25 มิ.ย. 2023 เวลา 16:07 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ญี่ปุ่น

รีวิววาย : Naked Dining ~Love, Life and Liberation (๋Japan-2023)

• แค่ชื่อเรื่องก็ดูตื่นเต้นซะแล้วใช่ไหมครับ!!! ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "Naked Dining" มันต้องมีอะไรสักอย่างแก้ผ้าแน่นอน ซึ่งก็จริงครับ เพราะแค่ ep. แรกที่ได้ดูก็พบว่ามันคือซีรีส์คอมเมดี้ฟีลกู๊ดที่น่าดูอีกเรื่อง แถมไม่พลาดกับฉากพระเอกแก้ผ้ากันตั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ตามชื่อเรื่องเลยครับ ตรึงตราตั้งแต่ตอนแรกที่ดูกันเลยทีเดียว
• และนี่คือความรู้สึกแรกที่มีกับซีรีส์เรื่องนี้ จนทำให้อยากติดตามต่อไปให้จบ เพราะอยากรู้ครับว่าเนื้อเรื่องมันจะดำเนินต่ออย่างไร ด้วยปมที่พระเอกชอบแก้ผ้าเวลากินอาหารที่ดูคร่าวๆแล้วไม่น่าจะมีประเด็นอะไรให้ยาวได้ถึง 12 ep. ได้ ซึ่งพอดูผ่านไปสัก 2-3 ep. ก็พอจะเข้าใจแล้วครับว่าจริงๆแล้วเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปนั้นไม่ได้มีเฉพาะพระเอกแก้ผ้าเท่านั้น มันมีทั้งเรื่องการทำอาหาร ความสัมพันธ์ของผู้คน เรื่องราวอดีตความหลังต่างๆ ที่ผูกร้อยเรื่องได้น่าสนใจค่อนข้างมีสไตล์และน่าติดตามเลยทีเดียว
• โซตะ หนุ่มออฟฟิตมาดเท่ห์ ที่ถือว่าเป็นเพอร์เฟคแมนคนหนึ่งในองค์กร จนเป็นที่ได้รับการยกย่องของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของเขาแบบที่ใครๆเห็นกันนั้น ไม่ได้เป็นเพอร์เฟคแมนแบบที่ใครๆคิด เขาแลกมาด้วยการทำงานอย่างหนักกว่าชาวบ้านชาวช่อง แอบมาทำล่วงเวลาในตอนดึกหลังจากที่คนอื่นๆกลับไป จนแทบไม่มีเวลาในการทำอย่างอื่นเลย แม้กระทั่งเรื่องความรักหรือชีวิตครอบครับ เพราะเขาแค่ต้องความสมบูรณ์แบบในการงานให้ทุกๆคนเห็นจนต้องแลกกับชีวิตส่วนตัว
• แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อเขากลับไปใช้ชีวิตส่วนตัวอันน้อยนิดของเขา มันเป็นสิ่งที่สร้างความสุขและปลดปล่อยทุกๆอย่างไปได้ นั่นก็คือการแก้ผ้าล่อนจ้อนกินอาหารมื้อสุดท้ายของวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่โซตะมีความสุขกับมันมากที่สุด เรียกได้ว่าแม้เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากมายแค่ไหน แต่เมื่อได้ถอดเสื้อผ้าหมดทุกชิ้นแล้วมานั่งกินแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมื้อก่อนนอน เท่านี้เขาก็ได้ปลดปล่อยความทุกข์ของวันนั้นหมดไปทันที ... ทว่าจะมีใครรู้หรือรับได้ไหมครับว่าโซตะคนเป๊ะเว่อร์แบบนี้จะมีความลับที่ไม่น่ามีใครเข้าใจแบบนี้
• จนวันหนึ่งก็มีจดหมายจากคุณยายของโซตะส่งมาที่โตเกียว มันคือจดหมายแบบ Time Capsule คือทางไปรษณีย์ไม่ได้ส่งให้ปลายทางในทันที แต่จะส่งให้ตามหลังเมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้วพอสมควร ในตัวจดหมายนั้นคุณยายของโซตะเขียนเอาไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้โซตะอ่าน พร้อมในซองจดหมายนั้นก็มีกุญแจของบ้านคุณยายใส่มาด้วย
• โซตะจึงตัดสินใจกลับไปบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเพื่อรำลึกถึงคุณยายที่จากไปและก็หวังว่าจะไปจัดระเบียบข้าวของต่างๆที่บ้านคุณยายเพราะน่าจะไม่มีใครดูแลเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ในตอนนั้นเองเขาได้พบเครื่องเทศจากหลากหลายประเทศเก็บอยู่ในบ้านคุณยายซึ่งเขาไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อมาก่อน พร้อมกันนั้นเขาก็ได้พบสมุดจดสูตรอาหารใหม่ๆจากทุกมุมโลกของคุณยาย จนโซตะสนใจอยากที่จะทำอาหารตามที่คุณยายเคยทำบ้าง
• แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจัดการกับข้าวของในบ้านอยู่ เขาก็ได้มีผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง นั่นคือชายที่มีชื่อมาฮิโระ พนักงานที่ร้านขายของชำ ซึ่งตอนแรกต่างคนต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นโจรแอบย่องเบาเข้ามาในบ้าน ก็เลยทำให้มีจังหวะต่อสู้ปลุกปล้ำกันเล็กน้อย แต่พอสืบเรื่องไปมาก็พบว่ามาฮิโระนั้นเป็นคนช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านหลังนี้หลังจากที่คุณยายเสียไป และก่อนหน้านั้นมาฮิโระก็เป็นคนที่ช่วยส่งวัตถุดิบทำอาหารและร่วมทำอาหารกับคุณยาย ในช่วงที่ขาของคุณยายเริ่มแย่ลงจนไม่ค่อยสะดวกที่จะออกไปไหน
• ก็หลังจากลำดับความสัมพันธ์กันเรียบร้อยแล้ว มาฮิโระก็เลยช่วยแนะนำโซตะทำอาหารเมนูที่ 1 ตามสมุดบันทึกของคุณยาย และแล้วโซตะก็ทำมันได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่เขาเป็นเป็นอย่างมาก และมีความกระตือรือล้นที่อยากจะทำอาหารตามบันทึกของคุณยายให้จบ เพราะว่าเขาได้ค้นพบสิ่งปรารถนาบางอย่างของคุณยายที่ทำไม่สำเร็จ เขาจึงตั้งใจจะสานต่อให้สำเร็จเอง
• แต่ทว่าเมื่อถึงตอนลงจะมือกินอาหารเมนูที่ 1 ..โซตะผู้ที่ไม่สามารถกินอาหารร่วมกับผู้อื่นได้ ก็ตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ว่ามาฮิโระกลับไปแล้วจริงๆ ... และแล้วเขาก็เปลื้องผ้าอย่างสนุกสนาน แต่ในขณะที่เขาทานอาหารมื้อแรกอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็ลืมตาขึ้นและพบว่า - มาฮิโระกลับมาแล้วและยืนอยู่ตรงหน้าเขา! ความลับที่โซตะพยายามปกปิดมาตลอดถูกเปิดเผยแล้ว!
• ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันนะครับ ที่ทำให้หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น โซตะเริ่มหาโอกาสใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์กับมาฮิโระ แม้ว่าระหว่างทางนั้นเค้าต้องหาข้ออ้างต่างๆมากลบเกลื่อนเรื่องความลับของเขา แต่ก็ดูเหมือนว่ามาฮิโระไม่ได้สนใจเรื่องที่เจอเลยสักนิด หรือแม้กระทั่งหาข้ออ้างต่างๆเพื่อแก้ปัญหากวนใจจากที่ทำงาน เพื่อจะได้มีเวลามาเจอกับมาฮิโระในช่วงสุดสัปดาห์ให้ได้
• จนในที่สุดการกลับมาทำอาหารตามบันทึกของคุณยายในวันสุดสัปดาห์ กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โซตะเฝ้ารอและมาฮิโระกลายเป็นทุกอย่างที่เขาคิดได้ นานเข้าโซตะจึงมีความรู้สึกสับสนในใจว่าเค้าต้องการมาทำอาหารหรือเค้าต้องการมาใช้ชีวิตแบบมีมาฮิโระเคียงข้างกันแน่ แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง โซตะจะแบ่งปันความรักในการเปลือยกายกินอาหารกับคนอื่นได้ไหม นั่นคืออีกความหนักใจจนเป็นที่มาของความรู้สึกสับสนในใจของมนุษย์ผู้ไม่มีประสบการร์เรื่องความรักมาก่อนอย่างโซตะ
• ขอเล่าย้อนกลับไปที่มาฮิโระบ้างครับ มาฮิโระเป็นเด็กหนุ่มลูกจ้างร้านขายของชำเล็กๆในเมืองนี้ โดยนอกจากจะเป็นพนักงานขายแล้ว เค้ายังทำหน้าที่เป็นคนส่งของเวลาที่ลูกค้าโทรสั่งเข้ามาทางโทรศัพท์ซึ่งหนึ่งในลูกค้าประจำของร้านเค้าก็คือคุณยายของโซตะนั่นเอง ซึ่งด้วยความที่เขาคลุกคลีกับวัตถุดิบการทำอาหารอยู่เป็นประจำ เขาเลยมีความสามารถพิเศษในการทำอาหารได้หลากหลายสไตล์ เขาจึงได้โอกาสเป็นผู้ช่วยคุณยายของโซตะในการทำอาหารอยู่เสมอ จึงทำให้มาฮิโระได้รับความไว้วางใจและรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก
• การพบกันครั้งแรกของมาฮิโระและโซตะ มันทำให้มาฮิโระรำลึกถึงความหลังอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นความหลังที่เขาอยากเก็บมันเอาไว้ตลอดชีวิต แต่เมื่อได้มีโอกาสได้เจอกับโซตะนั้น ความลับบางอย่างของมาฮิโระที่อยากเก็บเอาไว้คนเดียวก็หลุดลอดออกมานั่นก็คือ ..... ความเป็นจริงแล้วมาฮิโระและโซตะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันตั้งแต่สมัยมัธยม และความลับที่มาฮิโระขอเก็บเอาไว้ในใจตัวเองตลอดไปนั่นก็คือ "เขาชอบโซตะมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" มาฮิโระยอมรับตัวเองว่าเค้าชอบผู้ชายด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วครับ เขาแอบมองชื่นชมโซตะมาตลอด
• ด้วยความที่โซตะเป็นที่โดดเด่นในหมู่เพื่อนฝูง ส่วนมาฮิโระเองเป็นคนที่อยู่ในมุมเงียบๆ เขาจึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยความในใจนี้ให้กับใครรู้ จนมีเหตุที่ทำให้มาฮิโระต้องย้ายโรงเรียน ทุกอย่างก็จบลงด้วยการเก็บความลับนี้เอาไว้ในใจตลอดมา ส่วนโซตะเองแม้จะกลับมาเจอกับมาฮิโระอีกครั้งเค้าก็จำมาฮิโระไม่ได้ นั่นก็ผลเพียงพอแล้วที่เขาจะเก็บมันเอาไว้เหมือนเดิม
• แต่ทว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เขาทั้งคู่กลับมาทำอะไรด้วยกันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และความรู้สึกตุ่มๆต่อมๆของโซตะที่แสดงออกมาจนทำให้มาฮิโระรู้สึกได้ มันเลยทำให้วันนึงมาฮิโระก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ เขาได้แอบขโมยจูบโซตะในขณะที่เขางีบหลับ แต่ความจริงนั้นคือ "โซตะรู้สึกตัวแต่เค้าไม่แน่ใจ" ... และนั่นก็เป็นต้นเหตุของความดราม่าช่วงท้ายของเรื่องนี้ครับ เมื่อคนไม่ประสีประสากับความรักเลยอย่างโซตะ ต้องมารับมือกับความคิดมากซับซ้อนอย่างมาฮิโระ จะแก้ปมกันอย่างไร
• ท้ายที่สุดมาลุ้นกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไรครับ ความสัมพันธ์ระหว่างโซตะ-คุณยายและมาฮิโระ จะช่วยไขความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างไร และปมเรื่องแก้ผ้ากินอาหารจะมีนัยยะต่อตอนจบของเรื่องมากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็ไปลุ้นติดตามกัน
เนื้อเรื่อง
•ในส่วนของเนื้อเรื่อง อันที่จริงประเด็นที่พระเอกแก้ผ้ากินอาหารนั้นผมว่ามันน่าสนใจมากครับ พล็อตนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่ามันไม่ได้กลายมาเป็นประเด็นหลัก หรือสร้างความเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องเท่าที่ควรครับ ทั้งๆที่ชื่อเรื่องคือ Naked Dining มันก็เลยดูขัดๆสักเล็กน้อย
