1 มิ.ย. 2023 เวลา 13:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รีวิวกองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund

กองทุนนวัตกรรมสุขภาพยุคใหม่ ที่เติบโตอย่างแตกต่างด้วยเทคโนโลยี
✍️กองทุนนี้แม้จะปรับตัวลงมาเยอะ เราคิดว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีเลยทีเดียว
วันนี้ #เด็กการเงิน จะพามารู้จักกับกอง Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund หนึ่งในกองทุนที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ ซึ่งกองทุนนี้มีความคิด หลักการบริหาร ปรัชญา เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นเติบโตในระยะยาวของค่าย Baillie Gifford แต่เน้นในเรื่องของ Future Winner in Health Care ซึ่งจะเติบโตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และมีการตั้งเป้า Ambition ว่าหุ้นแต่ละตัวที่เลือกมา มีความสามารถเติบโต 10X ได้ใน 10 ปี รวมถึงคำแนะนำว่าของเราว่า กองทุนนี้ควรจะเป็นส่วนไหนของพอร์ต
พร้อมแล้วไปลุยกันเลย !!!
สิ่งที่จะได้จากบทความนี้
1. Baillie Gifford มีมุมมองต่อกลุ่ม Future Health Care อย่างไร
2. การบริหารกองทุน Worldwide Health Innovation
3. กระบวนการลงทุน และการจัดพอร์ต
4. ลงทุนผ่านกองทุนไหนได้บ้าง?
5. จัดกองทุนนี้ไว้ส่วนไหนของพอร์ตดี?
1. Baillie Gifford มีมุมมองต่อกลุ่ม Future Health Care อย่างไร
"ถ้าเราย่อประวิติศาสตร์มนุษยชาติจาก 2 แสนปี เหลือแค่ 1 ปี ความก้าวหน้าทางการแพทย์เพิ่งผ่านไปแค่ 4 ช.ม. เท่านั้น"
ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์นั้นกำลังจะเข้าสู่ Warp Speed โดยการผสมหลายสาขาวิชานอกจาก สุขภาพและแพทย์ มารวมกับ Information Technology, Imaging, Cloud Computing และ A.I. ทำให้เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ Health Care ที่มีช่วยในการตรวจพบ/วินิจฉัย/ป้องกัน/รักษาได้อย่างตรงจุด และลึกถึงระดับ DNA นวัตกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นนี้จะ Break Through อายุไขของมนุษย์ และลด Cost ในการรักษาได้อย่างมหาศาลโดยใช้เทคโนโลยี
กองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund พยายามที่จะ capture โอกาสเหล่านี้เอาไว้ แน่นอนล่ะ มันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่ผู้ที่เห็นโอกาสและรับความเสี่ยงได้ สามารถเลือกลงทุนระยะยาวเพื่อคาดหวังผลตอบแทนจาก Megatrend นี้ได้อย่างมหาศาล
2. การบริหารกองทุน Worldwide Health Innovation
กองทุนบริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนผู้ที่เข้าใจใน Health Innovation 3 คน ร่วมกับ Advisory Group ที่ Baillie Gifford สร้าง Network ไว้ทั่วโลก
ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ ผู้ประกอบการ นักวิจัย และความเชี่ยวชาญอื่นๆที่เป็นสหสาขาวิชา ร่วมกันให้มุมมองที่เปลี่ยนไปของประชากร และนวัตกรรม Health Care ที่อยู่ในขั้นต่างๆ เพื่อร่วมรวม/อัพเดท Idea และ Insight ก่อนจะนำไปเข้า Investment Process เพื่อเฟ้นหา Future Winner of Health Care หรือผู้ชนะของอุตสาหกรรม Health Careในอนาคต
ปรัชญาในการลงทุนของกองทุน
กองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund มีปรัชญาหลัก คือ
Growth, Long Term and Interdisciplinary / การเติบโต ระยะยาว และสหสาขาวิชา
-ลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม มีเทคโนโลยี และพร้อมที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด
-ลงทุนระยะยาวข้ามผ่านความผันผวน เมื่อ Health Innovation อยู่ในช่วงความไม่แน่นอนสูง
-ลงทุนในการเปลี่ยนแแปลงทีเป็นไปได้ คอยตั้งคำถามหา Future Winner
-รวมความรู้จากทุกสาขาวิชา มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมและสุขภาพ
3. กระบวนการลงทุน และการจัดพอร์ต
ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน จาก ไอเดีย ทำการศึกษา จัดทำข้อมูล ตัดสินใจเลือกหุ้น สู่การสร้างพอร์ต
ซึ่งเราขอแนะนำให้รู้จัก 10 Question Research เป็นหลักการคัดเลือกหุ้น Future Winner ที่ศักยภาพเหนือคู่แข่งและแตกต่าง รวมถึงรักษาการแข่งขันได้จากเทคโนโลยีที่ตัวเองมี
การตัดสินในการลงทุนทั้งหมดขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน 3 คน โดยไม่ใช้ democracy ในการเลือกหุ้นที่ดีที่สุด แต่เกิดจากการ debate ของข้อมูลที่มี จนกว่าจะได้ข้อสรุป
Future Winner in Healthcare หรือผู้ชนะในโลกอนาคตของ Health Care
คือ ผู้ที่สามารถช่วยทำให้โลกเข้าถึงการรักษาที่ดี ราคายอมรับได้
และก้าวเป็นผู้นำที่อยู่ในแต่ละ Stage ดังนี้
1. ความเข้าใจในโรค
ช่วยให้วงการ Health Care เข้าใจในโรครักษายาก โรคทางพันธุกรรม มากขึ้น
มุ่งสร้างเครื่องมือตรวจหาสาเหตุของโรคได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การป้องกัน
เช่น Genome Sequencing, Bio Informatics เป็นต้น
2. การวินิจฉัย
ช่วยในเรื่องการวินิจฉัยร่วมกับแพทย์ ให้มีความแม่นยำ และมีราคาถูก เข้าถึงคนได้มากขึ้น
เช่น Testing Kit และ A.I. ที่ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพและโรคได้อย่างแม่นยำ
3. การรักษา
ช่วยให้การรักษาได้ผลสูง ลดผลข้างเคียงต่อคนไข้ และผลิตภํณฑ์มีโอกาสได้รับการ Approval
จากหน่วยงานสาธารณสุขได้สูง เช่น ยารักษาแบบใหม่ การซ่อมแซมเซลส์ และนาโนเทคโนโลยี
4.การป้องกัน
สร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันโรคได้ดี เช่นอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ และอาหารเสริมป้องกันโรคเฉพาะ
5. ประสิทธิภาพการทำงาน
เป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรม เช่น การรักษาทางไกลที่มีประสิทธิภาพ การผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผ่านหุ่นยนต์ เป็นต้น
จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของ Health Innovation นั้นเป็นอะไรที่ใช้เทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น ถึงวันนี้จะยังไม่ใช้แพร่หลาย แต่นี่แหละ คือ Future of Health Care
เนื่องจากกองทุนเลือกหุ้นแบบ Bottom Up จึงไม่ได้จำกัดที่ภูมิภาค หรือประเทศใดๆ
ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของประเทศในกลุ่ม Developed Market เป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง Ecosystem เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพ และผู้ใช้บริการสามารถ afford ราคาผลิตภัณฑ์และบริการได้ ส่วนหุ้น 10 อันดับแรก เน้นในเรื่อง Bio Technolgy, Gene Therapeutics และ Medical Device ที่เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก ดังที่สุดคงเป็น Moderna
นอกนั้น เราไปสืบมาแล้ว พบว่ามีโครงการที่น่าสนใจรออยู่เพียบ ดังนั้นต้องเชื่อใจทีม Health Innovation ว่าจะติดตามการลงทุนในหุ้นเหล่านี้เป็นอย่างดี
พอร์ตการลงทุนสุดท้ายจะมีหุ้นอยู่ระหว่าง 25-50 ตัว มีความเข้มข้นสูง แต่ก็ยังได้มาตรฐานของ UCITS และแนะนำให้ลงทุน 5-10 ปีขึ้นไป และคาดหวังว่าจะมีการสับหุ้นเข้าออกต่ำเพียง 20% ต่อปี เปรียบเทียบผลตอบแทนกับ MSCI All Country World Index หรือดัชนีหุ้นโลกที่เรารู้จักกันดี
4. ลงทุนผ่านกองทุนไหนได้บ้าง?
