จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล
แม้พรรคเพื่อไทยออกมาปฏิเสธทันที แต่ก็ทำให้พรรคก้าวไกลต้องคิดถึงความสำคัญของพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน จากนั้นก็ตามมาด้วยข่าวแย่งชิงตำแหน่งประธานรัฐสภาระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นขู่จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลซะด้วย
และนี่คือเกมการต่อรองทางการเมืองที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยหรือไม่ก็ตาม
ความเหมือนกันของพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยคือ ต่างฝ่ายต่างมีผู้มีอำนาจเหนืออยู่นอกพรรคคอยชี้แนะให้พรรคเดินไปทางนั้นทางนี้ ข้อนี้เป็นที่รู้กันดี และที่สำคัญต่างฝ่ายต่างมีกลุ่มคนสนับสนุนพอๆ กัน
พรรคก้าวไกลมีด้อมส้ม พรรคเพื่อไทยก็มีแฟนคลับคนเสื้อแดงคอยเชียร์อยู่เช่นกัน ที่แตกต่างกันนิดหน่อยคือจำนวนเสียง ส.ส.ที่ตอนนี้พรรคก้าวไกลมีมากกว่าแค่ 10 เสียงเท่านั้น
วัดขุมกำลังแล้วมีพอๆ กัน การต่อรองผลประโยชน์ต่างๆ ระหว่าง 2 พรรคนี้ทำได้ไม่ง่ายนัก แค่ตำแหน่งประธานรัฐสภาตำแหน่งเดียวจะเป็นของพรรคไหน ใครจอง ยังทำให้ ส.ส.พรรค กลุ่มผู้สนับสนุน และผู้มีอำนาจเหนือพรรคต่างออกมาแสดงอาการยอมกันไม่ได้ แล้วอีกหลายตำแหน่งจะไม่ทำให้เกิดรอยร้าวได้อย่างไร
อันนี้น่าติดตาม แบบนี้จึงมีการเปรียบเปรยว่าการเมืองคือเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์
ว่าไปแล้วยังไม่เห็นความจำเป็นที่ทั้งก้าวไกลกับเพื่อไทยจะมานั่งทะเลาะกันเรื่องตำแหน่งประธานรัฐสภา เพราะเมื่อถึงเวลาที่คณะกรรม การเลือกตั้งประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการอย่างน้อย 95% เพื่อเปิดสภา ตอนนั้นจำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองถูกต้องของใครมากกว่าใครยังไม่มีใครตอบได้
ยังมีเรื่องคุณสมบัติจากการถือหุ้น itv ของคุณพิธาอีก หรือหลังจากได้บุคคลดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาแล้ว ส.ว.จะโหวตให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีครบตามจำนวนหรือไม่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งตามมา แล้วถ้าเสียงสนับสนุนไม่พอ จะเป็นอย่างไรต่อ จะเสนอชื่อคนเดิมเข้ามาใหม่ได้เรื่อยๆ ไหม ทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญของการเมืองไทยหลังจากนี้ พอจะสรุปตอนนี้ได้ว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”
----------
บทสรุปสำหรับสัปดาห์นี้คือ ประเทศไทยของเรากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยการเมือง เวลามากกว่าร้อยละ 90 ในชีวิตประจำวันของคนไทยมีแต่เรื่องการเมือง ตั้งรัฐบาล ชิงประธานสภาผู้แทน ชิงกระทรวงมาอยู่กำกับดูแล วางนโยบายและแผนปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เดินสายพบองค์กรชั้นนำทางเศรษฐกิจและการปกครองท้องถิ่น จัดขบวนเยี่ยมประชาชนเพื่อบอกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีแน่ ว่าที่ รมต.แสดงวิสัยทัศน์แก้ปัญหาบ้านเมือง
ถ้าประมวลทุกเรื่องเข้าด้วยกัน การเข้าสู่อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน การปกครองบ้านเมือง กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศไทย พรรคใดจะเป็นผู้นำ จะครองอำนาจได้สำเร็จหรือไม่ ยังไม่รู้
ถ้ามองให้ไกลกว่านี้ การเมืองขณะนี้กำลังขับเคลื่อนประเทศไทยไปจนถึงปี 2570 เพื่อเลือกตั้งใหม่ พรรคหนึ่งตั้งใจจะครองเสียงข้างมากให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด อีกหลายพรรคหวังจะตีตื้น เอาความนิยมกลับคืนมา เข้าทำนองการเมืองเป็นอย่างไร ประเทศไทยจะเป็นอย่างนั้น
เป็นหน้าที่เราคนไทยต้องอ่านการเมืองให้เข้าใจ เพราะเสียงของเรา การกาบัตรของเรามีผลต่อประเทศไทยจริงๆ การเมืองที่กำลังเห็นในทุกวันนี้บอกความเป็นจริงเช่นว่านั้น
