30 ธ.ค. 2023 เวลา 00:00 • ดนตรี เพลง

เกร็ดเรื่องเพลงลูกทุ่ง โดย วินทร์ เลียววาริณ │ บุปผาสวรรค์ 18

ชีวิตต้องสู้
นักร้องหลายคนต้องทำงานหนักสองเท่าจึงจะเป็นนักร้อง เพราะเกิดมายากจน ต้องทำงานหนักเลี้ยงชีพ
คนที่ทำงานหนักทั้งวัน ย่อมมีโอกาสไปฝึกฝนร้องเพลงน้อยกว่า มิพักเอ่ยถึงการก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องดัง ดังนั้นโอกาสที่คนยากจนทำงานทั้งวันยันค่ำจะก้าวขึ้นเป็นนักร้องดัง จึงยากเย็น
แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งทำได้
ศรเพชร ศรสุพรรณ เป็นคนหนึ่งที่พื้นเพเป็นคนยากจน
ชื่อจริง บุญทัน คล้ายละมั่ง ชาวสุพรรณบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ต้องออกจากโรงเรียนมาทำงาน
เริ่มต้นวงการโดยเป็นนักร้องเชียร์รำวงของ ดำ แดนสุพรรณ มีโอกาสรู้จัก โผผิน พรสุพรรณ นักร้องเชียร์รำวงอีกคนหนึ่ง ต่อมาโผผินแต่งเพลงให้ศรเพชรหลายเพลง เพลงที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากคือ ข้าวไม่มีขาย
พี่เป็นคนจน จึงต้องจำทน ทำงานเหนื่อยแรง เหมือนดังกรรมบันดาล นงคราญ โอ๊ย.. ก็แกล้ง เรียกสินสอดเสียแพง ให้พี่แต่ง โอ๊ย.. เงินไม่มี
ศรเพชร ศรสุพรรณ
ไร่นาที่ทำ เวรกรรม โอ๊ย.. ก็แกล้ง บังเกิดความแห้งแล้ง แห้งแล้งไปเสียทั้งปี
แหงนมองดูฟ้า ก้มหน้ามองดินอีกที พี่ยากจนเช่นนี้ ยากจนเช่นนี้ จะรักพี่ได้ไหม
เพลงนี้ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่นเสาอากาศทองคำ จากสถานีวิทยุเสียงสามยอด ในปี 2518
ศรเพชรเป็นนักร้องเสียงดี มีลูกคอสะเด็ดเป็นเอกลักษณ์
เพลงที่สร้างชื่อ เช่น หยิกแกมหยอก เข้าเวรรอ มอเตอร์ไซค์ทำหล่น ไอ้หวังตายแน่ อภัยให้เรียม เสียน้ำตาที่คาเฟ่ รักมาห้าปี ฯลฯ
เสียน้ำตาที่คาเฟ่ มาวันหนึ่ง ฉันบึ่งเข้าห้องอาหาร เพื่อรับเธอกลับบ้าน วันนั้นฉันจึงได้เจอ มีแขกใจใหญ่ คล้องมาลัยให้เธอ สุดท้ายเล่าเออ เธอหลงเห่อตามเขาไป
นักร้องอีกคนหนึ่งที่ต้องทำงานหนักแต่เด็กคือ ไมค์ ภิรมย์พร
ชื่อจริง พรภิรมย์ พินทะปะกัง เป็นชาวอุดรธานี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น บ้านฐานะยากจน จึงต้องทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่เป็นกรรมกรก่อสร้าง ยาม เด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ไปจนถึงเด็กขนเครื่องดนตรีให้วง ใหม่ เจริญปุระ
ไมค์ ภิรมย์พร (ภาพจาก โพสต์ ทูเดย์)
ต่อมาเขาทำเพลงตัวอย่างไปเสนอค่ายเพลง ในที่สุดเขาก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรกชื่อ คันหลังก็ลาว เมื่อปี 2538 แต่ยังไม่ได้เกิดเต็มตัว จนออกชุด ยาใจคนจน ในปี 2541 ทำยอดขายเกินล้านตลับ ทำให้ก้าวขึ้นมาแถวหน้า
เพลงดัง เช่น ละครชีวิต เหนื่อยไหมคนดี ยาใจคนจน ขายแรงแต่งนาง ผ้าขาวบนบ่าซ้าย ฯลฯ
นักร้องอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากแต่เด็กคือ เอกชัย ศรีวิชัย ชาวอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ชีวิตในวัยเด็กลำบาก ทำงานรับจ้างทำนา กรีดยาง ถางหญ้า ปลูกพริก เก็บข้าว เรียนแค่ชั้นประถม เพราะที่บ้านไม่มีเงินแม้แต่ชุดนักเรียน
1
เขาเข้าเมืองทำงานเป็นบ๋อยและภารโรง แต่รักดี เรียนต่อจนจบ ม.ศ. 5
แต่หัวใจยังอยู่กับเพลง เขาจึงเข้ากรุงเทพฯ เรียนหนังสือ และสมัครร้องเพลงตามผับ เขาไล่สมัครตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าซึ่งมีร้านอาหารมากมาย เดินสมัครมาจนรองเท้ากัด แต่ไม่มีใครรับ เพราะสมัยนั้นร้านอาหารนักร้องแค่สองคน ร้องลูกกรุงหนึ่งคน ร้องลูกทุ่งหนึ่งคน หดหู่จนเกือบคิดสั้น
เขาทำงานทุกอย่าง และร้องเพลงตามร้านอาหาร ส่งเสียตัวเองเรียนต่อในมหาวิทยาลัยรามคำแหง จนจบปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต
1
ปี 2527 ขณะที่ร้องเพลงในคาเฟ่ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ชวนชัย ฉิมพะวงศ์ ครูเพลงได้ยินเสียงร้องของเขา จึงชวนไปบันทึกเสียง ได้อัดเสียงสองครั้ง เพลงแรกคือ แกงรสใหม่ อัดเสร็จแล้วจึงนำไปเสนอนายห้าง ห้างนั้นรับได้เจ็ดวัน ก็ล้มละลาย
หลังจากนั้นก็อัดเพลงใหม่ชื่อ พี่นี้มีแต่ให้ ไปเสนออีกบริษัทหนึ่ง ใช้ชื่อ เอกชัย ฉิมพะวงศ์ เพลงดัง แต่ยังไม่ได้เกิดเต็มตัว
เขาเปลี่ยนชื่อมาเป็น เอกชัย ศรีวิชัย ใช้ชีวิตหลายปีเดินสายไปกับนักร้องอื่นๆ เช่น จันทรา ธีรวรรณ อาภาพร นครสวรรค์ ยิ่งยง ยอดบัวงาม เด่นชัย สายสุพรรณ
เขาก็ยังไม่ได้เกิดเต็มตัว จนกระทั่งปี 2537 นำเพลงพื้นบ้านแนวเพลงฉ่อย-เพลงอีแซว มาทำเป็นเพลง หมากัด ในผลงานชื่อชุดลายไทย ทำให้เอกชัยเขามีชื่อเสียง จึงตั้งวงศรีวิชัยโชว์
นอกจากนี้เขายังมีผลงานแสดงและกำกับภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง
นับว่ามาไกลจากชาติกำเนิดมาก
เอกราช สุวรรณภูมิ (ภาพจากมติชน)
เอกราช สุวรรณภูมิ ก็เป็นอีกคนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน
ชื่อจริง วรวิทย์ ศรีนนท์ เป็นชาวร้อยเอ็ด เรียนที่ขอนแก่น ตอนเรียนชั้น ม. 3 หนีบ้านเข้ามากรุงเทพฯ ตั้งใจไปหาพี่สาวที่อาศัยอยู่แถวถนนสุขุมวิท 22 แต่ไม่รู้จักทาง คืนแรกก็ต้องนอนใต้สะพานลอย โดนยุงกัดทั้งคืน
เมื่อพบพี่สาวแล้ว ก็ทำงาน โดยเข็นรถขนมปังสังขยาแถวสยาม สะพานควาย เก็บเงินซื้อวิทยุมาหนึ่งเครื่อง ฟังวิทยุไป ร้องเพลงคลอไป
1
เถ้าแก่ร้านได้ยิน ชมว่าเสียงดี บอกว่าน่าจะเป็นนักร้อง เขาตอบว่าไม่มีเงินสมัคร
เถ้าแก่คนนั้นมองเห็นแววเด็กหนุ่ม และมีเมตตา ให้เงินไปตัดสูทเพื่อใช้สวมเวลาร้องเพลงในสวนอาหาร
เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ต่อมาไปเข้าตาค่ายดนตรี และได้เกิด เป็นนักร้องในสังกัด นาม เอกราช สุวรรณภูมิ
เพลงที่เป็นที่รู้จัก เช่น กลับมาทำไม กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง
แต่ต่อมาเมื่อประสบความสำเร็จ ได้ไปเดินสายต่างประเทศ มีเงินมากมาย ก็ใช้จ่าย ทำธุรกิจผิดพลาด ชีวิตตกต่ำอีกครั้ง ต้องกลับไปทำนา แต่ก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง เปลี่ยนชื่อเป็น เอกราช หนองงูเห่า แล้วกลับมาร้องเพลงอีกรอบ
ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ขึ้นขึ้นลงลง ลงลงขึ้นขึ้น
