23 ธ.ค. 2023 เวลา 00:00 • ดนตรี เพลง

เกร็ดเรื่องเพลงลูกทุ่ง โดย วินทร์ เลียววาริณ │ บุปผาสวรรค์ 17

เมื่อคนเพลงเล่นหนัง
ผมดูภาพยนตร์ไทยเรื่อง ดวง ของ เปี๊ยก โปสเตอร์ ในโรงหนังแห่งหนึ่งที่หาดใหญ่ในปี 2514 ในฉากหนึ่งตัวละครคนหนึ่งเปิดจอโทรทัศน์ให้ตัวละครอีกคนหนึ่งดู เป็นการแสดงของวงดนตรีดิอิมพอสซิเบิ้ล ชื่อเพลง หนาวเนื้อ (แต่งโดย สุรพล โทณะวณิก) ดิอิมพอสซิเบิ้ลก็ร้องจนจบเพลง โดยที่เพลงนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่อง และไม่มีความจำเป็นต้องเล่นทั้งเพลง
แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ หนึ่ง วงดิอิมพอสซิเบิ้ลกำลังดัง ใครๆ ก็อยากฟังเพลงใหม่ของวงนี้ สอง เป็นธรรมเนียมของหนังไทยในยุคนั้นที่ใส่เพลงเข้าไปในเรื่อง เป็นสูตรสำเร็จของการสร้างหนัง แทบทุกเรื่องมีเพลงประกอบเสมอ แม้ว่าเพลงไม่เกี่ยวกับเรื่อง ในโฆษณาและโปสเตอร์หนังก็จะบอกว่ามีเพลงกี่เพลง
ใส่เพลงในหนังแบบอัดแน่น และทำแบบ จัดเต็ม คือมักเล่นเพลงทั้งเพลง ส่วนมากไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสร้างก็ยิ่งกลายเป็น มิวสิก วิดีโอ เข้าไปทุกที
1
อย่างไรก็ตาม หนังบางเรื่องก็จำเป็นต้องมีเพลงประกอบ และเรื่องที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์หนังเพลงลูกทุ่งก็คือ มนต์รักลูกทุ่ง ผลงานของ รังสี ทัศนพยัคฆ์
หนังเรื่องนี้แสดงโดยคู่พระคู่นาง มิตร ชัยบัญชา กับ เพชรา เชาวราษฎร์ ขาประจำ เพราะเป็นแม่เหล็กดึงคนมาดูได้มาก แต่เพลงลูกทุ่งในเรื่องก็สามารถดึงคนแบบปากต่อปาก เพราะเป็นรวมเพลงลูกทุ่งระดับอาจารย์ เช่น ครูไพบูลย์ บุตรขัน
มนต์รักลูกทุ่ง มีนักร้องเพลงลูกทุ่งจริงๆ เข้าร่วมแสดง คือ ไพรวัลย์ ลูกเพชร บุปผา สายชล ศรีไพร ใจพระ บรรจบ เจริญพร หนังประสบความสำเร็จ ทำรายได้สูงถึง 13 ล้านบาท (ในปี 2513 เงิน 13 ล้านบาทถือว่าสูงมหาศาล) ยืนหยัดฉายที่โรงหนังโคลีเซียม กรุงเทพฯ นานถึงหกเดือน
นักร้องเพลงลูกทุ่งคนหนึ่งที่ได้เล่นหนัง มนต์รักลูกทุ่ง ก็คือ ไพรวัลย์ ลูกเพชร ต่อมาก็เล่นหนังไทยหลายเรื่อง จนได้ฉายา พระเอกลูกทุ่ง
