เกร็ดเรื่องเพลงลูกทุ่ง โดย วินทร์ เลียววาริณ │ บุปผาสวรรค์ 16
ลูกปืนแทนพวงมาลัย
เวลาห้าทุ่ม วันที่ 3 สิงหาคม 2514 รถยนต์ไดฮัทสุ หมายเลขทะเบียน ป.ข. 01476 แล่นไปตามถนนทางเข้าโรงโม่หมู่บ้านห้วยขวาง ต. ศิลาลอย อ. ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ห่างถนนเพชรเกษมประมาณหนึ่งกิโลเมตร
ผู้ขับคือ วิจิตร ฤกษ์ศิลป์วิทยา เจ้าของวงดนตรีลูกทุ่งคณะวิจิตรไพบูลย์ และเจ้าของร้านวิจิตรวิทยุที่ตลาดไร่ใหม่ อ. ปราณบุรี ผู้โดยสารร่วมในรถมีสี่คน คือนายตุ้ย แก้วรัตนอัมพร นางสาวหยกฟ้า แซ่ลี้ นางสาวประจักษ์ (ไม่ทราบนามสกุล) นางสาวหลีงั้น แซ่ลี้ ซึ่งเป็นนักร้องในคณะ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปซ้อมเพลงที่บ้านของนักร้องในคณะอีกคนหนึ่ง
ทันใดนั้นรถยนต์ก็ชลอตัว เพราะทางเบื้องหน้ามีรถมอเตอร์ไซค์จอดขวางถนนอยู่ คนขับจอดรถ เป็นเวลาเดียวกับที่คนร้ายกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว ชักปืนขู่บังคับให้ทุกคนลงจากรถ
เมื่อลงจากรถแล้ว คนร้ายก็ยิงหัวหน้าวงดนตรีลูกทุ่งคณะวิจิตรไพบูลย์ ล้มลงเสียชีวิต
จากนั้นมือปืนก็ยิงคนที่เหลือทั้งหมด ล้มลง แล้วหลบหนีไป
เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าหนึ่งในคนถูกยิงรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ คือนายตุ้ย แก้วรัตนอัมพร
เขาถูกยิงที่ท้อง แต่แกล้งทำเป็นตาย มือปืนไม่แน่ใจก็ยิงซ้ำที่หัวหนึ่งนัด แต่กระสุนพลาด ถากศีรษะไป เพราะจุดนั้นมืด คนร้ายมองไม่เห็นชัด
มันเป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ แต่ที่กลายเป็นข่าวใหญ่กว่าคือคำเล่าลือว่าเหตุฆาตกรรมนี้เกี่ยวพันกับ ศรคีรี ศรีประจวบ เพราะเป็นนักร้องในพื้นที่เดียวกัน
หลังจากชื่อของศรคีรีเข้าไปพัวพันคดีสังหารนักร้องคณะวิจิตรไพบูลย์ ชื่อเสียงของเขาก็ตกลงไปบ้าง
ภาพข่าวหนังสือพิมพ์ ความตายของคณะวิจิตรไพบูลย์ ตํา รวจไปชันสูตรพลิกศพจุดเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายมีห้าคน เป็นคนในพื้นที่ ตำรวจนำรูปถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายทั้งห้าไปให้นายตุ้ยดูที่โรงพยาบาล นายตุ้ยให้การกับตำรวจว่าเขาจำหน้าได้อย่างแม่นยำสองคน เป็นคนที่เขารู้จักมาก่อน ส่วนคนร้ายอีกสามคน จำหน้าไม่ได้
หลังจากนั้นคดีก็เงียบไป และ ศรคีรี ศรีประจวบ ก็กลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อสามารถพิสูจน์ตัวเองได้
หลังจากนั้นเขาก็ออกเพลง ตะวันรอนที่หนองหาน อยากรู้ใจเธอ ลานรักลั่นทม คิดถึงพี่ไหม ฯลฯ
นักร้องเพลงลูกทุ่งอีกคนหนึ่งที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันคือ สุริยัน ส่องแสง
เขาตายช่วงที่กำลังดัง
ครูชลธี ธารทอง ปั้นนักร้องไว้หลายคน คนหนึ่งคือ สุริยัน ส่องแสง โด่งดังจากเพลง วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน
สุริยัน ส่องแสง ชื่อจริง ประสิทธิ์ จันทร์แรม ชาวชัยนาท ชอบร้องเพลงแต่เด็ก ไปแสดงความสามารถในการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งตามเวทีต่างๆ เมื่อโตขึ้นก็ร้องเพลงตามห้องอาหาร ภายใต้ชื่อ ชิน ชัยนาท เช่น ห้องอาหารสภารสที่ตาคลี นครสวรรค์ หลังจากนั้นก็ตระเวนร้องเพลงตามจังหวัดต่างๆ เช่น นครราชสีมา อุดรธานี นครพนม สุรินทร์ จันทบุรี
สุริยัน ส่องแสง
วันหนึ่งขณะร้องเพลงที่จันทบุรี เสียงของเขาไปเข้าหูของ กร กรุงเก่า นักจัดรายการวิทยุของจันทบุรี สนับสนุนให้เป็นนักร้อง เทพบุตร ไพบูลย์ บันทึกเสียงเพลง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงไปร้องเพลงตามร้านอาหารที่จันทบุรีตามเดิม
คราวนี้มีคนมองเห็นแวว เป็นนักธุรกิจวงการบันเทิงชื่อ โล ธุระวณิชย์ ที่มาเยือนจันทบุรี โล ธุระวณิชย์ เคยสนับสนุนให้ อ้อยทิพย์ ปัญญาธรณ์ จนโด่งดังมาก่อน ขอให้ครูชลธี ธารทอง แต่งเพลงให้นักร้องคนนี้ ตั้งชื่อใหม่ว่า สุริยัน ส่องแสง ชื่อเพลง วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน
เมื่อวานก็ดูสวยดี แต่วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน เมื่อวานก็ดูสวยดี แต่วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน มองไม่อิ่มนัยน์ตา โสภาเหมือนดังจันทร์ผ่อง ไปไหนเห็นใครยืนจ้อง เดินแทบตกท้องร่อง มัวแต่มองของในร่มผ้า
เพลงนี้ดังระเบิด ทุกสถานีเปิดเพลงนี้
ครูชลธี ธารทอง ลงทุนสร้างวงดนตรีให้ สุริยัน ส่องแสง โดยจำนองบ้านและกู้เงินรวมสองล้าน วงดนตรี สุริยัน ส่องแสง มีงานเข้าตลอดไม่หยุด
ครูชลธี ธารทอง แต่งเพลงใหม่เพิ่มให้ เช่น จ.ม. ขอเพลง ศาลาหลังเก่า สำรวยสำลี หล่อลากดิน ล่องเรือหารัก
ประมาณตีหนึ่ง คืนวันที่ 28 มิถุนายน 2525 หลังจบการแสดงที่สนามโรงเรียนบ้านจำป่าหวาย อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ระสุริยัน ส่องแสง เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านหลังเวที คนร้ายคนหนึ่งบุกเข้ามายิงเขาสี่นัด ล้มฟุบลง แล้วหลบหนีไป
สุริยัน ส่องแสง เสียชีวิตในคืนนั้น
นักร้องเพลงลูกทุ่งอีกคนหนึ่งก็ถูกยิง คือ ไพรวัลย์ ลูกเพชร แต่รอดชีวิตมาได้