----------
เราผ่านการเลือกตั้งมาได้สองสัปดาห์แล้ว เราเห็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีหน้าตาเช่นไรแล้ว เราเห็น MOU เราเห็นนโยบายที่พรรคจะทำ มีแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้นที่มาบอกจะทำอะไรบ้างใน 100 วัน อะไรบ้างจะทำใน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ส่วนพรรคร่วมอื่นๆ เงียบ เจียมปากเจียมคำ แสดงว่ายังไม่เห็นกระรอก จะไม่โก่งหน้าไม้
เราเห็นชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่าที่ประธานสภาเท่านั้นเช่นกัน ยังไม่เห็นของพรรคร่วมอื่น แสดงว่าเจียมเนื้อเจียมตัว เราเห็นท่าที ส.ว. ซึ่งดูจะไม่เป็นคุณต่อคุณพิธา เพราะกลัวพรรคก้าวไกลทำอะไรที่ไม่อยู่ใน MOU เสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประเทศชาติ นำไปสู่อะไรที่แย่มากๆ สำหรับคนไทย
ถ้าติดตามท่าที ส.ว.จะเห็นว่า ไม่ได้ติดอยู่เฉพาะมาตรา 112 แต่เลยไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจยิ่งกว่าการแก้มาตรา 112 รวมทั้งการนำนโยบายมาปฏิบัติทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ ความมั่นคง ดังนั้น MOU ไม่ได้มีความหมายต่อการตัดสินใจของ ส.ว. แต่เป็นเรื่องอื่นที่ใหญ่กว่า ถ้าพรรคก้าวไกลจะส่งใครไปเคลียร์ต้องพร้อมด้วยข้อมูล เพราะแค่อ้าง “อย่าฝืนมติมหาชน” คงไม่พอ
----------
สิ่งที่คนไทยเห็นมาสองสัปดาห์ คือ การขยับตัวฝ่ายเดียวของพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคอื่นขยับด้วยในเรื่อง MOU หลังจากนั้นเงียบกริบ มามีเสียงดังบ้างก็ที่ตำแหน่งประธานสภา ในสัปดาห์ต่อๆ ไปก็คงจะขยับตัวอีกบ้าง แต่จะไม่ค่อยมีอะไรให้เล่น
คุณพิธา จะถูกทำให้เป็นพระเอกหล่อๆ พูดดูดี เป็นพ่อของส้ม อาจได้เห็นการเจรจาเรื่องกระทรวง แต่ส่วนใหญ่คงอยากรอการรับรองผลเลือกตั้งเป็นทางการ จะทำให้การขยับมีน้ำหนักและถูกทิศทาง ไม่ใจเร็วด่วนได้ แล้วไม่ได้อะไรเลย
พูดถึงความใจเร็วด่วนได้ การแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่ รมต.คลังของพรรคก้าวไกล ในหลายวันที่ผ่านมา ถ้าใครได้เข้าไปอ่านทุกคอมเม้นต์ในทุกข่าวที่เกี่ยวกับท่านว่าที่ รมต.คลัง คนนี้ จะเห็นทิศทางความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อพรรคก้าวไกลในเรื่องการแก้ไข ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างชัดเจน
ถ้าให้พูดตรงๆ ไปทางลบมากกว่าทางบวก ไปทางไม่มั่นใจ ไม่เชื่อมั่น และมากขึ้นทุกวัน และความไม่เชื่อมั่นส่งผลต่อไปถึงเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในอนาคต ไม่รวมเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ได้ เพราะขณะนี้ไม่ใช่แค่ไม่เชื่อมั่น แต่เป็นเรื่อง “ไม่เชื่อ” แล้ว
กระทบถึงคุณพิธา ว่าที่ท่านนายก ท่านมีขุนคลังที่มีฝีมือและประสบการณ์เท่านี้หรือ คุณพิธาไม่รู้เลยว่าคนของคุณพิธามีความรู้และประสบการณ์ประมาณไหน หรือแค่อภิปรายฟังดูดีในสภา มีคนมาคอมเมนต์ชื่นชม ก็เป็น รมต.ได้แล้ว
ไม่รู้หรือว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญมีความหมายต่อความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีผลต่อการฟื้นตัวหรือทรุดตัวก็ได้ น่าหนักใจแทนก้าวไกล
คนไทยอยากให้ก้าวไกลมีโอกาสได้ทำงานก็เยอะมากอยู่ไม่งั้นคงไม่เลือกมาขนาดนี้ แต่ด้วยนโยบาย ตัวบุคคล วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ ผ่านมาสองสัปดาห์คะแนนตกลงมาก ฟังแต่ด้อมคงไม่ได้มั้ง ทำไปทำมาอุปสรรคของก้าวไกลไม่ใช่ 112 หรอก แต่เป็นความไม่พร้อมในทุกด้านของตัวเองมากกว่า
#TheStructureColumnist
#HWG #เพื่อไทย #ก้าวไกล #จัดตั้งรัฐบาล
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย