30 พ.ค. 2023 เวลา 05:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ

📚 ลงทุนเพื่อค่าเทอม เริ่มต้นตรงไหน

การศึกษาของลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของพ่อแม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการศึกษาที่ดีนั้นมักจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าเทอม ค่ากิจกรรมและอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ทำให้การแบ่งสัดส่วนเงินเก็บสะสมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอหรือทันเวลาที่จะต้องใช้เงิน วันนี้เราจึงมีวิธีวางแผนการลงทุนเพื่อเก็บเงินค่าเทอมลูกมาแนะนำทุกคนกัน
4 วิธี 🎯 วางแผนการลงทุน เก็บเงินค่าเทอมลูก ยังไงไม่ให้พลาดเป้า
1. วางแผนการศึกษาระยะยาว
เริ่มแรกเราควรจะตั้งเป้าหมายการศึกษาระยะยาวให้ลูกก่อน ว่าจะให้ลูกเรียนในสถานศึกษาประเภทไหน เช่น รัฐบาล เอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ รวมไปถึงระดับปริญญาตรีและปริญญาโทว่าจะให้ลูกเรียนในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เพราะแต่ละที่นั้นมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
2. สำรวจค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาลูก
หลังจากที่ตั้งเป้าหมายเรื่องโรงเรียนลูกไว้แล้ว เรามาสำรวจและรวบรวมค่าใช้จ่ายการศึกษาต่าง ๆ ปี 2023 กันดีกว่าว่าเราจะต้องเก็บเงินประมาณกี่บาทและกี่ปีถึงจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายการศึกษากัน
ซึ่งระยะเวลาการศึกษาจะแบ่งเป็นระดับอนุบาล-ประถม 10 ปี และระดับมัธยม 6 ปี
สำหรับค่าเทอมโรงเรียนชั้นนำนั้นก็จะอยู่ประมาณ 18,000-400,000 บาท/ปี
และค่าเทอมนานาชาติประมาณ 177,800-911,000 บาท/ปี
ส่วนระดับปริญญาตรีเป็นระยะเวลา 4-7 ปี อัตราค่าเทอมจะขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เลือก
1
ขอบคุณข้อมูล : theAsianparent
1
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าค่าเทอมมีโอกาสจะปรับขึ้นราคาได้ในแต่ละปีอาจจะจากเงินเฟ้อหรือปรับตามต้นทุนของถสานศึกษานั้นเอง ซึ่งควรบวกเพิ่มไปจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันด้วย
3. ตั้งเป้าเงินที่ต้องการ และจัดสรรเงินออม
สูตรแบ่งสัดส่วนเงินที่นิยมใช้กันคือ “50-30-20” ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ‘ค่าใช้จ่ายประจำวัน-ค่าใช้จ่ายส่วนตัว-เงินสำหรับเก็บออม’ เช่น เงินเดือน 40,000 บาท แบ่งเป็น 3 ส่วนทันที
โดยส่วนแรก 50% = 20,000 บาท ส่วนที่สอง 30% = 12,000 บาท และส่วนสุดท้าย 20% = 8,000 บาท เป็นต้น เพื่อที่เราจะได้นำเงินออมนั้นมาแบ่งอีกครั้งสำหรับค่าเทอมของลูก
4. วางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายเงินลงทุนที่มี และระยะเวลาที่ต้องใช้เงิน
การลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกสามารถแบ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น-ยาวได้ เช่น
ถ้าตอนนี้ลูกเริ่มเรียนอนุบาล 1 ถ้าเราจะเตรียมเงินสำหรับชั้นประถมในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็จะเป็นแผนการลงทุนระยะสั้นที่อาจจะต้องเน้นความเสี่ยงน้อยหน่อย เพราะมีเวลาลงทุนไม่นานนักก็ต้องเริ่มใช้เงินก้อนนี้แล้ว
ส่วนที่จะเตรียมเงินไว้สำหรับชั้นมัธยมในโรงเรียนเอกชน เราก็จะมีเวลาลงทุนอีก 9 ปี
เพื่อเตรียมเงินสำหรับค่าเล่าเรียนปีละ 100,000 บาทบวกเผื่อค่าเล่าเรียนที่เพิ่มขึ้นอีกสักปีละ 5-10% เป็นเวลา 6 ปี
ส่วนปริญญาตรีเราจะมีเวลาลงทุนระยะยาวได้นานขึ้นเป็น 15 ปี เป็นต้น
📌เมื่อเรามีเป้าหมายการลงทุน เงินลงทุนที่มี และระยะเวลาที่ต้องใช้เงินที่ชัดเจนแล้ว เราก็ควรเริ่มวางแผนการลงทุนให้เร็วที่สุด
แต่หากพ่อแม่คนไหนเป็นมือใหม่หัดลงทุนหรือไม่มีเวลาหาข้อมูลเลือกการลงทุนด้วยตัวเอง เพียงแค่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ‘SAM’ ก็สามารถเป็นตัวช่วยในการวางแผนการลงทุนให้บรรลุเป้าหมายได้
SAM หรือ Smart Allocation Model บน @ccess Mobile ของ บลจ.กรุงศรี
คือระบบการจัดพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้จะรวบรวมข้อมูลของผู้ลงทุน เช่น วัตถุประสงค์ในการลงทุน เป้าหมายเงินก้อนหรือผลตอบแทนที่ต้องการ ระยะเวลาในการลงทุน เงินลงทุนตั้งต้น และเงินลงทุนรายเดือน เพื่อนำมาประเมินและแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ปกครองแต่ละคน
🔔โดย SAM จะคำนวณหาพอร์ตการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายบนความเสี่ยงที่ต่ำสุด นอกจากนี้เมื่อเริ่มลงทุนไปแล้ว SAM จะติดตามผลการลงทุนและแนะนำให้ทำการปรับพอร์ตทันทีหากสัดส่วนจริงต่างไปจากแผนการลงทุนแนะนำเกินระดับที่กำหนดไว้ จึงเหมาะกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หัดลงทุนหรือใครที่ไม่มีเวลามาตามดูตามปรับพอร์ต เรียกว่ามีผู้ช่วยจัดการแผนการลงทุนให้ต่อเนื่อง
📲สำหรับผู้ที่สนใจ @ccess Mobile Application ดูรายละเอียดและดาวน์โหลดแอปฯ มาทดลองให้ SAM วางแผนการลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกได้เลย โดยยังไม่ต้องเริ่มลงทุนจริง ลองดูก่อนว่าตอบโจทย์ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการมั้ย
● ดูรายละเอียด @ccess Mobile Application คลิก https://bit.ly/3uqdCc4
● เปิดบัญชีผ่านทาง App store คลิก https://apple.co/2KvuIzu
● เปิดบัญชีผ่านทาง Google play คลิก http://bit.ly/2OT6rYt
● ดูข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.krungsriasset.com
#กองทุนกรุงศรี #accessmobileapp #SAM #วางแผนการเงินเพื่อการศึกษาบุตร
โฆษณา