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2529 ขณะที่นักร้องดัง ไพรวัลย์ ลูกเพชร ขับรถยนต์วอลโวไปทำธุระในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด ในรถยังมีนางวรรณา ชูเปีย ถูกคนร้ายลอบยิง นางวรรณาตายคารถ ส่วนไพรวัลย์ถูกยิงที่ต้นคอ ถูกนำส่งโรงพยาบาลชลประทาน
แม้แพทย์สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ แต่กระสุนปืนทำลายประสาทไขสันหลัง ทำให้เขาเป็นอัมพาตครึ่งตัว แต่ก็ยังร้องเพลงได้ นั่งรถเข็นไปร้องเพลงตามสถานบันเทิงต่างๆ เลี้ยงครอบครัว
สำหรับนักร้องเพลงลูกทุ่งที่จบชีวิตโดยการฆ่านั้น ที่โด่งดังที่สุดคือ สุรพล สมบัติเจริญ
วันที่ 17 สิงหาคม 2511 ราชาเพลงลูกทุ่งชื่อดังของเมืองไทย สุรพล สมบัติเจริญ ถูกยิงขณะกำลังจะขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ
คืนรอยต่อวันที่ 16-17 สุรพล สมบัติเจริญ ไปเปิดการแสดงที่วิกชั่วคราวริมถนนมาลัยแมน ตรงหน้าวัดหนองปลาไหล ต. หนองปลาไหล อ. กำแพงแสน
การแสดงเริ่มขึ้นเวลา 20.30 น. มีคนเข้าชมดนตรีอย่างหนาแน่นขนัด เลิกเวลาตีหนึ่ง สุรพลเดินออกจากเวทีดนตรีมุ่งหน้าไปที่รถเบนซ์ส่วนตัว โดยมีนายทองใบ รุ่งเรือง กับนายปาน หนูทอง ยืนอยู่ใกล้ๆ รถ
ขณะที่สุรพลกำลังไขกุญแจรถอยู่ มือปืนก็บุกเข้าถึงตัว แล้วชักปืนพกขนาด 11 มม. ออกมาระเบิดกระสุนใส่สุรพล 4 นัดซ้อน กระสุนปืนทะลุเข้าขมับขวาออกขมับซ้าย 2 นัด ส่วนอีก 2 นัดกระสุนปืนพลาดไปถูกเก๋งได้รับความเสียหาย
มือปืนยิงสุรพลตายแล้ว ก็ขึ้นรถเก๋งดำอีกคันหนึ่งขับหลบหนีไป
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2511 ลงข่าวว่า
ผลการสอบปากคำ 5 พยานเอกในคดีนี้เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเศษ ทุกคนให้การตรงกันว่า เมื่อเสียงปืนนัดแรกระเบิดขึ้น สายตาทุกคู่เห็นราชาเพลงลูกทุ่งสุรพล ซึ่งเข้าใจว่าถูกกระสุน 11 มม. นัดแรกนั่นเข้าแล้ว อยู่ในสภาพตัวเอน เอามือเท้ากับรถเบ๊นซ์ และมือปืนนรกผู้นี้แต่งกายคล้ายทหาร เป็นคนร่างสูงใหญ่ ผิวขาวแบบคนจีน ไล่หลังจากเสียงปืนนัดแรกระเบิดเสียงเพียงเสี้ยวนาที มือปืนผู้นั้นก็รัวยิงเป้าหมายเดิมกันขึ้นอีก 3 นัด
จนกระทั่งร่างของสุรพลล้มคว่ำลงไปกองอยู่ข้างรถเบ๊นซ์ 5 พยานเอกระบุตรงกันว่า มือปืนผู้นี้ยืนยิงอย่างใจเย็นและมั่นใจ ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อสังหารมีชีวิตรอดไปได้
