4 มิ.ย. 2023 เวลา 11:59 • การ์ตูน

EP : 161 BLAME ! พลิกวินาทีล่า (repost)

มังงะกับวิทยาศาสตร์ นี่เป็นสิ่งที่เข้ากันได้มากเลยนะครับ เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกันเลย ผมว่าจินตนาการที่อยู่ในหัวมันทำออกมาเป็นลายเส้นง่ายที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่าจะสื่อจะวาดยังไงให้ออกมาแล้วสามารถสื่อสารกับคนอ่านที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนได้ให้เข้าใจ
เพราะมันยากสำหรับการที่จะให้คนอ่านรู้ความต้องการของผู้เขียน มันก็เหมือนการส่งสารกับรับสารแหล่ะครับ บางทีวาดหรือดำเนินเรื่องไม่ดีก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการ์ตูนแนว Si Fi แบบนี้ครับ เพราะหลายๆเรื่องกำลังจะพูดถึงสิ่งที่บางทียังไม่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน เมื่อไม่มีการจะทำให้เราคิดหรือเข้าใจในสิ่งที่ไม่มี มันไม่ง่ายเลยครับ
ก่อนหน้านี้มีมังงะแนววิทยาศาสตร์หลายเรื่องมากที่ผมได้อ่าน และถ้าเป็นวิทยาศาสตร์แนวที่ล้ำปัจจุบันไปมากๆ นั้นก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่อ่านแล้วอินและเข้าใจในสิ่งที่คนวาดต้องการจะสื่อ ที่ผมจำได้ดีและยกขึ้นหิ้งก็ กัลลี่ที่บอกได้เลยว่านั้นคือเรื่องที่สุดๆ สำหรับสายวิทยาศาสตร์แนวต่อสู้แล้วครับ เรื่องนั้นว่ามีความดาร์กเข้ามาผสมบ้างในบางช่วง แต่เรื่องที่ผมกำลังจะเขียนนี้ แนวทางและลายเส้นมืดมนกว่านั้น ดูอึมครึมกว่านั้น และยากแก่การเข้าใจกว่านั้นครับ
BLAME ! พลิกวินาทีล่า เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เริ่มต้นเรื่องจาก อนาคตอันไกลแสนไกล หรือมันอาจจะไม่ใช่อนาคตของโลก เพราะอาจเป็นดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งก็ได้ โลกที่มนุษย์แทบไม่มีอยู่แล้ว
และณ ที่นี้นี่เอง คิลลี่ หนุ่มน้อยลึกลับ ผู้มีปืนพกลำแสงปรมาณูที่โครตแรง (ยิงทีระเบิดเป็นทางกว่า 70 โล!) คอยตามหา มนุษย์ผู้มียีนต่อเน็ท ? ในขณะเดียวกัน ณ ที่นี้ ผู้ปกครองและเหล่าสิ่งมีชีวิตในรูปแบบซิลิคอน ? ก็กำลังตามหาสิ่งเดียวกันทำให้เกิดการตามล่า พยายามแย่งชิง ในขณะที่มนุษย์ที่มียืนแบบนั้น ยังไม่มีใครรู้ว่ายังมีอยู่หรือไม่ ?
นี่คือโครตการ์ตูนเรื่องนึงที่บอกเล่าเรื่องราวการตามหามนุษย์ผู้มียีนแบบที่ทุกคนต้องการ ในโลกที่เราจะเห็นเพียง ท่อยาวๆ เครื่องจักรใหญ่ๆ กับสิ่งมีชีวิตอันน่าสยองและแปลกประหลาดแบบที่เราเมื่อได้เห็นจะไม่คิดว่านี่คือมนุษย์ เต็มกันทั้งเรื่อง การตามล่า การยิง การฆ่ากันเป็นเมนหลักของการ์ตูนเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย มีแต่ปริศนาเต็มไปทั้งเรื่อง ว่าใคร ทำอะไร เพื่ออะไร และจะได้อะไร โดยที่คนเขียนอาจไม่แคร์เราเลยก็ได้ว่าเราจะเข้าใจในจุดประสงค์ของการนำเสนอเรื่องนี้หรือไม่
เพราะทั้งเรื่องมีการอธิบายสิ่งที่พวกเขาทำอยู่อย่างน้อยนิดและจับใจความได้อย่างยากลำบาก ด้วยศัพท์แสงที่เกี่ยวกับโลกไซเบอร์ที่พูดมาแล้วก็แทบไม่มีการอธิบาย ผมจึงบอกได้เลยว่า มันเป็นเรื่องที่แค่เราจะอ่านดูแล้วเข้าใจว่าตัวละครทำอะไรให้ได้ 100% นั้นก็ยากมากแล้ว
ไม่มีการ์ตูนเรื่องไหนที่ผมต้องพยายามจับตาอ่านทุกช่องในเล่มนั้นเพราะหากคลาดไปซัก 1 ช่องผมคิดว่าผมจะไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไร เพราะฉากในแต่ละตอนนั้น มันเป็นโลกที่แสงสีไม่จำเป็นเลย เต็มไปด้วย ท่อขนาดใหญ่ ห้องขนาดใหญ่และเล็กสลับ สายระโยงรยางค์หรือแม้แต่ห้องเละๆ ที่เต็มไปด้วยความแฉะอันเกิดจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ หรือตรอกซอยแคบๆที่ตัวละครใช้ในการเดินทางและต่อสู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่บีบความคิดของเราให้ติดอยู่ในฉากแต่ละฉากได้เป็นอย่างดี โดยที่เราเสมือนอยู่ในโลกที่แสนอึดอัดเช่นเดียวกัน
เป็นเรื่องหน้าแปลกมาก ที่ตั้งแต่ต้นจนจบที่ผมอ่านเรื่องนี้ ผมแทบจะรู้จักตัวเอกที่ดำเนินเรื่องตั้งแต่เล่มแรกยันเล่มสุดท้ายได้อย่างน้อยแบบไม่น่าเชื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนอ่านอย่างผมกลับน้อยนิด แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ผมอ่านจนจบมันก็คือความลึกลับและจุดหมายปลายทางที่ว่าเรื่องนี้จะนำพาเราไปสู่จุดหมายแบบไหน ตัวเอกของเราเดินทางตามหาตั้งแต่ด้านล่าง ขึ้นไปเรื่อยๆ เจอตัวละครดาร์กๆ แนวโกธิคก็ไม่ปานออกมาสกัด พระเอกยิงตูม ระเบิดไป 70 โลเลยโอแม่เจ้า จากปืนกระบอกไม่ใหญ่
แต่ยิงทีพระเอกเรากระเด็นทุกครั้ง เรื่องนี้เต็มไปด้วยจินตนาการแทนการอธิบายโดยคำพูด อย่างไม่ต้องสงสัย และห้ามถามเด็ดขาด เป็นการ์ตูนที่ไม่ง้อคนอ่านเลยครับ
แต่เรื่องนี้ก็เอาผมอยู่หมัด ด้วยการดำเนินเรื่องที่แหวกแนวใน ไม่มีดีเทล์รายละเอียดอะไร ให้เราเสพภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า และให้เราพยายามจับตาดูทุกฉาก เพราะหากไม่ใส่ใจฉากไหนแล้วคุณอาจจะตามไม่ทันก็ได้ และที่สำคัญ คุณไม่อาจละสายตาจากการออกแบบทุกตัวละครได้เลย มันสุดมาก มืดมาก ดาร์กมาก
