Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธเนศเล่าขาน "ทานทางปัญญา"
•
ติดตาม
8 มิ.ย. 2023 เวลา 12:48 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 20 ผู้ร้ายกลับใจ
เย็นวันหนึ่งหลังโรงเรียนเลิก นิพาดากำลังจะเดินกลับบ้านพักครูพร้อมธรรศ นักเรียนคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งรอพบเธอที่ใต้ต้นไม้หน้าโรงเรียน เธอสงสัยเหมือนกันว่าเป็นใคร กลางวันแสกๆคนตั้งเยอะแยะคงไม่ใช่โจรหรอก เธอกับธรรศเดินไปยังจุดตามที่นักเรียนแจ้งมา
มองไปแต่ไกลเห็นชายคนหนึ่งนั่งก้มหน้าอยู่คนเดียว พอเดินใกล้เข้าไป ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น นิพาดาอุทาน
"ชัชพงศ์..."
เธอฉุดแขนธรรศให้หยุดไม่กล้าเข้าไปใกล้ ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาดีหรือร้าย ชัชพงศ์ตอนนี้ดูสารรูปทรุดโทรมลงไปมาก ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่มีเค้าของหนุ่มสังคมที่เคยกร่างทุกอิริยาบถมาก่อน
ชัชพงศ์ยิ้มให้อย่างเจื่อนๆ พร้อมกล่าวด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ และแหบเครือ
"หวัดดีครับ … ขออภัยที่มารบกวน … ผมมาดีครับ"
นิพาดาเริ่มวางใจมากขึ้น ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้
"ไปยังไงมายังไง ถึงมาที่นี่ได้" นิพาดาถามนำ
"ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ เดี๋ยวก็ไปแล้ว" เขาพูดด้วยสุ้มเสียงวิงวอน และชี้ให้นิพาดากับธรรศนั่งที่ม้านั่งหินฝั่งตรงข้าม
นิพาดาทรุดกายลงนั่งอย่างว่าง่าย ธรรศยังยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆอย่างไม่วางใจ แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก ชัชพงศ์หันไปทางธรรศค้อมศีรษะเล็กน้อย
"ผมขอโทษในทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับคุณ และขอบคุณที่ไม่แจ้งความเอาผิดผม " เป็นประโยคแรกในการเริ่มสนทนาของชัชพงศ์ ดูสุ้มเสียงอ่อนโยน รู้สึกได้ถึงความจริงใจ ธรรศพยักหน้าและกล่าว
"ไม่เป็นไร ผมลืมไปแล้ว" และยังคงยืนอยู่ด้านหลังนิพาดาต่อไป นิพาดาเริ่มถาม
"มีธุระอะไรที่มาถึงที่นี่"
ชัชพงศ์เริ่มเล่าถึงเคราะห์กรรมที่ตนประสบช่วงสามปีที่ผ่านมาให้ฟังอย่างคนท้อแท้ชีวิต และไม่อาย ได้ความว่า หลังตนเองและพวกไปลอบทำร้ายธรรศ ก็หนีตำรวจไปต่างจังหวัดระยะหนึ่ง ต่อมาทราบว่าทางธรรศไม่แจ้งความเอาผิด พอเรื่องซาๆไปก็กลับบ้าน มาช่วยพ่อทำธุรกิจ
แต่ต่อมาไม่นานพ่อถูกตำรวจจับข้อหาทำธุรกิจการค้าผิดกฏหมาย พ่อติดคุก ชัชพงศ์ก็พลอยถูกควบคุมตัวในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด ชัชพงศ์ติดคุกไม่นานก็ถูกปล่อยตัว แต่พ่อที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ยังคงติดคุกต่อไปไม่นานพ่อก็เสียชีวิตในคุก ธุรกิจถึงขั้นล้มละลาย แม่เสียอกเสียใจ ล้มป่วยลงและเสียชีวิตตามพ่อไปอีกคน เหลือเขาที่เป็นลูกคนเดียว ไม่สามารถกู้ธุรกิจให้ฟื้นคืนได้ แถมถูกธนาคารที่พ่อไปกู้เงินมายึดบ้านที่ดินและทรัพย์สินที่เหลืออยู่ไปทั้งหมด
เขาจึงไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนที่เขาเคยช่วยเหลือมา อยู่ได้ไม่นานเพื่อนก็แสดงท่าทีรังเกียจ จึงไปหาเพื่อนคนอื่น แต่ก็ถูกรังเกียจทุกคน เงินที่พอมีติดตัวก็ร่อยหรอลง เพิ่งรู้สึกสำนึกตัวว่านี่คงเป็นกรรมที่ทำตัวเกเรและทำอะไรไม่ดีไว้เยอะ คนที่เพิ่งพ้นโทษมาไม่นานและมีความรู้งูๆปลาๆไปสมัครทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ
พอดีทราบข่าวว่านิพาดากับธรรศมาเป็นครูที่นี่ จึงมาหา ไม่คิดมารบกวนอะไรหรอก เพียงอยากมาขอโทษที่ทำความไม่ดีไว้ บางทีอาจช่วยให้กรรมที่สร้างไว้เบาบางลงได้บ้าง แล้วเดี๋ยวก็จะลาไปลองหางานทำในต่างจังหวัด เผื่อจะได้งานทำ ตั้งเนื้อตั้งตัวได้บ้าง
นิพาดากับธรรศรู้สึกเศร้าใจไปกับเคราะห์กรรมในชีวิตของชัชพงศ์อย่างยิ่ง ความรู้สึกที่ไม่ดีในตัวเขามลายไปสิ้น มีแต่ความสงสาร เห็นใจ และอยากจะหาทางช่วยเหลือเขาเข้ามาแทน ได้เห็นความจริงแท้เรื่องกฏแห่งกรรมและกฏไตรลักษณ์อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่พูดอะไรให้ชัชพงศ์เสียใจมากไปกว่านี้
ธรรศเองรู้สึกไม่สบายใจว่า พ่อของเขาจะมีส่วนทำให้พ่อของชัชพงศ์ต้องถูกจับและครอบครัวล้มละลายในครั้งนี้หรือไม่ จึงถามชัชพงศ์ที่พ่อเขาถูกจับว่ามีใครชี้เบาะแสหรือแก้แค้นอะไรหรือไม่ ก็ได้ความว่า พ่อเขาถูกตำรวจติดตามมานานแล้ว ไม่มีใครแจ้งตำรวจหรือชี้เบาะแสอะไรหรอก ทำให้ธรรศรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่ยังไงเขาจะต้องโทรถามพ่อให้ได้ว่าพ่อยังตามแก้แค้น ตามที่เคยลั่นวาจาหรือไม่ เพราะเขาไม่อยากให้เป็นเวรเป็นกรรมต้องตามไปชดใช้กันอีก
ธรรศกับพนิดาปรึกษากันว่าจะช่วยเหลือชัชพงศ์อย่างไรในตอนนี้ แล้วทั้งสองคนก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า
"หลวงพ่อ"
เป็นอันว่าเย็นวันนี้ ลูกเศรษฐีต้องไปขอกินข้าวก้นบาตรพระ และไปขอนอนที่วัดของหลวงพ่อไปพลางๆก่อน วันต่อมาชัชพงศ์ได้ทำหน้าที่ลูกศิษย์พระตอนออกบิณฑบาตร และช่วยเหลือกิจของสงฆ์ทุกอย่างที่หลวงพ่อใช้ อยู่รับใช้หลวงพ่อหลายวัน ได้รับกระแสความเมตตาจากหลวงพ่อ ได้มีโอกาสรับใช้กิจการพระพุทธศาสนา ร่วมสวดมนต์ไหว้พระ ปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจเขาเริ่มผ่อนคลาย ค่อยๆลืมความทุกข์ที่ผ่านมาไปบ้าง
นานวันเข้าชัชพงศ์ยิ่งได้ซึมซับธรรมะ มีความสุขที่ได้รับใช้ธรรมะมากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาเข้าไปกราบหลวงพ่อเพื่อขออุปสมบทในบวรพุทธศาสนา หลวงพ่อเห็นความตั้งใจจริงและเห็นว่าจะเป็นวิถีทางให้เขาได้พ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง จึงอนุญาตและรับเป็นพระอุปัชฌาย์และหาเจ้าภาพในการบวชให้
พระชัชพงศ์ในวันนี้ช่างต่างจากนายชัชพงศ์จอมเกเรในอดีตอย่างสิ้นเชิง บัดนี้ท่านกลายเป็นพระปฏิปทาที่รักษาศีลวัตรของสงฆ์อย่างเคร่งครัด หลังบวชได้ไม่นานหลวงพ่อก็ส่งไปอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน 10 วัน
หลังกลับจากอบรม พระชัชพงศ์มีความเพียรต่อการรักษาศีล ปฏิบัติสมาธิ และภาวนาวิปัสสนาอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อจึงให้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดูแลเรื่องการส่งชาวบ้านไปอบรมหลักสูตร 10 วัน และจะให้พระชัชพงศ์ไปร่วมปฏิบัติด้วยทุกครั้ง พร้อมทั้งดูแลเรื่องการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาร่วมกันเป็นกลุ่มที่วัดในวันอาทิตย์
-----------------------------
ข้อคิด
ธรรมะ
นิยาย
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย