14 มิ.ย. 2023 เวลา 13:00 • บันเทิง

"Janry BNK48 ไอดอลผู้อยู่เหนือโชคชะตา"

หากพูดถึงคำว่า “โชคชะตา”
เชื่อเหลือเกินว่าเราย่อมนึกถึง
บางอย่างที่เหนือธรรมชาติ
ถูกเบื้องบนกำหนดขีดเขียน
โชคชะตาไว้เกือบหมดแล้ว
ว่าจะให้ทิศทางชีวิตเป็นไปยังไงบ้าง
บางอย่างที่มันดูจะอธิบายไม่ได้
แต่เขาสร้างและวางเอาไว้
ทำไมเราถึงเกิดมาเป็นเรา
มีลุค ตัวตน และนิสัยเฉพาะตัว
ได้มาเกิดและโตในครอบครัว
ที่มีองค์ประกอบต่างกันไปแบบนี้
ได้เจอเพื่อนดีและไม่ดี
ได้เจอน้องๆ เจอพี่ๆ เจอที่ทำงาน
เจอคนรักแล้วเป็นอันต้องพลัดพรากกันไป
หรือเจอใครบางคนเข้ามาเติมเต็ม
เป็นทั้งแฟน ทั้งเพื่อนคู่คิดที่ดีจนสุดทาง
มีเรื่องราว มีความฝันที่แตกต่าง
อยากจะก้าวเดินทำมันให้สำเร็จ
แต่ถ้ามองลึกลงไปในชีวิตจริง
โชคชะตาก็เป็นสิ่งที่เราสามารถ
เลือกกำหนดได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
อย่างเหล่าตัวเอกในนิยาย
ที่เผยความฝันออกมา
ว่าพวกเขาฝันอยากจะเป็นอะไร
“ความฝันของผมคือ
จะต้องเหนือกว่าโฮคาเงะ
และทำให้ทุกคนในหมู่บ้านยอมรับให้ได้!"
“ฉันคือคนที่จะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด!”
แค่ประโยคคลาสสิคเหล่านี้
ฟังหรืออ่านกี่ทีก็ยังตราตรึง
รู้สึกฮึกเหิมลุกโชนทุกครั้ง
แต่ถ้าฝันนั้นดูจะยิ่งมีพลัง
เมื่อมีการกำหนดกรอบเวลาเข้ามาด้วย
แบบที่พ่อหนุ่มหัวเกาลัด
เคยกร้าวไว้ประมาณว่า
“ภายใน 15 ปี ฉันจะกระชาก
ชางกาลงจากบัลลังก์ให้ได้!”
เฉกเช่นการที่ผมได้มาพบกับ
เด็กสาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเต็มเปี่ยม
ไปด้วยความเชื่อมั่นในฝัน
เหมือนตัวละครในนิยาย
ที่ออกมาให้เห็นในชีวิตจริง
“น้องเขาชื่อแจนรี่นะคะ
เขาบอกว่าจะเป็น BNK48 รุ่นที่ 4
นับแล้วว่าอายุจะถึงตอนรุ่นนี้พอดี”
ประโยคแห่งความทรงจำ
จากคลิปในตำนานเมื่อ 5 ปีก่อน
กับภาพของเด็กหญิงตัวน้อย
ที่เดินต๊อกแต๊กๆ ถือแก้วน้ำ เข้ากล้อง
มาพร้อมแววตาอันใสซื่อ
และรอยยิ้มเขินๆ แสนบริสุทธิ์
ยังคงตราตรึงก้องอยู่ไม่เคยเปลี่ยน
ใครจะไปคิดว่าในความเป็นเด็ก
ที่มักจะสดใส ไร้เดียงสา
เวลาพูดถึงความฝัน
เขาก็จะพูดจากมุมมอง
หรือกระแสอาชีพในสังคมตอนนั้น
โตขึ้นมามันย่อมเปลี่ยนแปลงได้
ตามช่วงวัย องค์ประกอบ
ปัจจัยที่เปลี่ยนไป
ไม่แปลกเลยถ้าตอนเด็กเราฝันอย่าง
พอโตมากลับได้เป็นอีกอย่าง
ยิ่งในห้วงเวลานั้นที่วง #BNK48
กำลังรุ่งเรือง กระหึ่มถึงขีดสุด
สร้างปรากฏการณ์อันแปลกใหม่
ที่วงการเพลงไทยและทุกคน
ยังไม่เคยเจอมาก่อน
กับกลุ่มไอดอลสาวผู้โดดเด่น
เป็น Soft Power และตัวอย่าง
คอยจุดประกาย ให้แรงบันดาลใจผู้คน
ด้วยพลังบวก สดใส น่ารักสุดๆ
จึงไม่แปลกใจที่จะมีเด็กสาวอีกจำนานมาก
อยากเจริญรอยตามพวกเธอไปด้วย
ใครที่ฟังคลิปในตอนนั้น
อาจจะเฉยๆ หรือมองเป็นสีสันก็ได้
แต่สำหรับแจนรี่
เธอหมายความตามนั้นจริงๆ