ทุกตัวออกมาโหด โฉด และน่ากลัวอย่างไม่ต้องบอก โดยที่ไม่ต้องมาบอกว่าตัวมันคืออะไร ฆ่ามาแล้วกี่ศพ ทำลายดาวมากี่ดาว หลายตัวละครที่ออกมา ถ้าผมเจอมันอยู่ตรงหน้าผมอาจเลือกที่จะฆ่าตัวตายก่อนเลย เพราะไม่รู้ว่าไอ้ตัวหน้าตาแบบนี้มันต้องการอะไรจากผมก็ตาม จึงเรียกได้ว่า เรื่องนี้ บทน้อย แต่คอสตูมแน่น การนำเสนอแต่ละฉากประณีต เหมือนหนังแอกชั่นที่ยิงกันหนักๆ และปล่อยให้เรื่องดำเนินไปอย่างไม่มีคำอธิบายแต่เราได้ลุ้นแน่ๆว่าฉากต่อไป มันต้องโดนตามล่าและต่อสู้แน่นอน นี่แหล่ะครับมันคือเรื่องนี้
อีกสิ่งนึงที่ผมสะกิดใจไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเรื่องนี้ มีกลิ่นอายของ The Matrix อยู่บ้าง อาจด้วยความลึกลับของตัวเอก ที่ถูกตามล่าโดยสิ่งมีชีวิตทั้งแบบ ซิลิคอน ที่ผมแทบไม่มีความรู้ด้านนี้และสิ่งมีชีวิตจากโลกแห่งเน็ทและส่วนกลาง ตัวเอกเลยต้องสู้เพื่อไปยังจุดหมายที่ไม่รู้ว่าที่ไหนให้ได้
ปริศนามีมากมายในตอนแรก ว่าพระเอกเราคือมนุษย์ใช่หรือไม่ ก่อนมาเฉลยตอนหลังแบบไม่แคร์สังคมก็แน่ละถ้าเราอ่านไปเรื่อยๆ เราคงรู้สึกว่าพระเอกไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน และด้วยบรรยากาศทึ่มๆ มันเลยทำความรู้สึกของผมให้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ว่าตอนแรกมันคล้ายๆ กับ Matrix อยู่บ้าง แต่ยังไงก็แล้วแต่ การต่อสู้ในเรื่องนี้สเกลมันใหญ่โครตๆ กว่าMatrix แน่นอนครับ
BLAME นี้เขียนโดย อ.TSUTOMU NIHEI ออกมาทั้งหมด 10 เล่มจบ โดย สนพ สยามอินเตอร์คอมมิค ออกมาตั้งแต่ปี 2543-46 ถือว่าเป็นการ์ตูนที่ภาพออกแนวดาร์กๆ และการนำเสนอมีความเป็นตัวของตัวเองสูงเอามากๆ ด้วยภาพวาดที่เสมือนศิลปะ และการดำเนินเรื่องแบบไม่มีคำอธิบายอะไรให้เราเข้าใจมาก
หลายฉากต้องตีความและเข้าใจกันเอง ถือเป็นการ์ตูนขึ้นหิ้งสำหรับผมอีกเรื่องที่ขายไอเดียได้เฉพาะเอามากๆ เรื่องนี้แม้จะจบไปนานแล้ว แต่ได้มีการทำออกมาเป็นอนิเมชั่นไปไม่นานนี้เองบ่งบอกได้ถึงความสนุกของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แบบอนิเมะผมยังไม่ได้ดู แต่ฉบับมังงะคุณต้องอ่านให้ได้ ความดิบและสิ่งที่ต้องการสื่อมันต้องสัมผัสจากการอ่านเท่านั้นครับ
เป็นผลงานที่สมควรเสพ ส่วนจะชอบไม่ชอบนั่นอีกเรื่องนึงครับ หากคุณยังไม่ได้อ่าน ผมยังถือว่าคุณพลาดอย่างแรงครับ ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะอ่านไม่เข้าใจเพราะมันจะต้องเกิดขึ้นกับคุณเหมือนกับผมและทุกๆคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ครับ แต่สุดท้ายการตีความของคุณจะเป็นตัวบอกเองว่าเรื่องนี้มันสุดแค่ไหนครับ โครตแน่ะนำเลยครับ
ลายเส้น 10/10
เนื้อเรื่อง 8.9/10
ความประทับใจ 10/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #10เล่มจบ #SiamInterComics #การ์ตูนแนวหุ่นยนต์ #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #10คะแนน #พลิกวินาทีล่า #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #สยามอินเตอร์คอมมิค #BLAME #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา