2 มิ.ย. 2023 เวลา 13:21 • ประวัติศาสตร์

หลักไทยของขุนวิจิตรมาตรา

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้ มีการกล่าวถึงบทความนึง ทำให้เกิดความสนใจขึ้นมา สงสัยว่ามีวัตถุประสงค์ในการแต่งขึ้นมาเพื่ออะไร กันแน่
มาทำความรู้จัก ขุนหลวงวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) พยายามทบทวนว่าเคยได้ยินชื่อท่านมาก่อนมั้ย เหมือนเคยได้ยิน แต่ไม่ใช่ในชั่วโมงวิชาประวัติศาสตร์ไทยแน่ๆ
รองอำมาตย์โท ขุนวิจิตรมาตรา นามเดิม สง่า กาญจนาคพันธุ์ (7 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 – 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2523) ผู้สร้างหนัง ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ผู้ประพันธ์เพลงต่าง ๆ หลายเพลง ซึ่งรวมถึงเนื้อร้องเพลงชาติไทยฉบับแรกสุดในปี พ.ศ. 2475 และเป็นผู้แต่งหนังสือต่าง ๆ หลายเรื่อง เช่น หลักไทย ภูมิศาสตร์สุนทรภู่ เป็นต้น นับได้ว่าเป็นนักคิด นักค้นคว้า และนักเขียนสำคัญคนหนึ่งของ ยุครัตนโกสินทร์ แต่ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์(ข้อมูลจากวิกีพิเดีย)
เพลงชาติสยามฉบับราชการ พ.ศ. 2477 (บทร้อง 2 บทแรกประพันธ์โดยขุนวิจิตรมาตราเมื่อ พ.ศ. 2475 และได้แก้ไขเพิ่มเติมสำหรับเข้าประกวดเพลงชาติฉบับราชการในปี พ.ศ. 2476)
ชัดเลย แสดงว่าความจำยังพอใช้ได้อยู่ จำได้ว่าผู้ที่ได้รับยกย่องเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยคือกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และอีกท่านนึงที่จะคุ้นชื่อมากกว่าคือหลวงวิจิตรวาทการ ท่านเป็นนักเขียนที่ที่ยังมีผลงานท่านให้เห็นอยู่ในยุคปัจจุบันจะเป็นแนวพุทธปรัชญา
ทีนี้ลองมาดูกันว่าหลักไทยเขียนขึ้นมาเพื่ออะไร กันแน่
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้มอบประกาศนียบัตรการแต่งหนังสือหลักไทย
ท่านบอกแต่แรกว่าไม่ใช่ตำราประวัติศาสตร์ เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าชาติไทยเป็นชาติโบราณเก่าแก่(ตามความเข้าใจของผู้รวบรวมคือท่านพยายามรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลที่พอจะหาได้ในยุคนั้นเกี่ยวคนที่มีเชื้อชาติไทมากกว่าเป็นข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ชาติไทย )
ท่านได้บอกเจตจำนงการเรียบเรียงเรื่องนี้ว่าเพื่อเป็นลู่ทางและกระตุ้นจูงใจในการค้นคว้าเขียนให้ดีขึ้นต่อไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาติเรา  และท่านได้เขียนต่อไปว่าในภายหลังท่านพบว่ามีข้อความในหนังสืออื่น สอดคล้องกับข้อความในหนังสือบ้าง ขัดแย้งบ้างแต่ว่าเป็นส่วนรายละเอียดของประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยนกันไปบ้าง เพราะประวัติศาสตร์โบราณยังคงเป็นการตั้งข้อสันนิษฐานของบุคคล และไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน
ความมุ่งหมายในการเรียบเรียงอยู่ในทางที่จะให้เกิดความรักชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์  โดยเพ่งเล็งถึงประโยชน์และความเจริญของประเทศชาติเป็นข้อใหญ่ ดังได้กล่าวไว้แล้วในคำนำครั้งแรกและมาเน้นย้ำให้ชัดเจนในคำนำข้างต้นอีก ผู้เรียบเรียงจึงได้ให้ชื่อหนังสือนี้ว่า"หลักไทย" โดยกล่าวด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อันเป็นหลักของไทย มาบัดนี้ประเทศเราได้มีรัฐธรรมนูญขึ้น
ท่านกล่าวสรุปปิดท้ายในคำนำว่า หนังสือซึ่งมีชื่อว่า"หลักไทย" นี้ได้ประกอบพร้อมด้วยหลักสำคัญของชาติครบทั้งสี่อย่าง กล่าวคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ ท่านเขียนไว้ลงลงวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๘
ทีนี้ เราคงพอเข้าใจความมุงหมายในการเรียบเรียง"หลักไทย"ผู้ที่เขียนตำราบ้างแล้ว ตัวผู้รวบรวมก็พึ่งจะทราบเช่นกันว่า คำว่าเสาหลักของบ้านเมืองที่ท่านว่านั้น หมายถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ เราที่อยู่รุ่นหลัง เหลือแค่คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ในปัจจุบัน"หลักไทย"ถูกคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าหลายคนมองเป็นแค่ลัทธิความเชื่ออย่างนึงก็เท่านั้น
แต่ก็มีคนกลุ่มนึงที่พยายามจะรักษาและคงไว้ซึ่ง"หลักไทย"ที่ว่านั้นให้มั่นคง ด้วยมีความคิดว่าถ้ารากฐานถูกทำลายลง นั่นคือความจบสิ้นชาติไทย
การที่เรารักศรัทธาในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นแค่ลัทธิความเชื่อจริงหรือ เป็นสิ่งที่โยงใยความผูกพันของคนในชาติเข้าด้วยกันภายใต้"หลักไทย"กันแน่
คงไม่ใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเลือกคิดหรือเชื่อเช่นไร สุดท้ายเราตกอยู่ลัทธิความคิดความเชื่ออยู่ดี มิใช่หรือ
ลองมาดูโครงเรื่องที่ท่านวางไว้สำหรับใช้เป็นแนวในการศึกษากัน
มาดูคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต ที่ถกเถียงกันอยู่ ท่านเขียนว่าอย่างไรกันแน่
ท่านร่ายยาวเริ่มจากการค้นพบมนุษย์ ตามหลักฐานในสมัยนั้น  สั้นๆ แล้วโยงมาหาทวีปเอเชียที่อยู่ตอนใต้ของแนวเขาอัลไต  (ท่านพยายามจะโยงมาหาประวัติศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดเอเชียคือชมพูทวีปตามที่ปรากฏในไตรภูมิพระร่วงมั้ย ไม่แน่ใจ)มาดูคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต ที่ถกเถียงกันอยู่ ท่านเขียนว่าอย่างไร
ท่านอธิบายว่าชาติผิวเหลืองเป็นชาติชาติที่เก่าแก่ที่สุด ในโลก (ตรงนี้ทำให้เข้าใจคำว่า outline และ pioneer work ที่ท่านกล่าวไว้ในคำนำ ซึ่งภายหลังที่มีข้อความขัดแย้งหรือผิดพลาด ท่านจึงคงไว้ดังเดิม ไม่แก้ไข เพราะถือว่าเป็นโครงร่างและการริเริ่มในการศึกษาประวัติศาสตร์และชาติพันธ์ุ ความผิดเพี้ยนของเนื้อหาไม่ใช่จุดสำคัญ)
ลองมาดูข้อมูลประวัติศาสตร์ในยุคปัจจุบัน ดู
1.เริ่มการค้นพบมนุษย์ละกันเนาะ
โฮโม เซเปียนส์ (Homo Sapiens) หรือมนุษย์ในปัจจุบัน เมื่อราว 2 แสนปีก่อน ซึ่งเป็นมนุษย์สายพันธุ์เดียวที่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ เรามีภาษา วัฒนธรรม และความสามารถในการสร้างสรรค์และประดิษฐ์สิ่งต่างๆ
โฮโม เซเปียนส์ ได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ยุคก่อน จากการล่าสัตว์ พัฒนาจนเกิดการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม จากการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มประชากรเล็กๆ พัฒนาจนกลายเป็นหมู่บ้าน เมืองและประเทศ ซึ่งมนุษย์ปัจจุบันนั้น ปรากฏขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของโลกในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป โดยในประเทศไทยพบหลักฐานของ โฮโม เซเปียนส์ ที่เก่าแก่ที่สุดถูกพบในจังหวัดกระบี่ส่วนในประเทศไทย
เป็นเครื่องมือหิน และโครงกระดูก ที่เพิงผาหลังโรงเรียน และถ้ำหมอเขียว จังหวัดกระบี่ กำหนดอายุได้ประมาณ ๔๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว และที่ถ้ำลอด จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำหนดอายุได้ประมาณ ๑๒,๐๐๐ - ๑๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว
ในทวีปเอเชียตะวันออกมีการปรากฎของมนุษย์โฮโม เซเปียนส์ครั้งแรก ราว 100,000-60,000 ปีก่อน (ที่มา:https://ngthai.com/science/24384/human-evolution/3/)
ปล. เค้าแบ่งทวีปเป็น แอฟริกา(160,000ปีก่อน) ยุโรป(40,000ปีก่อน) เอเชียตะวันออก ออสเตรเลีย(50,000ปีก่อน) อเมริกา(15,000ปีก่อน) การค้นพบมนุษย์ยุคปัจจุบันที่เก่าแก่ที่สุดคือทวีปแอฟริกา
2.เอเชียคือชมพูทวีป(ตรงนี้ท่านเสนอกรอบแนวคิดไปถึงเรื่องเอเชียใต้ในปัจจุบันเลยทีเดียว) 3.ราวภาคใต้ของแนวภูเขาอัลไต คือประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน มีการเสนอแนวคิดรวมไปถึงเขตการปกครองตนเองมองโกเลียในจีน มองโกเลียในจีนมีชนชาติทั้งหมด 49 ชนชาติ และชนชาติที่น่าสนใจในนั้นคือ จ้วง นั่นเองค่ะ
4. ชนผิวเหลืองเป็นชาติเก่าแก่ที่สุดเมื่อเทียบกับชนชาติอื่นในโลกช่วงหลังยุคมนุษย์หินหรือยุคมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ตรงนี้มีการขยายความถึงยุคหลังที่มีการสร้างอารยธรรมตามแถบต่างๆในโลกเช่น บาบิโลน ไอยคุปต์ อารยันกันเลย ยิ่งอ่านงานเขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือประวัติศาสตร์ แน่นอน แต่เป็นการรวบรวมแนวคิดเกี่ยวเกี่ยวการศึกษาประวัติศาสตร์เสียมากกว่า
(ปัจจุบันแนวคิดคนไทยมาจากที่ราบทางใต้เทือกเขาอัลไตปัจจุบันได้ตกไปแล้ว นานพอสมควร ตั้งแต่ปี2521 ล่าสุดเท่าที่ค้นเจอคือในการศึกษาจากการเดินทางของมนุษย์โฮโม และนิอัลเดอร์ทัลที่สูญพันธุ์ โดยหลักฐานวิทยาศาสตร์ใหม่ล่าสุดในถ้ำเดนิสโซวัลในเทือกเขาอัลไตนั้น ทำให้ความรู้สึกลุ้นขึ้นมาอีกว่าาอัลไตในยุคก่อนจะเป็นแผ่นดินทองของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ได้มั้ยนะ)
นี่คงเป็นเหตุผลนึงที่ยังแนวคิดนี้ไว้ในแบบเรียน เช่นเดียวกับแนวคิดว่าโลกแบนกระมัง เมื่อวิทยาการก้าวหน้าขึ้นก็จะล้มล้างแนวคิดที่ว่านี้ด้วยหลักฐานที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
จำได้ว่าสมัยเรียนจะดีใจตื่นเต้นทุกครั้งมีการค้นพบหลักฐานใหม่ๆด้วยมีความคิดที่ว่าจะมีหลักฐานชิ้นใหม่บ่งบอกว่าเรามาจากแถบอัลไตหรือไม่
ข้อขัดแย้งที่คงไว้อีกข้อนึงคือชมพูทวีปคือที่ไหนกันแน่ จนมาถึงตอนนี้ การย้อนมาอ่านงานเขียนนี้ ทำให้เข้าใจถึงความพยายามของผู้เรียบเรียงที่จะรวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับชนชาติไทเอาไว้ให้มากที่สุดเพื่อรอคนรุ่นต่อไปไขปริศนาก็เป็นได้
สำหรับแนวคิดเรื่องคนไทยอพยพมาจากดินแดนทางตอนเหนืออย่างเทือกเขาอัลไต
งานเขียนที่ทรงอิทธิพลที่สุดคือ หนังสือเรื่องชนชาติไท (The Tai Race) ของวิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ มิชชันนารีชาวอเมริกันที่เดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในภาคเหนือของไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้เดินทางสำรวจไปในดินแดนของกลุ่มคนที่พูดภาษาไททางตอนใต้ของจีน พม่า ลาว ไทยและเวียดนาม จนได้ข้อสรุปว่า บรรพบุรุษของคนไทยมีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่ต้นแม่น้ำฮวงโหในเขตมณฑลกานซูของจีน ซึ่งสืบเชื้อสายมองโกลก่อนที่จะอพยพลงทางใต้
เนื่องจากถูกพวกตาดและชาวจีนรุกราน แนวคิดดังกล่าวได้ถูกขยายความโดยขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ในหนังสือ 'หลักไทย' พิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2471 โดยระบุว่า คนไทยมีถิ่นกำเนิดจากเทือกเขาอัลไตเมื่อราว 6,000 ปีก่อนที่จะอพยพลงใต้และกลายมาเป็นบรรพชนคนไทยในปัจจุบัน
ตอนต่อไปเรามาแกะรอยไทมาจากไหนกันต่อจาก หนังสือเรื่องชนชาติไท (The Tai Race)กัน
ปล.ผู้รวบรวมไม่ได้อ่าน "หลักไทย"ทั้งหมด พยายามศึกษาจากข้อมูลที่พอหาได้ คงสามารถหาอ่านได้ในหอสมุดแห่งชาติและตามซื้อหาได้ในร้านขายหนังสือเก่าแล้ว
และ เท่าที่ทราบครั้งสุดท้ายที่มาการตีพิมพ์ หนังสือหลักไทยโดยสำนักพิมพ์รวมสาส์น คือปีพ.ศ. 2518 การเพิ่มภาพประกอบและภาคผนวกเข้ามาในเล่ม
ที่มาภาพประกอบ:ลูกอ๊อดดอทคอมและวิกีพีเดีย
โฆษณา