ไพรวัลย์เล่นหนังเรื่องแรกคือ ชาติลำชี (2512) ของ รังสี ทัศนพยัคฆ์ ตามมาด้วย มนต์รักลูกทุ่ง (2513) มนต์รักจากใจ (2514) แสนทนง (2515) ไอ้แดง (2516) เพลงรักบ้านนา (2520) ไอ้ขุนเพลง (2523) รักข้ามรั้ว (2525) หล่อลากดิน (2525) เสียงเพลงนักเลงโหด (2525) แผ่นดินเหล็ก (2526) อีแต๋น ไอเลิฟยู (2527)
ไพรวัลย์ ลูกเพชร ชื่อจริง สมนึก นิลเขียว เกิดที่บ้านดอนผิงแดด ต. บางขุนไทร อ. บ้านแหลม เพชรบุรี
เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดดอนผิงแดด ชอบร้องเพลงแต่เด็ก ชายพิการตาบอดชื่อ ลุงโซว สอนการร้องเพลงและลิเกให้ นอกจากนี้ยังไปฝึกดนตรีไทยกับ ตาเย็น เจ้าของวงปี่พาทย์แถวนั้น
พ่อแม่พอเห็นแววเด็ก จึงพาไปฝึกเล่นลิเกกับคณะลิเกที่เมืองเพชรบุรี แต่สมนึกไม่ไป เพราะชอบร้องเพลงมากกว่า
วันหนึ่ง จิต เจริญฤทธิ์ ญาติที่กรุงเทพฯพาเขาไปสมัครกับวงดนตรีใหม่ ชื่อวงบางกอก ชะ ชะ ช่า เป็นวงดนตรีเฉพาะกิจ สมพงษ์ วงศ์รักไทย นักพากย์หนังชื่อดัง ร่วมกับ ชุติมา สุวรรณรัตน์ ผู้กำกับหนังไทย ตั้งขึ้นมาเพื่อรับแสดงในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ไทย
สมนึกจึงติดตามบางกอก ชะ ชะ ช่าไปเล่นตามที่ต่างๆ
ต่อมา สมพงษ์ วงศ์รักไทย กับ ชุติมา สุวรรณรัตน์ ตัดสินใจยุบวงบางกอก ชะ ชะ ช่า แต่ด้วยความรักศิษย์คนนี้ จึงพาไปฝากฝังกับ สุรพล สมบัติเจริญ ครูสุรพลตั้งชื่อให้ว่า ไพรวัลย์ ลูกเพชร
ประมาณปี 2506-2507 ครูสุรพล สมบัติเจริญ ออกเงินให้เขาอัดเพลงครั้งแรกสองเพลง คือเพลง คำเตือนของพี่ แต่งโดยสุรพล และ ดาวบ้านนา แต่งโดย พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ทำให้ไพรวัลย์ได้เกิด ตามมาด้วยอีกหลายเพลง เช่น แม่ผักบุ้งบ้านดอน เสียงจากไพรวัลย์ คำประณาม นางกลางใจ
ต่อมาไพรวัลย์ออกจากวงดนตรีของครูสุรพล แล้วไปที่วงดนตรีรวมดาวกระจาย ของครูสำเนียง ม่วงทอง ที่มีสมาชิกวงเช่น ชลธี ธารทอง แดน บุรีรัมย์ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ประยงค์ ชื่นเย็น
ช่วงที่อยู่วงรวมดาวกระจาย ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งเพลงให้ร้องหลายเพลง เช่น มะนาวไม่มีน้ำ กีฬารัก ไม่รู้ไม่ชี้ ฯลฯ
หลังจากนั้นเขาก็ตั้งวงของตัวเอง เดินสายรับงานไปทั่วประเทศ
แล้วเข้าสู่วงการหนัง ทั้งแสดงและร้องเพลงในภาพยนตร์
แต่สัจธรรมของโลกคือความเสื่อมสลาย วงดนตรี ไพรวัลย์ ลูกเพชร เริ่มเสื่อมความนิยม ทำให้เขาต้องยุบวง และไปทำร้านอาหาร แต่ขาดทุน
ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน เขาหวนคืนกลับมาอีกครั้ง เมื่อ ชลธี ธารทอง อดีตนักร้องร่วมวงรวมดาวกระจาย แต่งเพลงให้ไพรวัลย์ร้องหลายเพลง เช่น สำรวยลืมคำ แจกใบหย่า หนาวใจที่ชายแดน และ ไอ้หนุ่มตังเก ที่ทำให้เขาคืนสู่วงการอีกครั้ง
ไพรวัลย์ ลูกเพชร เสียชีิวิตในวันที่ 17 ตุลาคม 2546 อายุ 61 ปี ปิดฉากชีวิตที่แสนมีสีสันชีวิตหนึ่ง
ในปี 2554 ที่ลานวัฒนธรรม วัดดอนผิงแดด ต. บางขุนไทร อ. บ้านแหลม เพชรบุรี บ้านเกิดของเขา มีพิธีประดิษฐานรูปหล่อและบรรจุอัฐิ ไพรวัลย์ ลูกเพชร
วัดดอนผิงแดดก็คือสถานที่ที่เขามีความผูกพันแต่เกิด การเก็บอัฐิของเขาที่นี่ จึงเป็นการกลับบ้านเกิดของเขาอีกครั้ง
1
นักร้องเพลงลูกทุ่งอีกคนหนึ่งที่ได้เล่นหนังคือ ชาย เมืองสิงห์ อายุมากกว่า ไพรวัลย์ ลูกเพชร สองปี
ชื่อเดิม สมเศียร พานทอง ชาวสิงห์บุรี หน้าตาดีจนมีคนเทียบกับดาราหนังฝรั่งเศส อเลน เดอลอง และเรียกเขาว่า อเลน เดอลอง ออฟ ไทยแลนด์ แต่คนไม่น้อยนิยมเรียกเขาว่า แมน ซิตี้ ไลอ้อน
เรียนหนังสือที่โรงเรียนเพาะช่าง แต่ต้องออกกลางคัน เพราะที่บ้านนาล่ม ไม่สามารถส่งเสียให้เรียนต่อ เขาตัดสินอยู่กรุงเทพฯต่อไป ไม่กลับบ้าน ทำงานเลี้ยงชีพสารพัด ตั้งแต่รับจ้างเขียนป้าย วาดรูป แกะสลักต่างๆ ไปจนถึงงานตากผักทำผักกาดกระป๋อง ไสหมาก และเป็นกรรมกรตอกเสาเข็ม
เนื่องจากมีฝีมือในการร้องเพลง เมื่อเงินไม่พอใช้ก็ไปรับจ้างร้องเพลงเชียร์รำวง
ต่อมามีผู้อุปการะให้เขาไปประกวดร้องเพลงตามที่ต่างๆ
ในปี พ.ศ. 2504 ไปหาครูมงคล อมาตยกุล หัวหน้าวงจุฬารัตน์ ขอสมัครเข้าเป็นนักร้องประจำวง ไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน รู้แต่ว่าครูมงคลยื่นเงื่อนไขว่า จะรับเข้าวงก็เมื่อไปแหล่สดกับ พร ภิรมย์ นักร้องเพลงลูกทุ่งแถวหน้าในตอนนั้น
1
สถานที่ประลองเพลงคือเวทีสถานีวิทยุ ปชส. 7 ใต้สะพานพุทธ
เวลาห้าทุ่ม คืนวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2504 ที่สถานีวิทยุ ปชส. 7 สมเศียร พานทอง ก็ร้องเพลงแหล่สดโต้กับ พร ภิรมย์
มันเป็นการประลองที่ยากสำหรับนักร้องหนุ่มที่กำลังเริ่มเดินเส้นทางดนตรี แต่ ชาย เมืองสิงห์ เป็นนักร้องที่มีไหวพริบ ปฏิภาณฉับไว สามารถแหล่สดๆ กับมืออาชีพ ผลก็คือเขาได้เกิดในคืนนั้น
ครูมงคล อมาตยกุล ตั้งชื่อเขาว่า ชาย เมืองสิงห์
หลังจากนั้นก็สนับสนุนให้บันทึกเสียงงานของตนเอง ด้วยน้ำเสียง ฝีมือ และหน้าตา เขาก็ก้าวสู่แถวหน้าของวงการเพลงลูกทุ่ง
ช่วงปี พ.ศ. 2504 - 2516 เป็นช่วงพีคของชีวิตนักร้องเพลงลูกทุ่ง
ชาย เมืองสิงห์ เก่งทั้งร้องเพลงและแต่งเพลง เขามีผลงานเพลงไว้ไม่น้อย เช่นเพลง ชมสวน พ่อลูกอ่อน เสน่ห์นางไพร ลูกสาวใครหนอ มาลัยดอกรัก แก่นแก้ว หยิกแกมหยอก พระรถเมรี มนต์เมืองสิงห์ สิบห้าหยกๆ เรือล่มในหนอง แม่ขนตางอน เมียพี่มีชู้ กอดแก้กลุ้ม มันยกร่อง ฯลฯ
เนื่องจากเขาเคยบวชเรียน จึงซึมซับลีลาการเทศน์ของพระซึ่งมีลูกคอลูกเอื้อน
ในบทความ ลูกสาวใครหนอ เพลงต้องห้ามของ ชาย เมืองสิงห์ จอมพลสฤษดิ์ ห้ามออกอากาศ? โดย เลิศชาย คชยุทธ (เผยแพร่ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน พ.ศ. 2537) ชาย เมืองสิงห์ ให้สัมภาษณ์ว่า อย่างพระเทศน์มหาชาติหน้าเทศกาลอะไรต่ออะไรผมไปฟังบ่อย เวลาพระเทศน์จะมีทำนอง ไม่ว่าจะสวดสังคหะหรือสวดอะไรก็ตาม บางทีก็สวดวังเวง ผมก็อาศัยได้ฟัง
1
อีกอย่างหนึ่งผมเป็นคนชอบทางนี้อยู่แล้ว ชอบดูลิเก เขาเอื้อนยังไง บางทีผมต้องไปส่งแม่ประจำทุกวันโกนวันพระ ไปรับไปอยู่คลุกคลีที่วัดฟังพระเทศน์มั่ง มีพระนักเทศน์นักแหล่เก่งๆ มา ท่านก็เอื้อนลูกคอยังโง้นยังงี้ พระท่านก็ชอบ ท่านก็สอนให้ ผมก็จดจำเอามา
งานของ ชาย เมืองสิงห์ หลายเพลงเป็นลูกผสมระหว่างลิเกของ พร ภิรมย์ ปนกับบทกวีของครูไพบูลย์ บุตรขัน ชอบใช้คำพังเพยพื้นบ้านแบบไทยๆ ผสมกลมกลืนกับคำสมัยใหม่ เช่น วัดเอ๋ยวัดโบสถ์ ปลูกข้าวโพดสาลี
เรือล่มในหนอง มารักกันหนอ กอดคอกันไว้ดีกว่า แม่คงไม่ว่า จริงไหมแก้วตาของพี่ เพราะต่างร่วมรักร่วมใจ หมดเปลืองมากไปไม่ดี ผิดประเพณีเอาไว้พูดทีหลัง เรื่องรักสู่ขอก็พอจะขอ ได้ดอก เข้าตรงตามตรอก ยอกย้อนเกินไปร้อยชั่ง ขอผูกข้อไม้ข้อมือ ร่วมกันมาออมสตังค์ เรียบร้อยแล้วยัง เหลือเงินปลูกเรือน
1
บางเพลงก็มีทำนองทันสมัย เช่น เมียพี่มีชู้
1
เมียพี่มีชู้ ชาวบ้านรู้หรือเปล่า ติดตามทราบข่าวเศร้าใจ ผู้หญิงผู้หยังนี่ช่างกระไร ชอบเปลี่ยนสไตล์ ไวไฟสิ้นดี
เพลงนี้มีโทนสนุกสนาน ลูกเล่นทั้งลากเสียงและตัดฉับไว
ชาย เมืองสิงห์ อยู่ในวงจุฬารัตน์หกปี หลังจากนั้นก็ตั้งวงดนตรีเล็กๆ ชื่อ หลังเขาประยุกต์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น จุฬาทิพย์ ชื่อคล้องกับวงจุฬารัตน์ที่เขามีความผูกพัน
เขารู้ถึงความรู้สึกของคนที่อยากเป็นนักร้องใหม่ ทำให้เขาปั้นนักร้องใหม่หลายคน เช่น ระพิน ภูไท โชคดี พักภู่ เพชร โพธิ์ทอง ดี๋ ดอกมะดัน ดู๋ ดอกกระโดน สีหนุ่ม เชิญยิ้ม หนุ่ม เมืองไพร ดาวไทย ยืนยง ถนอม จันทรเกตุ เป็นต้น
ชาย เมืองสิงห์ เริ่มเล่นหนังมาตั้งแต่ปี 2508 มากมายหลายเรื่อง เช่น ศึกเสือไทย (2508) วิมานสีทอง (2514) กุหลาบไฟ (2516) ไอ้ฟ้าผ่า (2522) ดีแตก (2530) ด้วยเกล้า (2530) มนต์เพลงนักเลงบ้านนอก (2537) กระสือวาเลนไทน์ (2549) ผีเสื้อสมุทร (2549) หนุมานคลุกฝุ่น (2551) และละครโทรทัศน์อีกมากมาย
1
ชาย เมืองสิงห์ ทำวงดนตรีของตัวเองอยู่ราวสิบปี ก็เลิก ออกจากวงการไปเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิด
สิงห์กลับคืนสู่ป่าอีกครั้ง
นักร้องที่ไปเล่นหนังอีกคนหนึ่งคือ บรรจบ เจริญพร
บรรจบเป็นชาวพนัสนิคม ชลบุรี เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งในปี 2511 มีลีลาการร้องคล้าย สุรพล สมบัติเจริญ
เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งในปี 2511 เคยร่วมกับหลายวงดนตรี เช่น วงบุปผา สายชล คณะรำวง ส. ดาราศิลป์ วงดาราน้อยแห่งชลบุรี ที่มีสมาชิกคือ เรียม ดาราน้อย พนม นพพร ฉลอง ภู่สว่าง
เขาดังตอนที่อยู่วงดาราน้อย เพราะร้องเพลงเหมือน สุรพล สมบัติเจริญ หลังจากนั้น บุปผา สายชล ชวนให้บรรจบไปเป็นนักร้องวงกระดิ่งทองของ ศรีไพร ใจพระ (เก่งกาจ จงใจพระ) ช่วงนี้เองที่บรรจบใช้ชื่อว่า บรรจบ ใจพระ บันทึกเสียงเพลง อย่าเดินโชว์ แต่งโดย สุรินทร์ ภาคสิริ และดังทันที
อย่าเดินโชว์ เดินโชว์ เดินโชว์ เดินโชว์ เลยแม่คุณ แม่นุ่งกระโปรงหวามวาบใจ ตาและยายเห็นเธอไม่วายจ้อง หนุ่มๆ ชอบมองดูขาอ่อน เก็บไปนอน ฝันเพ้อละเมอตกเตียง เห็นเพียงแวบเดียวเหลียวมองเสียเพลิน หลงเดินจนตกร่อง...
เมื่อ สุรพล สมบัติเจริญ ถูกยิงตายในปี 2511 รังสี ทัศนพยัคฆ์ สร้างหนังเกี่ยวกับชีวิตของสุรพล ชื่อเรื่อง สุรพลลูกพ่อ ก็คว้าตัวบรรจบมาเล่นเป็นสุรพล เพราะเขาร้องเพลงสุรพลได้ดี
ถัดจากเรื่องนี้ รังสี ทัศนพยัคฆ์ สร้างหนังเรื่อง ชาติลำชี (2512) บรรจบก็ได้ร่วมแสดงและร้องเพลงในหนังด้วย บรรจบไปเล่นหนังของรังสีอีกเรื่อง คือ มนต์รักลูกทุ่ง (2513) ได้ร้องเพลงสามเพลงคือ หนุ่มพเนจร รักร้าวหนาวลม ใจเจ้าชู้
1
หนังดังระเบิด รังสี ทัศนพยัคฆ์ รีบสร้างเรื่องใหม่ต่อทันที คือ มนต์รักจากใจ (2514) ใช้ มิตร-เพชรา เป็นตัวหลักเช่นเดิม แต่ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตไปกะทันหัน จึงต้องหาพระเอกใหม่มาแทน ได้ญาติคนหนึ่งของ มิตร ชัยบัญชา มาเล่น ตั้งชื่อว่า ชัช ชัยบัญชา
แม้จะมีเพลงประกอบถึงยี่สิบเพลง เช่น มนต์รักจากใจ รักเดือน ขอใจดอกฟ้า มอบใจดอกฟ้า ลานรักลั่นทม ฯลฯ แต่หนังไม่ดัง
นอกจาก บรรจบ เจริญพร แล้ว เรื่องนี้ก็มีนักร้องลูกทุ่งหลายคนร่วมด้วย เช่น ศรีไพร ใจพระ บุปผา สายชล ศรคีรี ศรีประจวบ บรรจบ เจริญพร ไพรวัลย์ ลูกเพชร รุ่งระวี หนองแค
ชื่อ รุ่งระวี หนองแค อาจไม่คุ้นหูเราเหมือนคนอื่น เขาเป็นนักร้องรุ่นเก่า ชาวสระบุรี
หน้าตาดี จึงได้เล่นหนังหลายเรื่อง เช่น เจ้าสาว ไอ้แดง
เขาถูกวางตัวให้มีบทใน มนต์รักลูกทุ่ง เพื่อร้องเพลง น้ำลงนกร้อง แต่ป่วยเสียก่อน บทนั้นจึงตกเป็นของ พรไพร เพชรดำเนิน
รุ่งระวี หนองแค เข้าสู่วงการโดยการประกวดเพลง ได้รางวัลที่ 1 จากการประกวดร้องเพลงที่สถานีวิทยุเสียงสามยอด ต่อมาไปสมัครเป็นนักร้องในวงรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทอง แต่ไม่ได้เกิด ก็ชวน ประสพโชค มีลาภ ออกมาตั้งวงดนตรีสุรพัฒน์
เพลงแรกที่บันทึกเสียงคือ มาแต่งงานกันไหม
รุ่งระวี หนองแค อยู่กับวงสุรพัฒน์จนวันเลิกวง แล้วไปอยู่กับวงอื่นๆ เช่น ศรคีรี ศรีประจวบ สุริยา ชินพันธ์
นักร้องอีกคนหนึ่งที่เล่นหนังบ่อยคือ เพลิน พรหมแดน เพราะหน้าตาดีระดับเป็นพระเอกได้
เพลิน พรหมแดน ได้เล่นหนังของ ฉลอง ภักดีวิจิตร เรื่อง แค้นไอ้เพลิน เป็นพระเอก
สำหรับนักร้องหญิง พุ่มพวง ดวงจันทร์ น่าจะเป็นนักร้องที่ได้เล่นมากเรื่องที่สุด คือ 27 เรื่อง เริ่มที่ สงครามเพลง ในปี พ.ศ. 2526 ไปจนถึงเรื่องสุดท้าย เธอของเรา ของเขา หรือของใคร ในปี 2536
เพลงลูกทุ่งกับภาพยนตร์แยกกันไม่ได้ เพราะเมื่อนักร้องดัง ก็มักถูกดึงตัวไปเล่นหนัง เพราะความดังเป็นแม่เหล็กที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง
โฆษณา