1 มิ.ย. 2023 เวลา 09:14 • บันเทิง

"About My Father ตัวพ่อจะแคร์เพื่อ ดูจบแล้วจะรักและเข้าใจครอบครัวมากขึ้น"

"ช่างเป็นหนังครอบครัวอีกเรื่อง
ที่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจที่สุด
จนอยากกลับไป
กระโดดกอดคนที่บ้าน"
.
.
.
นี่คือความรู้สึกแรกที่โลดแล่น
ผ่านห้วงความคิดผมหลังดู
"About My Father: ตัวพ่อจะแคร์เพื่อ" จบ
พร้อมใจที่มันฟูฟ่องลอยล่องสุดๆ
เหมือนหนังไม่ได้จบ
ยังคงสลักจิตติดอยู่ไม่ลุกออก
ใดๆ ก่อนจะเข้าเนื้อหา
อยากขอเท้าความสักนิดก่อนว่า
การมาดูหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผม
ไม่ได้คาดไว้ถึงสองจุดใหญ่
จุดแรกคือไม่ได้ "คาดคิด"
ว่าจะผิดแผนเดิมที่จะไปดู
"Spider-man: Across the Spider-Verse"
ทันทีใน Day 1 ของการฉาย (31 พ.ค.)
เพราะไม่อยากโดนสปอยล์แม้สักคำเดียว
แต่สำหรับสหมงคลฟิล์ม
ค่ายหนังผู้ให้การสนับสนุน
เพจเล็กๆ เพจนี้เสมอมา
แม้รอบสื่อของหนังตัวพ่อ
กับรอบปฐมทัศน์ของเจ้าไมลส์จะตรงกัน
ผมก็ยินดีตอบรับคำเชิญอย่างไม่ลังเล
ส่วนจุดที่สองคือไม่ได้ "คาดหวัง"
ว่าหนังจะว้าวอะไรเบอร์นั้น
ด้วยความที่ดูแนวนี้มาเยอะ
(คอมเมดี้เฮฮาเคล้าดราม่าสไตล์ครอบครัว)
เลยแทบปล่อยใจว่างสุด
แล้วหยุดทุกอารมณ์
ไปกับเรื่องราวตรงหน้า
โดยจุดเริ่มต้นมาจาก "เซบาสเตียน"
ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตเติบโตมา
กับแผ่นหลังของ "ซัลโว" คุณพ่อตัวตึง
ที่ยอมข้ามน้ำข้ามทะเลจากเกาะซิซิลี อิตาลี
มาสร้างครอบครัวอยู่ในชิคาโก อเมริกา
เพื่อให้ลูกได้เจอสิ่งที่ดีกว่าสมัยตัวเอง
ทำงานด้วยใจรัก มองว่าตัวเอง
ไม่ใช่แค่ช่างทำผม
แต่เป็นผู้รังสรรค์สไตล์
สร้างมงกุฎใหม่ลุคใหม่ให้ผู้คน
คอยดูแล อบรม
ฝึกฝนเขาในร้านตั้งแต่เด็ก
บ้านเล็กๆ ที่พ่อแม่ลูก
ต่างใช้เวลาร่วมกันมาตลอด
ซัลโวจึงเปรียบเสมือนทั้งพ่อ
พี่ เพื่อน และฮีโร่ของลูก
นั่นจึงทำให้พวกเขาสนิทกันมาก
ถึงโตมาจะไม่มีแม่อยู่ด้วยแล้ว
ก็ไม่อาจลดทอนความรักพ่อลูกลงได้
คอยดูแลประคองกันมาตลอด
แต่แล้วก็มาเจอจุดเปลี่ยน
เมื่อเซบาสเตียนได้ปลูกต้นรัก
กับ "แอลลี่" จิตรกรสาวตระกูลไฮโซ
จนความรักสุกงอม อยากแต่งงาน
สร้างครอบครัวไปด้วยกัน
รอแค่โอกาสเหมาะๆ เท่านั้นเอง
ไม่นานนักเซบาสเตียนก็ได้รับข่าวดี
พอได้ยินแอลลี่บอกว่าบ้านเธอ
อยากเจอเขาเป็นครั้งแรกในทริปครอบครัว
จังหวะเข้าทางแบบนี้ มีหรือจะไม่วางแผน
เซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน
เลยจะขอแหวนที่พ่อเคยขอแม่มาใช้
ทว่าพ่อยังไม่อยากให้
เพราะไม่เคยเจอบ้านแฟนลูกเลย
กลายเป็นต้องจับพลัดจับผลู
พาพ่อจอมแสบไปร่วมทริปที่ดีซีด้วย
เมื่อบ้านของฝ่ายหญิงที่รวยล้นฟ้า
ใช้ชีวิตสุขสบายตลอดมา
พร้อมแนวคิดทุนนิยมแบบไฮโซ
มาเจอกับบ้านของฝ่ายชาย
ที่หัวโบราณ ตรากตรำ
ทำงานสร้างตัวอย่างหนัก
ฝึกลูกด้วยวิธียุคเก่า
ความแตกต่างอย่างสุดขั้วเช่นนี้
ซ้ำร้ายพระเอกเรายังเป็น ผจก.โรงแรม
คู่แข่งตัวฉกาจของบ้านนางเอกอีก
เรื่องวุ่นๆ วายป่วงจึงบังเกิด
กลายเป็นทริปฤดูร้อนในวันชาติอเมริกา
ที่พลิกชีวิตพวกเขาไปแบบสุดๆ
ซึ่งนอกจากมุขตลก ฉากน่ารัก
กวนๆ ชวนฮา ที่หยอดกันไปมา
แถมแอบแซวหนังเรื่องอื่นเบาๆ
เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันทั้งโรงแล้ว
หนังยังถ่ายทอดเรื่องราว
ระหว่างทางของพ่อลูก
พร้อมสะท้อนแง่มุม
อีกขั้นของความรักในชีวิตจริง
ได้อย่างตรงจุด
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงหลักไมล์
ที่เริ่มต้องวางแผนสร้างตัว
สร้างครอบครัวกับคนที่คิดว่าใช่
มันเลยอาศัยความรักอย่างเดียวไม่ได้
เพราะจุดเริ่มต้นที่ดีของชีวิตคู่
ย่อมต้องมาจากการ "เชื่อมใจ"
ระหว่างสองเราและสองบ้าน
บนความต่างแบบร้อยพ่อพันแม่
ตั้งแต่รากเหง้าที่มาครอบครัว
ฐานะ การใช้ชีวิต วิธีคิด
มุมมอง อาชีพ และ Generation Gap
มันไม่มีทางหรอกที่จะถูกคอ
ตรงใจกันไปซะหมด
โจทย์คือทำยังไงเราถึง
จะแตกต่างอย่างเข้ากัน
มาเจอกันตรงกลางได้มากที่สุด
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เข้ามาทดสอบ
ครอบครัวเราจะยังมองความรัก
ในภาพเดียวกันอยู่รึเปล่า?
ถ้าไม่แล้วจะยังไงต่อ?
และถ้าในวันที่สุขสมหวัง
สำเร็จกับทุกอย่าง
เราจะเผลอลืม "บางอย่าง"
ที่เคยสำคัญที่สุดรึเปล่า?
ยิ่งดูยิ่งรู้สึกถึงคุณค่าแห่งรัก
จากคนที่บ้านอย่างบอกไม่ถูก
จนอยากยกให้อยู่ระดับใกล้ๆ กับ
"Forrest Gump" หรือ "About Time"
แบบไม่ได้เจอหนังครอบครัว
ดีๆ อย่างนี้มานานจริง
โมเมนต์เวลาเจอบางสิ่ง
ที่ไม่ได้คาดหวัง
แต่ได้อะไรดีๆ กลับมา
มากกว่าที่หวังมันดีสุดๆ
ปกติผมไม่เคยให้คะแนน
หนังหรือซีรีส์เรื่องไหนมาก่อน
เพราะมองว่ามันปัจเจก
และทุกชิ้นงานไม่ว่าจะปังหรือแป้ก
ก็ล้วนมีคุณค่าเกินกว่า
จะกำหนดด้วยตัวเลข
แต่กับเรื่องนี้อืมม...ไม่รู้สิ
เอาเป็นว่าดูจบแล้ว End Credit ขึ้น
ผมนั่งปรบมือคนเดียวอยู่ครู่ใหญ่
นั่นแหละครับคือคำตอบ
อยากรู้สึกแบบเดียวกัน
เข้าฉายทุกโรงภาพยนตร์แล้วครับวันนี้
โฆษณา