• และอีกส่วนคือช่วงกลางของเรื่องมันดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ครับ เหมือนเป็นซีรีส์ทำอาหารที่จบในตอน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประเด็นที่น่าสนใจนะครับ เพียงแต่ว่าตอนกลางเรื่องมันรู้สึกน่าเบื่อไปหน่อยเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้ามองความตื่นเต้นในช่วงต้นกับความเข้มข้นในตอนท้ายเรื่อง ทำให่ช่วงกลางๆมันดูดร็อปๆลงไป
• แต่ถ้าเรามองเป็นตอนๆโดยไม่ได้มองเป็นเรื่องราวเต็มๆทั้งการดำเนินเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้มันถูกร้อยเรียงเรื่องราวด้วยการทำอาหารกับเนื้อเรื่องในตอนนั้นๆ ความฉลาดก็คือ อาหารที่ทำตอนละ 1 เมนูนั้น มันสามารถอธิบายสิ่งที่อยากสื่อใน ep. นั้นๆออกมาได้ตามเมนูที่ทำ มันดูมีไอเดียและเชื่อมโยงดีครับ ผมว่ามันสร้าง Mood and Tone ในแต่ละตอนได้ดีเลย
• เช่น ep.แรกทำอาหารตูนิเซีย กินแล้วรู้สึกถึงสายลมแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่พัดเข้ามา ซึ่งถ้าพูดถึงเมดิเตอร์เรเนียน เราก็จะนึกถึงความสดใส ทะเล แก้ผ้าอาบแดด - พระเอกกับนายเอกของเราก็ถูกอะไรบางอย่างลิขิตพัดพาให้มาเจอกัน แถมจังหวะพัดมาช่างโบ๊ะบ๊ะมากคือ พัดให้นายเอกเรามาเจอพระเอกตอนแก้ผ้าพอดี หรืออาหารไทยเราก็มีนะครับ คือเมนูสุกี้น้ำ เป็น ep.ที่พระเอกบอกชอบนายเอก ซึ่งคำว่าสุกี้มันเป็นคำพ้องเสียงในภาษาญี่ปุ่นพอดีคือ " 好き=ชอบ"
โปรดักส์ชั่น
• งานโปรดักส์ชั่นก็ตามมาตราฐานครับ แต่ที่ผมว่าสิ่งที่เขาทำได้ดีเสมอสำหรับซีรีส์ญี่ปุ่นคือการเลือกโลเคชั่นในซีนชนบท อันนี้ชอบมากๆ ฉากพระเอกวิ่งๆในวิวสองขางทางเป็นทุ่งนาอันนี้ผมว่าสวยมาก ดูแล้วอยากไปเห็นสถานที่จริงมากๆ หรือการเซตฉากในตัวบ้านคุณยายของโซตะ โดยเฉพาะในห้องครัว ซึ่งเป็นฉากหลักในทุกๆ ep. อันนี้สวยงาม สะท้อนภาพบ้านญี่ปุ่นโบราณได้ดีมากๆ ผมว่าเค้าเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆเลยครับ
1
• เรื่องต่อไปขอพูดถึงบรรยากาศภาพและโทนสีของเรื่อง ผมว่าเอกลักษณ์ไปแล้วละครับสำหรับซีรีส์จากญี่ปุ่น ในแนวฟิลกู๊ด ที่มักจะออกมาในโทนที่อบอุ่นมากๆ เน้นที่ภาพของบ้าน ภาพครอบครัว ชนบทในโทนส้ม ที่แตกต่างจากภาพในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว อันนี้แหละที่ผมชอบมันสร้างความรู้สึกตามได้จริงๆครับ
นักแสดง
• ส่วนเรื่องนักแสดงพระเอกของเรา Kondo Shori อันนี้ส่วนตัวอีกแล้วครับ เค้าคือ Type ที่ผมปลื้มอีกแล้วครับ ดังนั้นการโฟกัสของเรื่องนี้ผมให้น้ำหนักที่พระเอกของเรามากเป็นพิเศษ 5555 ดังนั้นฉากแก้ผ้าต่างๆที่นับได้ไม่ต่ำกว่า 7-8 ครั้งนี้ อันนี้ตรึงตราเป็นที่สุด!!! ใครที่ชอบแนวคอมเมดี้แบบนู้ดๆนี้น่าจะชอบบทบาทของเค้าครับ
• อาจจะเป็นด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละครหรือเปล่าครับ มันก็เลยทำให้บทของโซตะ ตัวนักแสดงเลยสร้างบุคลิกออกจะแปลกๆไปสักหน่อยครับ ออกแนวตลกมีโอเวอร์แอคติ้งไปนิดหน่อยครับในช่วงเริ่มต้นของเรื่อง (ผมชอบน่ะเค้าเล่นได้น่ารักโบ๊ะบ๊ะดี) แต่พอเริ่มมีบทดราม่าในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง ผมว่าเขาทำได้ค่อนข้างดีเลยครับ ส่วนคนอื่นๆในเรื่องการแสดงนั้นผมว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะนายเอกของเรา (Goto Yutaro) เค้าแสดงออกทางสีหน้าได้ดีมากเลย จนเราเข้าใจความรู้สึกอึดอัดของตัวละครได้เลยว่าตัวมาฮิโระคิดอย่างไร
• แต่ถ้าพูดเรื่องเคมีของนักแสดงนำ อันนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ดร็อปที่สุดในส่วนของพาร์ทนักแสดง คือถ้าพูดแบบตรงๆคือผมว่าพ่อหนุ่มโซตะของเรายังไม่ "เมะ"เพียงพอในความคิดส่วนตัวของผมน่ะ ความเคมีเลยดูไม่ค่อยอินกันเท่าไหร่ครับ ซึ่งอาจจะด้วยคาแรกเตอร์ตามบทหรืออะไรก็ตาม ผมว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างขาดสำหรับซีรีส์เรื่องนี้
• บทสรุปของซีรีส์เรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็น Feel Good / Comedy อีกเรื่องหนึ่งที่ดูสนุกดีครับ ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แถมมีมุมที่น่าติดตามอยู่พอสมควร เช่นความลับของทั้งคู่ที่เป็นปมให้ติดตาม ความสัมพันธ์ในมิติต่างๆ แม้จะมีอืดๆบ้างในช่วงกลางเรื่อง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องของคนในครอบครัว ก็เป็นสิ่งที่ผมอินกับเรื่องนี้พอสมควรครับ ซึ่งถ้าใครดูแบบเก็บเกี่ยวแล้วคิดตาม ผมว่าน่าจะได้มุมดีๆในเรื่องนี้ไปพอสมควร
• เรื่องของรสนิยม ความชอบก็เป็นอีกเรื่องครับที่เรื่องนี้สะท้อนภาพออกมาให้เห็นว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ผิดประเพณี มันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในสังคมที่หลากหลายครับ ถ้ารสนิยมความชอบเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือนร้อน หรือทำให้สังคมภาพรวมวุ่นวาย เราก็ควรเคารพมันในฐานะที่หนึ่งในความเป็นส่วนตัวของคนๆนั้นซะมากกว่า ลองคิดดูครับคนๆหนึ่งที่ชอบอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปมองว่าผิดปกติ เค้าจะอึดอัดเพียงใดที่จะหาคนยอมรับหรือเข้าใจเค้าได้ ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ ....
• รวมถึงภาพ LGBTQ ในมุมมองที่อยากสะท้อนให้คนทั่วไปได้เข้าใจในความรู้สึกของคนที่เป็น LGBTQ อย่างเช่น เรื่องความรู้สึกของมาฮิโระที่มีต่อโซตะว่าจริงๆแล้วเค้ามีเงื่อนไขไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป แต่มันยากลำบากที่จะสื่อสารกับคนที่ไม่ได้อยู่ในกรอบความคิดแบบ LGBTQ แบบโซตะมาก่อน หรือเจ้าของร้านของชำที่อยากสะท้อนภาพของสังคมว่ายอมรับได้เรื่องนี้ได้มากแค่ไหน สุดท้ายก็พบว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของจารีตสังคมเป็นใหญ่กว่า คนที่เป็น LGBTQ จึงไม่พ้นที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการตัดสินด้วยสังคมจารีตอยู่ดี
• สุดท้ายก็อยากบอกว่าชื่นใจในงานญี่ปุ่นอีกแล้วครับ เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วสบายใจ ไม่ยัดเยียดอะไรจนเกินไป ทำให้ทุกครั้งที่ดูซีรีส์ญี่ปุ่นแล้วมีความสุขทุกครั้งเลย ...
ถ้าจะถามว่าผมจะแนะนำเรื่องนี้ไหมก็ขอบอกว่า "แนะนำครับ" ไม่เสียหายถ้าเข้าไปดู แต่ถ้าดูแล้วคาดหวังว่าจะต้องดีเลิศเพอร์เฟค ดูแล้วประทับใจไม่รู้ลืม อันนี้ต้องบอกว่ายังไม่ขนาดนั้นครับ ... แต่ที่ผมเลือกดูเพราะชื่อเรื่องและฉากพระเอกแก้ผ้าล้วนๆเลยครับ
Official Teaser | GagaOOLala
This dining table is a clothing-free zone!

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา