11 ก.ค. 2023 เวลา 00:00 • หนังสือ

บทสนทนากับพ่อที่ตายไปแล้ว

พ่อผมตายเมื่ออายุได้แปดสิบสองปี ตอนนั้นผมอายุย่างยี่สิบเจ็ด เพิ่งกลับจากประเทศอเมริกาโดยไม่ได้ปริญญามาเลยสักใบอย่างที่พ่อคาดหวัง พ่อทิ้งมรดกให้ทายาทคนเดียวคือผม ไม่มากไม่น้อย 1,320 ล้านบาท
2
หลังจากพ่อตาย ผมก็อยู่คนเดียวในโลกกว้าง แต่ไม่เคยรู้สึกเหงา แม้ว่าผมจะไม่มีญาติพี่น้องแท้ ๆ เลยสักคน (แต่มีพวกที่ขอมาเป็นญาติมากมายวันละหลายคน) ความจริงแล้ว ไม่เคยนึกว่าตลอดชีวิตพ่อผมจะเก็บเงินได้มากขนาดนี้ ผมใช้มันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเท่าที่คนหนุ่มโสดรสนิยมแพงคนหนึ่งจะกระทำได้
1
พ่อผมที่ตายไปหลายปีแล้วคงเหงา จึงตัดสินใจมาเยี่ยมผมในวันที่ผมขับรถสปอร์ตเฟอรารีสีแดงสดที่ความเร็ว 150 กม.บนทางหลวง มุ่งหน้าไปยังสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่
"แกจะรีบไปไหนวะ ไอ้บูลย์? เหยียบตั้งร้อยห้าสิบ" เสียงดังมาจากข้างตัว ผมสะดุ้งเฮือก นึกว่าขับรถมาคนเดียว... ผมเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อเหลือบเห็นคนที่นั่งข้างผม
"พ่อ!" ผมอุทานเสียงดัง หัวใจแทบหยุดเต้น
พ่อผมในชุดแพรสีขาวที่ท่านชอบใส่เป็นประจำเวลาอยู่บ้าน มือถือไม้เท้าตอบ "เออ! ข้าเอง"
1
ผมขนลุกเกรียว "แต่... พ่อตายไปแล้วนี่..."
"ข้ารู้ ไม่ต้องย้ำ"
"พ่อตายแล้วมาหาผมทำไมครับ?"
"คิดถึงแล้วมาเยี่ยมบ้างไม่ได้เรอะ?"
"ผมกลัวผี..."
พ่อผมโคลงศีรษะ "ขี้ขลาด ไม่สมกับเป็นลูกพ่อเลย"
"พ่อมาหาผมทำไมครับ?"
"ข้าเห็นแกใช้ชีวิตอีลุ่ยฉุยแฉกแล้วทนไม่ได้ จึงแวะมาหา"
"ผมก็สบายดีนี่พ่อ มีรถขี่ มีเงินใช้ มีสาว ๆ..."
"พอ พอ ไม่ต้องสาธยาย ข้ารู้หมด ไอ้ลูกไม่รักดี อย่างนี้อีกไม่นานแกต้องหมดตัวแน่"
"ย.ห. เงินของผม เอ๊ย! เงินของเรายังเหลืออีกแยะ"
"แยะนี่เท่าไหร่ แกรู้มั้ย?"
"ขี้เกียจนับ ก็คงราวพันกว่าล้านกระมังครับ คุณสมศักดิ์ดูแลอยู่ ไม่มีปัญหา"
"นั่นแหละคือปัญหา ในนาทีนี้แกมีเงินเหลืออยู่ 928 ล้าน 3 แสน 4 หมื่น 2 พัน 75 บาท กับอีก 32 สตางค์ ลดลงจากวันแรกที่แกได้รับมรดกถึง 14.218 %"
"โอ้โฮ! พ่อคิดเร็วเป็นคอมพิวเตอร์เลยแฮะ"
"ถ้าแกยังประพฤติตัวเหลวไหลยังงี้ต่อไป อีกภายในสองปีเจ็ดเดือนสิบสองวันนับจากวันนี้ แกจะถูกฟ้องล้มละลาย"
"พ่อล้อเล่นน่า พ่อจะรู้อนาคตผมได้ยังไงครับ?"
"รู้ก็แล้วกัน"
ผมเริ่มสับสน "พ่อจะให้ผมทำยังไงครับ?"
"ต้องให้ข้าบอกด้วยรึ? สมองแกมีรู้จักใช้คิดซะบ้าง วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่น สมองจะฝ่อหมด"
"ผมควรทำไงล่ะพ่อ?"
"กลับไปเรียนหนังสือต่อให้จบ แล้วตั้งหน้าตั้งตาบริหารกิจการของเราให้รุ่งเรืองขึ้นไป อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ คุณสมศักดิ์ถึงจะเป็นคนสนิทของพ่อ แต่..."
1
"คนอย่างเขาไม่โกงเราหรอกน่า"
1
"ถ้าพ่อเชื่อคนง่าย ๆ อย่างแก คงไม่มีวันได้เป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย และแกตอนนี้ก็คงไม่ได้เป็นทายาทพันล้านอย่างนี้หรอก"
2
"แต่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ของผม เอ๊ย! ของเราก็รุ่งเรืองซะจนไม่ต้องทำอะไรแล้ว เศรษฐกิจก็กำลังไปโลด ผู้คนมีเงินใช้จ่าย..."
"ความประมาทเป็นทางสู่ความหายนะ"
2
"พ่อตายไปแล้ว ยังเป็นห่วงอะไรอีกครับ?"
พ่อมองหน้าผมนาน ถอนหายใจยาว
1
"ผีถอนหายใจได้ด้วยแฮะ"
"ไอ้บูลย์ แกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ทะเล้นและไม่เอาถ่านเหมือนเดิม"
2
"ผมขอโทษครับพ่อ วันนี้ผมอารมณ์ดีไปหน่อย เลยว่าจะไปตีกอล์ฟ"
"อ้อ! ชอบตีกอล์ฟเหมือนกันนะ แกรู้ไหมว่าสนามกอล์ฟขนาดสิบแปดหลุมสนามหนึ่ง ๆ นี่ต้องใช้น้ำวันละเท่าไหร่?"
1
"ไม่รู้ครับ เพราะไม่อยากรู้"
"สนามกอล์ฟขนาดนี้กินพื้นที่ถึง 1,200 ไร่ ต้องใช้น้ำรดสนามหญ้าถึงวันละ 5,000 ลูกบาศก์เมตร ปีนึงใช้น้ำ 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มากพอใช้เลี้ยงคนในชนบทได้ถึง 98,630 คน เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม"
1
"แต่ก่อนพ่อไม่ใช่คนชอบเทศน์นี่ครับ" ผมตั้งข้อสังเกตอย่างสุภาพ
"ก็เพราะแต่ก่อนข้าไม่เคยเทศน์ แกถึงเสียคนอย่างนี้ไง"
2
"พ่อเป็นห่วงผม ถึงกลับมาหาผมหรือครับ?"
ไม่มีคำตอบ พ่อผมหายไปแล้ว
ผมเปลี่ยนใจไม่ไปตีกอล์ฟและหักรถกลับบ้าน...
สนามกอล์ฟหนึ่งสนามใช้น้ำรดสนามหญ้าวันละ 5,000 ลูกบาศก์เมตร ปีหนึ่งใช้น้ำ 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มากพอใช้เลี้ยงคนในชนบทได้ถึง...
ตลอดทางกลับบ้าน ในใจผมครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ตลอดเวลา สติสัมปชัญญะของผมยังอยู่ครบถ้วน ใช่ พ่อมาหาผมแน่นอน แต่เพื่ออะไร?
"นี่เธอเชื่อเรื่องผีรึเปล่า ตู๋?" ผมถามคู่ควงคนที่ยี่สิบแปดขณะขับรถพาหล่อนไปส่งบ้านหลังดินเนอร์ใต้แสงเทียนคืนนั้น
1
"ไม่มีอะไรจะคุยแล้วเหรอ บูลย์?"
"เชื่อมั้ยว่าเมื่อเช้านี้ผมเจอผี"
"บ้า! เอาอะไรมาพูด ผีที่ไหนจะโผล่มาตอนเช้า"
"เมื่อไหร่แกจะเลิกควงยายนี่ซะที ปัญญานิ่มเหลือเกิน" เสียงพ่อลอยมาจากด้านหลังรถ พ่อผมนั่งเอนศีรษะพิงเบาะหลังอย่างสบายอารมณ์
1
"พ่อ" ผมร้องเสียงดัง
"คุณว่าไงนะ?" ตู๋ถามเลิ่กลั่ก
ผมหันหน้ามามองหญิงสาว "ขอโทษ สงสัยคืนนี้ผมดื่มมากไปหน่อย"
"นั่นซิคะ เห็นพูดเรื่องแปลก ๆ ตู๋ยิ่งไม่ชอบเรื่องผีด้วยนะคะ"
"แกอย่าได้คิดแต่งกับยายนี่เลยเชียวนะ สวยแต่รูป" พ่อผมเปรยมาจากด้านหลัง
1
"แต่จูบหอม..."
1
"บูลย์ว่าอะไรคะ?"
"แต่โง่น่ะซีไม่ว่า ถ้าแกขืนแต่งกับยายนี่ ข้าจะมาหลอกมันทุกวัน"
"โธ่! พ่อก็..."
"คุณว่าอะไรคะ บูลย์?"
"ผมท่าจะดื่มมากไปแล้ว..." ผมรีบตัดบท "...เดี๋ยวผมส่งตู๋กลับบ้านก่อนดีกว่านะ"
สามทุ่มเศษหลังจากส่งตู๋กลับบ้านแล้ว ผมเคลื่อนรถต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ที่สี่แยกเด็กหลายคนรี่เข้ามา บางคนถือพวงมาลัยดอกมะลิเต็มมือ บางคนถือแปรงเช็ดกระจกรถกับถังน้ำ ผมโบกมือไล่ก่อนที่เด็กคนหนึ่งจะลงมือเช็ดกระจกรถที่แสนสะอาดเอี่ยมของผม
4
"มะลิสองพวงสิบห้าครับพี่" เด็กอีกคนหนึ่งพูด ผมสั่นศีรษะ โบกมือไล่
"น่า! พี่ สองพวงสิบก็แล้วกัน"
"บอกว่าไม่เอา" เสียงเริ่มไต่ระดับ
พ่อมองดูผมด้วยสายตาเรียบเฉย "ถึงแม้ว่าเด็กพวกนี้ทำความรำคาญให้คนกรุงมาก แต่แกเคยรู้ไหมว่าเด็กจรจัดพวกนี้มีพื้นฐานสภาวะครอบครัวเป็นยังไง มีกี่เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่..."
1
พ่อผมกำลังจะเริ่มบทเลกเชอร์อีกแล้ว!
ก่อนที่ผมจะแสดงท่ารำคาญ พ่อผมก็จากไป
ผมไม่ได้พบพ่ออีกหลายวัน จนกระทั่งผมแทบจะลืมเรื่องนี้แล้ว คืนหนึ่งผมโฉบรถไปที่เอ็กซ์คลูซีฟคลับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ไฟสลัวสาดราง ๆ ไอเย็นกระทบร่างผมสะท้าน แต่ไม่มีใครบ่นว่าหนาวสักคน เมื่อแลเห็นนารีในชุดแพรบางไม่ใส่ชุดชั้นในหลายสิบนางเดินกรายไปมา
3
"ดื่มอะไรดีคะ คุณบูลย์?" นารีหน้าคุ้นตากระซิบถาม กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อฝรั่งเศสผลิตในเมืองจีนโชยมาแผ่ว ๆ
1
"ขอน้ำเปล่าก็พอ"
"แหม! เป็นครั้งแรกที่คุณบูลย์สั่งน้ำเปล่า"
"ผมไม่อยากเมาเหล้าวันนี้"
"ทำไมคะ?"
"ผมอยากเมารักมากกว่า"
1
"อุ้ย! ปากหวานนะคะ มา... เบียดจอยเข้ามาหน่อยซิคะ"
"นังนี่น่ารักตรงไหนวะ แกถึงเบียดชิดเข้าไปยังงั้น?"
พ่อผมอีกแล้ว! ผมมองพ่อด้วยอารมณ์โมโหตงิด ๆ ที่ช่างเข้าใจมาขัดจังหวะอารมณ์โรแมนติกของผมตอนนี้
"โธ่! พ่อ นี่มันเวลาส่วนตัวของผมนะครับ"
"คุณบูลย์ว่าอะไรคะ จอยฟังไม่ทันค่ะ"
"โทษที ผมขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อย"
"พ่อตามผมมา" ผมขึ้นเสียงกับพ่อ โฮสเตสสาวทำท่างงที่เห็นผมพูดกับความว่างเปล่า ผมเดินเข้าห้องน้ำ พ่อเดินตามมาติด ๆ
"เอาละ พ่อต้องการอะไรกันแน่? นี่เป็นเวลาส่วนตัวของผมนะ ถึงจะเป็นผี ก็น่าจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลบ้าง"
1
"พ่อเหงาน่ะ และเป็นห่วงแกด้วย"
"ผมกำลังมีความสุขดีอยู่ พ่อเป็นห่วงอะไรครับ?"
"พ่อไม่อยากเห็นชีวิตแกดิ่งเหวลงไปทุกวัน แกยิ่งทำตัวเหลวไหลเท่าไหร่ วันที่แกจะถูกฟ้องล้มละลายก็ยิ่งร่นเข้ามา ตอนนี้มันร่นเข้ามาเป็นวันที่ 4 สิงหาคม อีกหนึ่งปีสิบเดือน"
1
เสียงผมอ่อนลง "ขอโทษครับพ่อ เมื่อกี้ผมโมโหมากไปหน่อย พ่อเป็นห่วงมากเกินไปหรือเปล่า ถึงผมจะเหลวไหลไปบ้าง แต่บริษัทของผม เอ๊ย! ของเรายังไปได้ดี ไม่มีทีท่าจะล้มง่าย ๆ และผมก็มีความสุขดี"
1
"แต่ความสุขของแกมันฉาบฉวยเหลือเกิน"
1
"แล้วทำไมเราต้องหาความสุขที่แท้จริงด้วย? ความสุขฉาบฉวยมันเสียหายยังไงครับ? ทำไมเราต้องพยายามทำตัวเป็นคนดี ในเมื่อใจเราไม่อยาก?"
