2 มิ.ย. 2023 เวลา 08:38 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Pancreatic Cancer Vaccine Shows Promise in Small Initial Trial

วัคซีนมะเร็งตับอ่อนใช้ได้ผลดีในการทดลองใช้ครั้งแรกในกลุ่มผู้ป่วยจำนวนไม่มาก
วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอสามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็งหลังการผ่าตัดในผู้ป่วย 8 รายจาก 16 ราย แต่ยังคงต้องไปทำวิจัยทดลองเพิ่มเติมในผู้ป่วยมะเร็งกลุ่มใหญ่ขึ้น
มะเร็งตับอ่อน เป็นหนึ่งในมะเร็งที่อันตรายถึงชีวิต วิธีที่ใช้ในการรักษามะเร็งชนิดนี้ มีประสิทธิภาพน้อยมาก แต่วัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอ mRNA ที่มีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการป้องกันโรคโควิด กำลังเริ่มแสดงสิ่งที่ดีบางอย่างในการต่อต้านโรคมะเร็งที่อันตราย
ในการวิจัยทดลองในระยะเริ่มต้นเมื่อเร็วๆ นี้ หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนจำนวนครึ่งหนึ่ง ที่ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งเอ็มอาร์เอ็นเอเฉพาะบุคคล ไม่พบการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็งเป็นระยะเวลานานถึงหนึ่งปีครึ่ง การทดลองวัคซีนนี้ ได้อธิบายไว้ในงานวิจัย ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร เนเชอร์ Nature ในการทดลองวิจัยวัคซีนมีผู้เข้าร่วมวิจัย เป็นผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน จำนวนเพียง 16 ราย และจำเป็นจะต้องมีการทำซ้ำการทดลองวิจัยนี้ โดยจะใช้ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนจำนวนที่มากขึ้น เพื่อยืนยันผลการวิจัย
ไวส์แมน Drew Weissman ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีน และเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัย อาร์เอ็นเอ อินโนเวชั่น RNA Innovation แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเขาเองเป็นผู้บุกเบิกวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ กล่าวว่า "ผมสนับสนุนการค้นพบนี้มาก" เขาเสริมว่า “นี่ไม่ใช่การวิจัยเพื่อจะพิสูจน์การใช้งานขั้นตอนสุดท้ายของวัคซีนแต่อย่างใด จำเป็นต้องมีการทำวิจัยทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนในกลุ่มประชากรที่ใหญ่ขึ้น เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีน”
มะเร็งตับอ่อน หรือ pancreatic ductal adenocarcinoma เป็นมะเร็งที่เกิดในเซลล์ของท่อตับอ่อน และเป็นชนิดของมะเร็งตับอ่อนที่พบได้มากที่สุด มะเร็งชนิดนี้มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 88 และเป็นสาเหตุการตายอันดับที่สามของมะเร็งในสหรัฐอเมริกา และมีแนวโน้มพบเพิ่มมากขึ้น การรักษาหลักของมะเร็งชนิดนี้คือ การผ่าตัด แต่หลังจากที่ผ่าตัด มะเร็งมีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียงแค่เจ็ดถึงเก้าเดือน
ยาเคมีบำบัดมีประสิทธิภาพเพียงบางส่วนในการชะลอการกลับเป็นซ้ำ การรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน ส่วนใหญ่มักไม่ได้ผล
มะเร็งตับอ่อนมักจะตรวจไม่พบ จนกว่าจะถึงระยะสุดท้ายของโรค ซึ่งยากต่อการรักษา เหตุผลหนึ่งที่ทำให้มันซ่อนตัวอยู่ในร่างกายเราได้ โดยที่เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราตรวจไม่พบก็คือ เซลล์มะเร็งตับอ่อนสร้างโปรตีนที่ผิวเซลล์มะเร็ง ที่เรียกว่า นีโอแอนติเจน ออกมาได้ค่อนข้างน้อย
ซึ่งนีโอแอนติเจนที่ผิวเซลล์มะเร็งนี้ จะเป็นเครื่องหมายที่จะบอกเซลล์ภูมิคุ้มกันว่า เป็นสิ่งแปลกปลอม และจะไปกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันเพื่อมาโจมตีหรือมาฆ่าสิ่งแปลกปลอม ซึ่งก็คือเซลล์มะเร็ง แต่เซลล์มะเร็งตับอ่อนได้สร้างนีโอแอนติเจนออกมาที่ผิวเซลล์จำนวนน้อยเกินไป
เซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา เช่น ทีเซลล์ เป็นต้น จึงไม่เห็นเซลล์มะเร็งตับอ่อนว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงไม่ได้กำจัดเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกาย นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตว่า ผู้ป่วยที่รอดชีวิตจากมะเร็งตับอ่อน จะมีการตอบสนองต่อนีโอแอนติเจนเหล่านี้จากทีเซลล์ ได้ดีกว่า
ในการวิจัยใหม่ บาลาชันดรัน Vinod Balachandran ศัลยแพทย์ ที่ศูนย์มะเร็ง เมมโมเรียล สโลน เคทเทอริ่ง Memorial Sloan Kettering ในนครนิวยอร์ก และเพื่อนร่วมวิจัยของเขา ได้มุ่งเป้าไปที่ นีโอแอนติเจนของผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนของแต่ละคน โดยการใช้เทคโนโลยี เอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในการผลิตวัคซีนโควิดที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งมาแล้ว
วัคซีนทดลองที่ บาลาชันดรัน และเพื่อนร่วมวิจัย ใช้ในการวิจัยทดลองนั้น ผลิตโดยบริษัท ไบออนเทค BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิด ร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ Pfizer นักวิจัยได้ฉีดวัคซีนให้ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนรวมทั้งหมด 16 ราย
หลังจากผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกไปแล้ว ทีมงานวิจัยได้รักษาผู้ป่วยมะเร็งเหล่านี้ด้วยวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่มีการปรับให้เหมาะสมกับมะเร็งที่มีความเฉพาะของแต่ละคน รวมถึงได้ใส่สารเสริมฤทธิ์ที่ช่วยในการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน สารเสริมฤทธิ์นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีน ผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวนสิบห้าคน ได้รับการรักษามะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด
ผลจากการวิจัยทดลองวัคซีนมะเร็งตับอ่อน พบว่า ในระยะเวลาติดตามผลการรักษาเฉลี่ย 18 เดือนหลังการรักษา ผู้ป่วยจำนวน 8 รายจาก 16 ราย มีการสร้างการตอบสนองต่อวัคซีนของเซลล์ภูมิคุ้มกันทีเซลล์ที่แข็งแกร่ง ทำให้คนเหล่านี้มีชีวิตรอดได้นานขึ้น โดยไม่เกิดการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็งอีก
เนื่องจากว่าการทดลองวิจัยนี้ มีผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวนไม่มากนัก และได้ทำวิจัยทดลองในผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนที่เป็นชาวผิวขาวเท่านั้น ในการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อนนั้น มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่การรักษานั้นไม่ได้ผลกับทุกคนที่เป็นมะเร็งตับอ่อน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เป็นการพัฒนาที่ดีสำหรับโรคที่มีทางเลือกในการรักษาจำกัด
ผู้เขียน: Tanya Lewis
แปลไทยโดย: Wichai Purisa (senior scientist)
โฆษณา