จากนั้นมือปืนได้ผละถอยหลังมาจากจุดที่ยืนยิง 4-5 ก้าวแล้วส่ายปืนพกทูตมฤตยูกระบอกนั้นจ้องตรงไปยังบรรดา 5 พยานที่เห็นเหตุการณ์ แต่เห็นทุกคนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในทำนองที่จะต่อต้าน มือปืนเลยออกวิ่งช้าๆ ไปตามถนนผลวัฒนา ซึ่งเป็นถนนที่แยกไปได้หลายทาง คือแยกไปทางป่าช้าโป่งสังข์ แยกออกถนนชลประทาน ทะลุถนนท่ากระบอกไปทางจังหวัดกาญจนบุรีได้
ท้ายคำให้การของ 5 พยานเอก ทุกคนยืนยันว่า ถ้าได้เห็นหน้ามือปืนอีกครั้งหนึ่งจำได้แน่ เพราะทุกคนจำภาพเหตุการณ์น่าสยองขวัญนั้นอย่างติดหูติดตา โดยเฉพาะตอนมือปืนส่ายปืนอยู่ไปมานั้น ด้านตรงของใบหน้าแสงตะเกียงส่องให้เห็นอย่างชัดแจ้งที่สุด และมือปืนรายนี้ไม่ใช่คนใน อ. กำแพงแสนแน่
สรุปผลการสอบสวน 5 พยานเอกครั้งนี้ ได้ผลเป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก และเจ้าหน้าที่ผู้คุมคดีนี้ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้พยายามทุ่มเทความสามารถที่อยู่ทั้งหมดให้กับคดีนี้ เพื่อจะคลี่คลายปมสังหารอันมืดมน ให้ประชาชนรู้ได้โดยเร็วที่สุด...
แต่ผ่านมา 55 ปี ก็ยังไม่มีบทสรุปว่าอะไรคือสาเหตุของการฆ่า
หลังจาก สุรพล สมบัติเจริญ ถูกยิงตาย วงดนตรีของเขายังแสดงต่อไป โดยให้ ชาตรี ศรีชล ขึ้นเป็นหัวหน้าวงแทน
ชาตรี ศรีชล (ชื่อจริง สมบุญ ลีเส็ง) ชาวชลบุรี ชอบร้องเพลงและคลั่งไคล้ คำรณ สัมปุณณานนท์ มาก เก่งทั้งการร้องเพลงและการแต่งเพลง เข้าวงการโดยการชักนำของภรรยา สุรพล สมบัติเจริญ บันทึกเพลงครั้งแรกคือเพลง บัวหลวง มีชื่อเสียงจากเพลง สมัครรักสมัครแฟน
ต่อมา ชาตรี ศรีชล เสียชีวิตเพราะติดยา
อีกความพยายามหนึ่งที่จะรักษาตำนานของ สุรพล สมบัติเจริญ คือการสร้างหนังชีวิตของเขา
คือหนังเรื่อง สุรพลลูกพ่อ กำกับการแสดงโดย รังสี ทัศนพยัคฆ์ นักแสดงที่รับบทเป็นสุรพลคือ บรรจบ เจริญพร สมาชิกหลายคนของครอบครัวสมบัติเจริญก็ร่วมฉากในหนังด้วย
สุรพลลูกพ่อ ไม่ดังเท่าที่ควรเพราะมีหนังเกี่ยวกับสุรพลอีกเรื่องหนึ่งที่เล่นโดยพระเอกนางเอกดัง คือ มิตร-เพชรา ชื่อเรื่อง 16 ปีแห่งความหลัง (2511)
ปีต่อมา รังสี ทัศนพยัคฆ์ สร้างหนังเรื่องใหม่ ชาติลำชี (2512) นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ บรรจบก็ร่วมแสดงและร้องเพลงในหนัง
ความสำเร็จของ ชาติลำชี ทำให้ รังสี ทัศนพยัคฆ์ สร้างหนังอีกเรื่องหนึ่งคือ มนต์รักลูกทุ่ง (2513) หนังเรื่องนี้จัดเพลงลูกทุ่งมาเต็มอัตรา ล้วนเป็นเพลงระดับคุณภาพ แต่งโดยครูเพลงระดับปรมาจารย์
เป็นจุดสูงสุดของเพลงลูกทุ่งในโลกภาพยนตร์
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