"แต่..."
"ทำไมต้องมีแต่ไปหมดทุกเรื่อง? ทำไมคนเราต้องทำเรื่องมีสาระไปซะทุกอย่าง? ทำไมเราทำเรื่องบ้า ๆ ไม่ได้เลยหรือ?"
1
ผู้ชายคนที่ยืนปัสสาวะข้าง ๆ มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ในใจเขาคงคิดว่าผมคงเมาที่ยืนพูดกับโถปัสสาวะ
ผมขับเบนซ์คันที่สิบแปดออกจากเอ็กซ์คลูซีฟคลับแห่งนั้น พ่อนั่งมาด้วย
"แกมาเที่ยวที่นี่บ่อย ๆ ?"
"อาทิตย์ละสองวัน พ่อ"
"แกไม่รู้หรอกรึว่า แกกำลังเสียเวลาชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย..."
"พ่อตั้งใจจะมาเทศน์ผมอย่างเดียวรึเปล่า?"
"ในนั้น..." พ่อยังไม่ยอมจบ "...ในซ่องชั้นสูงแห่งนั้นมีผู้หญิงอยู่หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าคน แปดสิบเก้าคนทำอาชีพนี้เพราะฐานะที่บ้านบังคับ สามสิบสี่คนทำเพราะใจแตก ยี่สิบหกคนทำเพราะไม่มีทางเลือกอื่น แกคิดว่าผู้หญิงชื่อจอยคนนั้นเอาใจแกเพราะชอบแกงั้นรึ? วินาทีนี้หล่อนเพิ่งถูกผู้ชายคนที่ใส่สูทลายสกอตออฟออกไป"
1
"ไม่เห็นเป็นไรนี่ มันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใคร ๆ ที่มีเงินก็ซื้อได้"
1
"ความสุขจอมปลอมทั้งนั้น ความสุขชนิดใดที่ใช้เงินซื้อได้ก็เป็นความสุขจอมปลอมทั้งนั้น จำคำพูดพ่อให้ดี"
1
ผมหัวเราะ "อีกแล้ว! นั่นเป็นความเห็นที่พ่อใช้ตัดสินคนอื่น ถ้าใครซักคนมีความสุขที่ถึงจะฉาบฉวย มันก็เป็นทางเลือกของเขา ทำไมพ่อต้องพยายามไปพิพากษาคนอื่นด้วยว่า สิ่งนี้ดี สิ่งนั้นไม่ดี..."
พ่อมองผมอย่างครุ่นคิดเนิ่นนาน "บางทีแกอาจพูดถูกก็ได้ แกก็มีทางเดินในชีวิตของแกเอง ถึงพ่อจะเป็นห่วงแกยังไง ก็ไม่ควรยัดเยียดความคิดของพ่อใส่หัวแก เพราะแกก็คือแก พ่อก็คือพ่อ ไม่ใช่พระเจ้าที่จะไปบงการชีวิตคนอื่น"
1
อารมณ์ผมอ่อนลง ผมนิ่งเงียบไปนานก่อนเปรยขึ้นเบา ๆ "แล้วอะไรล่ะที่เป็นความสุขที่แท้จริง?"
1
มองออกนอกรถ สี่ทุ่มเศษ รถในเมืองหลวงยังติดแน่น ดูภาพผู้คนที่แออัดยัดเยียดในรถประจำทางปล่อยควันดำออกมาเป็นระยะเหมือนคนดูดยา เวลามืดค่ำเช่นนี้ผู้คนเหล่านี้ยังกลับไม่ถึงบ้าน ผมไม่อยากคิดต่อว่าพวกเขากินอาหารเย็นแล้วหรือยัง แต่ให้ตายเถอะ มันไม่ใช่ชีวิตของผมไม่ใช่หรือ
1
"ความสุขที่แท้จริงคือความสุขทางใจเท่านั้น..." เสียงพ่อลอยแทรกความคิดผมเข้ามา "...มันเกิดจากการเสียสละ ไม่มีความอยาก..."
2
"ในโลกนี้มีด้วยเหรอ?"
1
ท่อนหนึ่งจากเรื่องสั้น เรื่องของผมกับพ่อ ในเล่ม สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน / วินทร์ เลียววาริณ / (รางวัลซีไรต์ ปี 2542) ข้อมูลหนังสือ https://www.winbookclub.com/store/detail/146/สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน%20%28ปกอ่อน%20ปรับปรุง%29
โฆษณา