2 มิ.ย. 2023 เวลา 16:40 • ข่าว

เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์

หากจะเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ ทุกครั้งก่อนจะฉายทางโรงหนังจะเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี
ที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 50ปี เรียกได้ว่าการเปิดเพลงและยืนตรงแสดงความเคารพเป็นธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งทุกคนพร้อมใจโดยไม่เคยมีใครตั้งคำถาม
กระทั่งวันหนึ่งการยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์กลายเป็นเรื่องที่คนในสังคมถกเถียง โต้แย้ง จนนำมาสู่การแบ่งแยกแบ่งฝ่าย
เรามาลองมองประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้แบบรอบด้านเพื่อหาทางให้การเข้าไปชมความบันเทิงในโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ ยังคงไว้ให้คนสามารถเสพศิลปะผ่านจอเงินแบบไม่ขุ่นเคือง และรักษาลมหายใจของการประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ให้อยู่รอดได้ท่ามกลางมรสุม Netflix ที่มาพร้อมเปิดชมถึงในห้องนอน
1.        ความเป็นไทยมักถูกสรุปอย่างง่ายๆด้วยนิยามจากสีทั้ง 3 บนธงชาติ คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เรียกได้ว่าเราปลูกฝังผ่านแบบเรียนถึงสถาบันทั้ง 3 มาตั้งแต่เด็กๆ การยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีจึงเป็นส่วนหนึ่งในการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
2.        ย้อนกลับไปยังแรกเริ่มการกำเนิดของเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อน เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชื่อ “สายสมร" เป็นเพลงบรรเลงใช้ตอนพระมหากษัตริย์เสด็จลงและขึ้นท้องพระโรง ต่อมาได้กลายมาเป็นเพลงชาติในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 ในปี 2414ด้วยการนำทำนองเพลง God save the King ของอังกฤษมาใส่เนื้อร้อง แล้วตั้งชื่อว่าเพลง “จอมราชจงเจริญ"
3.        ปี 2416 เปลี่ยนมาใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) หรือครูมีแขก  ที่ได้ประดิษฐ์ทำนองขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หลังจากพระราชพิธีบรมราชภิเษกครั้งที่ 2 ไม่นาน ซึ่งได้เค้าทำนองมาจากเพลงสรรเสริญนารายณ์
4.        ส่วนเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับปัจจุบัน ก็เป็นการเอาทำนองเพลง “สายสมร" หรือบ้างก็เรียกว่าเพลงสรรเสริญพระนารายณ์ แล้ว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ฟังก่อนจะทรงนิพนธ์เนื้อร้อง เพื่อนำมาใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงนำเพลงสรรเสริญพระบารมีมาเปลี่ยนคำร้องในท่อนสุดท้ายจากเดิม “ฉะนี้” เป็น “ชโย” แล้วประกาศใช้ วันที่ 1 มีนาคม 2456 มาจนถึงวันนี้
5.        ทั้งนี้เมื่อการปฏิวัติสยาม ปี 2475 เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ไม่ได้ถูกนำใช้อีกในฐานะเพลงชาติ แต่ใช้ในฐานะของเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ ครั้งหนึ่งเคยมีการตัดทอนเพลงให้สั้นลง แต่ก็ยกเลิกแล้วกลับมาใช้เหมือนเดิม โดยถูกเปิดครั้งแรกในการเสด็จนิวัติประเทศไทยครั้งแรก ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2481ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์
6.        ระเบียบส่วนราชการในพระองค์กำหนดวาระในการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ไว้หลายประการ ทั้งราชพิธีต่างๆ ทหารกองเกียรติยศ พระประมุขจากต่างประเทศเสด็จ ไปจนถึงผู้แทนพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ซึ่งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยได้นำมาใช้เป็นเพลงยุติรายการแพร่ภาพประจำวัน ก่อนจะถูกนำมาในการมหรสพต่าง ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬา การฉายภาพยนตร์หรือการแสดงดนตรี  ที่เปิดเพลงก่อนหรือหลังทำการแสดง
7.        จะเห็นได้ว่าจุดเริ่มต้นของการแต่งและใช้เพลงสรรเสริญพระบารมี มาจากพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนิน และได้นำมาใช้ในพระราชพิธีเป็นหลัก หากการเปิดเพลงในโรงภาพยนตร์แล้วมีผู้ไม่ยืนแสดงความเคารพ คนที่ยืนอาจคิดใหม่เสียว่า เพลงนี้เป็นเพลงเสด็จพระราชดำเนิน การไม่ยืนเคารพจึงไม่ได้ผิดร้ายแรงอะไร เพื่อไม่ให้เกิดวิวาทะในโรงภาพยนตร์
8.        เช่นเดียวกับการยืนเคารพก็ป็นสิทธิของคนอื่น ผู้ไม่ยืนจึงควรต้องเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย แม้ไม่เคารพระหว่างมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และอย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า 3 สถาบันหลักของไทยคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อเราเดินสวนกับพระภิกษุบนถนนหรือขึ้นรถขนส่งสาธารณะ บางคนก็ยกมือไหว้ บางคนก็ไม่ได้ยกมือไหว้ การไม่ได้ยกมือไหว้พระจึงไม่ใช่การไม่เคารพแต่เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล จะกล่าวหาว่าไม่เคารพสถาบันศาสนาก็เป็นการไม่เหมาะสม
9.        อีกกรณีคือการเปิดเพลงชาติตอน 8 โมงเช้าและ 6 โมงเย็นทุกวัน ระหว่างที่เราดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน เราได้ยืนตรงเคารพธงชาติหรือไม่ สิทธิในการยืนตรงเคารพธงชาติจึงเป็นความแล้วแต่สะดวกของบุคคล ที่ไม่ได้หมายความว่าไม่เคารพสถาบันชาติ เพราะบางโอกาสหากนั่งอยู่บนรถไฟฟ้าซึ่งเป็นที่สาธารณะเมื่อถึงเวลาเปิดเพลงชาติทั้ง 8 โมงเช้าและ  6โมงเย็น ก็ไม่มีใครยืนตรงเช่นกัน โดยที่ทุกคนก็ไม่ถือสาหาเรื่องนำมาเป็นประเด็นขัดแย้ง
10.    ถ้าการไม่ยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์หรือในที่สาธารณะอื่นๆ ถูกกล่าวหาเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ พฤติกรรมของเราในบางครั้งที่ไม่ไหว้พระสงฆ์ตามถนน ไม่ยืนตรงเคารพธงชาติขณะดูโทรทัศน์ ต้องกลายเป็นคนล้มล้างสถาบันชาติและศาสนาอย่างนั้นหรือ
บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อมองหาทางที่เราคนไทยจะสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมให้ได้โดยไม่ดึงสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือในการตราหน้าใคร ไม่นำมาสร้างให้เกิดความแตกแยกในสังคม และที่สำคัญคือไม่เอาความรักความศรัทธานำมายกตนว่าเป็นคนดีแล้วผลักให้คนที่มีความคิดแตกต่างกลายเป็นผู้ล้มล้างสถาบัน ชั่วช้าเลวทรามเพียงเพราะไม่ยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี
หากเรารักสถาบันพระมหากษัตริย์จริงและต้องการให้ดำรงไว้คู่ประเทศชาติต่อไปในอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและยุคสมัย
เราต้องมาช่วยกันหาวิธีรักษา ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาด่าคนอื่นที่คิดไม่เหมือนเรา โดยไม่รู้ว่าความรักของเราสามารถทำให้สถาบันดำรงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อยๆ 100ปีได้หรือไม่
ขอบคุณภาพจาก prachachat.net
โฆษณา