สำหรับนักร้อง จีระพันธ์ วีระพงษ์ ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวยากจน แต่ครอบครัวถูกโกงจนหมดตัว เขาต้องออกจากโรงเรียนขณะเรียนชั้นประถม มาหางานหาเงินช่วยครอบครัว ทำงานสารพัด เป็นเด็กขายขนมปัง เด็กเสิร์ฟ และกระเป๋ารถเมล์
แม้จะทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ แต่ความฝันของเขาไปไกลกว่านั้น เขาอยากเป็นนักร้อง เขาไปประกวดร้องเพลง แต่ฟ้าก็ไม่เปิด
จีระพันธ์ วีระพงษ์
จนกระทั่งเขาไปสมัครอยู่กับวงบรรจบ เจริญพร เขาจึงได้พบกับ ฉลอง ภู่สว่าง นักแต่งเพลงประจำวง
ฟ้าเปิดเมื่อ ฉลอง ภู่สว่าง แต่งเพลงให้เขาไปบันทึกเสียงจำนวนห้าเพลง เช่น เพลง คุณนายใจบุญ
จีระพันธ์ วีระพงษ์ ก็ได้เกิดในวงการในที่สุด พิสูจน์ว่าเมื่อเดินตามความฝันจริงๆ ก็ไปถึงปลายทางได้
นักร้องยากจนที่ชีวิตมีสีสันคนหนึ่งเป็นพ่อครัวที่อยากเป็นนักร้อง
เขาเรียนจบ ป. 4 อายุสิบห้า หิ้วกระเป๋าเข้ากรุง ไปหางานทำ เขาไปหาน้าสาว น้าสาวพาไปฝากงานที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ถนนสุขุมวิท หน้าที่คือล้างจาน
หลังจากล้างจานอยู่สามปี ก็เลื่อนขึ้นมาเป็นพ่อครัวอาหารฝรั่ง เป็นพ่อครัวอยู่สิบปี และกลายเป็นพนักงานประจำของโรงแรม
ช่วงที่เป็นเด็กล้างจาน เขามักไปร้องเพลงประกวดตามเวทีต่างๆ โดยลาหยุดไปร้องเพลง แรกๆ เขาไม่ได้รับรางวัล จนถึงปี 2521 เขาได้เป็นพ่อครัวแล้ว เขาไปประกวดร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ขยะสังคม แสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์โดยสายัณห์ สัญญา
1
วันนั้นเมื่อร้องชนะ ผู้ร่วมประกวดคนหนึ่งซึ่งอยู่ในวงดนตรี ชักชวนไปหาครูเพลงตาบอดผู้เคยแต่งเพลงให้นักร้องดังหลายคน เช่น ชาย เมืองสิงห์
1
นี่คือชีวิตจริงของ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ชื่อจริงคือ เฉลียว ไกอ่ำ เป็นชาวนครราชสีมา ครอบครัวฐานะยากจน พ่อแม่แยกทางกัน เรียนจบแค่ประถมศึกษาปีที่ 4 แต่ฉายแววนักร้องแต่เด็ก ร้องเพลงประกวดตั้งแต่อยู่ชั้น ป. 2
1
เมื่อพบครูสัมฤทธิ์ เขาตกลงซื้อเพลงที่ครูแต่งสองเพลง เพลงละ 600 บาท ครูก็แต่งเพิ่มอีกสองเพลง อาทิตย์ต่อมาครูก็พาลูกศิษย์คนใหม่ไปเข้าห้องอัดเสียง ค่าห้องอัด 200 บาท ค่าดนตรี 600 ใช้ชื่อนักร้องว่า เฉลียว แต่ในตอนอัดเพลง แห่ขันหมาก เนื้อเพลงตอนหนึ่งว่า ส่วนเราคนจน รถยนต์ไม่มีจะขี่ ครูก็เปลี่ยนเนื้อเพลงตรงนั้นเลยว่า ส่วน แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ไม่มีรถขี่
เป็นที่มาของชื่อนักร้อง
แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ โด่งดังชั่วข้ามคืนเหมือนฟ้าผ่า เป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยแฟนเพลงลูกทุ่ง ทุกวันมีจดหมายจากทั่วประเทศเขียนถึงเขาที่โรงแรม มีคนมาสัมภาษณ์ ให้ที่อยู่โรงแรม นิตยสารโลกดารา ดาราเสียงทอง ดารานักร้อง มาถ่ายทำหน้าโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ที่เขาทำงานอยู่
ในที่สุดนายทุนเพลงลูกทุ่ง หมอเอื้อ อารีย์ ก็ขอพบตัว แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ นัดเจอกันที่ ปตอ. สถานที่จัดรายการวิทยุ
เมื่อครูสัมฤทธิ์แนะนำตัวศิษย์ว่า นี่คือแสงสุรีย์ หมอเอื้อก็อุทานว่า นักร้องหุ่นเหมือนนักมวย
หมอเอื้อ อารีย์ วางแผนอาชีพนักร้องของเขา เริ่มที่หกเพลง โดยครูสัมฤทธิ์แต่งเพลงให้อีกสี่เพลง ก็เดินสายด้วยเพลงหกเพลงนี้ ได้รับความนิยมจากคนทั้งประเทศ คือ หิ้วกระเป๋า ดอนประดู่ แฟนเราเขาดัง แฟนจ๋าอยู่ไหน หนาวนอกร้อนใน คิดดูให้ดี
หลังจากนั้น แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ก็ไปขอลาออกจากตำแหน่งพ่อครัว เขาไม่ให้ออกเพราะเป็นพนักงานดีเด่น แต่วันสุดท้ายก็ต้องไป เพราะเริ่มมีคิวแสดงแล้ว แล้วจะต้องไปแสดงที่อำเภอท่าแซะ ชุมพร
ในการแสดงครั้งแรก เขารู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อแตก เพราะไม่เคยคาดว่ามีผู้ชมมาเป็นพัน เขายิ่งตกใจเมื่อเก็บค่าชมได้เป็นแสนบาท จากเพียงแปดเพลงที่เขาร้อง
วงดนตรี แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ก็ถือกำเนิด ออกเดินสายไปทั่วช่วงปี 2521 - 2524 เขาอัดเพลงใหม่มาเพิ่ม ได้แก่เพลง จับตัวตีตราจอง และ รักสาวเสื้อลาย
ที่มาของเพลง รักสาวเสื้อลาย คือวันหนึ่งครูสัมฤทธิ์ถามเขาว่าการแสดงดนตรีเป็นอย่างไร เขาตอบว่ามีคนใส่เสื้อลายมาดูกันเยอะ ครูเพลงเกิดไอเดียทันที แต่งเป็น รักสาวเสื้อลาย
เนื้อเพลงคือ น้องใส่เสื้อลาย ไฉไลจริงหนอโฉมยง จมูกน้องนางก็โด่ง คิ้วโค้งเหมือนวงรูปเคียว สาวใดว่าสวย สวยก็ยังไม่ถึงครึ่งเสี้ยว ใส่เสื้อดอกลายสีเขียว สวยนักเชียว ติดตรึงซึ้งใจ
หลังจากออกเพลงนี้ เวลาวงดนตรีไปแสดงที่ไหน ก็จะมีแมวมองมองหาผู้หญิงใส่เสื้อลายที่หน้าตาดี ให้ขึ้นมารับทองคำ 1 บาท ตอนนั้นทองบาทละ 2,500 บาท
เพลงของ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ส่วนใหญ่เป็นผลงานของครูสัมฤทธิ์ รุ่งโรจน์ ในบรรดาเพลงทั้งหมด เพลง หิ้วกระเป๋า ดังที่สุด
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านเก่า ดินแดนที่เราเกิดมา กุศลไม่พอ ขอไปตายเอาดาบหน้า ตายเสียอย่างนกกา ช่างมันเถิดหนาชาตินี้ อีกสามวันขันหมากเขามา กลัวน้ำตานองหน้า อยู่ไปเห็นท่าไม่ดี ตัดใจอำลาแล้วแก้วตาแฟนพี่ วิวาห์เสียเถิดคนดี ลืมพี่เถิดนะ หน้ามน...
เป็นเพลงทำนองไพเราะ สมัยผมเป็นวัยรุ่น เพลง หิ้วกระเป๋า ดังมากๆ
ในยุคทองของเขา วงแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ เก็บเงินค่าผ่านประตูได้ล้านบาท ราคาค่าตั๋ว 20 บาท งานแสดงเย็น แต่มีคนมารอตั้งแต่บ่ายสาม
หลังจากนั้นก็หมดยุค เขายังคงร้องเพลง แต่ความนิยมก็ซาลงไปตามสัจธรรมโลก
แต่ชีวิตนักร้องลูกทุ่งไทยมีขึ้นก็มีลง สุขภาพเสื่อมลง บวกกับหนี้สินจากธุรกิจที่ล้มเหลว ครอบครัวแตกแยก
ตลอดชีวิตของ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ เขากตัญญู ตอบแทนครูสัมฤทธิ์เสมอ เพราะถือเป็นบุญคุณครู ที่แต่งเพลง สอนเทคนิคทุกอย่างเกี่ยวกับการร้องเพลง
ดังนั้นในช่วงที่เขาป่วย แฟนเพลงก็เรี่ยไรเงินเป็นค่ารักษาราวสี่หมื่นบาท เพื่อตอบแทนเช่นกัน
แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ (ไม่ทราบผู้ถ่าย)
โฆษณา