SCBIHEALTH(A), SCBIHEALTH(E) ลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Health Innovation Fund เต็มๆ เพียงกองเดียวในรูปแบบ Master-Feeder Fund มีรูปแบบสะสมมูลค่าปกติ, E class และรูปแบบกองทุนลดหย่อนภาษี SCBHEALTH-SSF
เราคิดว่ากองทุน Health Innovation ยังต้องการการเติบโตอีกมาก ซึ่งการปันผลออาจจะไม่ตอบโจทย์นักลงทุนระยะยาว และคาดหวังผลตอบแทนจากปันผลไม่ได้ เนื่องจากกองทุนเป็นสไตล์ Growth ราคาจะผันผวนมาก หนักใจผู้จัดการกองทุนว่าจะปันเงินออกมาเท่าไหร่จริงๆ
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและทางเลือกการลงทุนได้จากรูปประกอบได้เลย
5. จัดกองทุนนี้ไว้ส่วนไหนของพอร์ตดี?
ในความเห็นของเด็กการเงิน คิดว่ากองทุน Health Innovation นั้นเป็นกองทุนประเภท Thematic ที่มีลักษณะเฉพาะที่เป็นหุ้นเติบโต มีพอร์ตกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่ม Health Technology แตกต่างจาก Health Care ดั้งเดิมที่เราได้มีโอกาสเล่าว่าที่มาของรายได้และผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันมาก โดย Health Care แบบดั้งเดิมนั้นจัดอยู่ในกลุ่ม Defensive ที่สามารถเติบโตได้สม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ จาก ยารักษาโรคและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วไป
ส่วน Health Technology คือกลุ่มเทคโนโลยี เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการรักษา, BioTechnology, Informatics, Genenomic Technology และ Telemedic (การรักกษาทางไกล) ซึ่งยังเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้จะมีศักยภาพสูง แต่รายได้ยังไม่คงที่และสม่ำเสมอแบบ Health Care
เมื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงแล้ว
เราจึงขอแนะนำให้ให้ Health Innovation เป็นส่วน Thematic ในสัดส่วน 5-10% ของพอร์ต โดยพอร์ตจะมีส่วนทั้งหมด Thematic เพียง 10-20% เท่านั้น (ร่วมกับ เทคโนโลยีอื่นๆ พลังงานสะอาด ESG ฯลฯ) และไม่ซ้ำกับกลุ่ม Health Care และสามารถลงทุนด้วยกันได้
และจัดพอร์ตในส่วนอื่นให้มีหุ้นกระจายตัวดี ช่วยในเรื่องความผันผวนและผลตอบแทนโดยรวม ลงทุนระยะยาวรอการเติบโตของ Health Innovation ซึ่งเป็น Megatrend ที่มาถึงตัวเราสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
กองทุนนี้อาจจะใช้เวลาในการเติบโตมาก ดังนั้นเหมาะกับผู้ที่อดทนรอได้นะ
ระยะที่ดอกเบี้ยทั่วโลกสูง กองทุนกลุ่ม growth มีการปรับฐานลงมามาก
สำหรับบางคน มันคือโอกาาสการลงทุน
บทความนี้เป็นการศึกษาส่วนบุคคล ไม่ได้ชี้นำการลงทุน
ผู้ลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติม ก่อนตัดสินใจลงทุน
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/102405
โฆษณา