มีไฟฝันเอาไว้เต็มหัวใจ
แล้วเชื่อมั่นที่จะพูดมันออกไป
ว่าฉันจะทำให้ได้ในสักวัน
เพราะก่อนจะเดินเข้าฉากตอนนั้น
เธอเป็นคนชอบร้องเต้นแต่เด็ก
แกะท่าเต้นเองตั้งแต่อนุบาลมาก่อนแล้ว
ตัดภาพจากกล้องไป
ก็ยังคงเชื่อมั่นเต็มหัวใจอยู่
ก่อนจะทุ่มเท ลงมือทำให้มันเกิด
“ความฝันสูงสุดในอนาคตของหนูคือ
การได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
แล้วก็ทำตามความฝันของตัวเองได้ทุกอย่าง
ซึ่งการเป็นไอดอลก็เป็นหนึ่งใน
ความฝันของหนูเหมือนกันค่ะ ”
แจนรี่
ทำตามฝันได้อย่างที่เคยพูดไว้จริงๆ
รู้ตัวอีกทีก็เติบโตเป็นไอดอลสาวสวย
งามสะพรั่ง สูงยาว เข่าดี
เป็นท็อปเมมของรุ่น 4 ที่
สร้างปรากฏการณ์สนั่นโซเชียล
เมื่อเด็กน้อยในวันนั้นกลับมาล่าฝัน
ทำให้ทุกคนได้เห็นแล้ววันนี้
วันที่ใครต่อใครต่างพากันเรียกเธอว่า
“เด็กในคำทำนาย” “เด็กแห่งโชคชะตา”
หรือ “เด็กที่ถูกเลือก” เพราะทายชีวิตัวเอง
ตามอายุถึงเกณฑ์แล้วก็ทำได้จริงๆ
ได้รับเลือกมาเป็น @JanryBNK48 สมใจ
เรื่องราวชะตาฟ้าลิขิตเหล่านั้น
ยิ่งช่วยปลุกกระแสความนิยมเธอ
ให้พุ่งสูงเป็นเบอร์ต้นๆ ในรุ่น
มีแต่คนพูดถึงเป็นจำนวนมาก
และคาดกันว่าเพลงเดบิวต์
ตำแหน่งเซ็นเตอร์คงหนีไม่พ้น
ชื่อของแจนรี่เป็นแน่ๆ
ตอนนั้นสารภาพว่าผมแอบรู้สึก
หมดสนุกแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน
รู้สึกเหมือนสคริปต์ที่ฟ้าลิขิตไว้แล้ว
ความโดดเด่น เป็นตัวเองของเธอ
และความนิยมจากแฟนๆ ที่ขานรับ
มันเลยทำให้ทุกอย่างดูรู้คำตอบหมด
ยิ่งพอเป็นเช่นนั้นจริงๆ ยิ่งเบื่อ
เสพผลงานน้องๆ ไปตามเนื้อผ้า
เพื่อให้คุยกับทุกคนรู้เรื่อง
แต่เมื่อวันเวลาเริ่มเลยผ่าน
ยิ่งได้สัมผัสตัวตนกับผลงาน
ของแจนรี่มากขึ้นเท่าไหร่
ก็เหมือนดาวดวงน้อยที่ค่อยๆ
เข้ามาส่องประกายให้หัวใจ
ค่อยๆ แง้มบานออก
ไม่รู้เมื่อไหร่...ที่พอเธอไลฟ์ครั้งแรก
แล้วความรู้สึกบางอย่างบอกให้กดดู
ยิ่งเข้าไปยิ่งได้รับรู้ถึงความน่ารักแปลกๆ
นี่ไลฟ์แรก ทำไมดูคุยเก่ง เป็นธรรมชาติ
ยิ้มแย้ม เฮฮา คุยเล่นกับแฟนคลับได้ไหลลื่น
แจนรี่ในงาน Matsuri
ไม่รู้เมื่อไหร่...ใจที่เคยฝืนมาก่อน
ก็ค่อยๆ ผ่อนลงไปหมด
เดินเข้าบูธกลิ้งเท่านั้นที่น้อคเอเวอรี่ติง
อุดหนุนเครื่องดื่มกลุ่มเธอในงานมัตสึริ
ตอนแรกเข้าไปไม่ได้คิดไร เดินตัวปลิวออกมา
ทว่าก็ต้องหยุดลงเมื่อได้เห็นใครคนหนึ่ง
หยอดสายตาและน้ำเสียงหวานๆ
ทักมาว่า “อร่อยมั้ยคะ?”
วินาทีนั้นหัวใจมันแทบทรุด
เวลาทุก Multiverse เหมือนหยุด
ตรึงตาตึงใจไปหมด อะไรกันเนี่ย
ตอนแรกนึกว่าเป็นสาวหมวยตัวเล็กๆ
ทำไมตัวจริงสวยและสูงขนาดนี้
รู้ตัวอีกทีถ้อยคำมากมาย
ก็พรั่งพรูเข้ามาในภวังค์
“กัลยา” งามอ่อนซ้อน สุขฤทัย
“รัตน์” เลิศเพริศอำไพ ผ่องฟ้า
“ปั้น” ปรุงแต่งแสงไสว สุกสว่าง
“พิพัฒน์” จรัสแจ่มจ้า แหล่งหล้าโลกชม
หวานกว่าไอติม ก็รอยยิ้มเธอจริงๆ
ไม่รู้ว่าผมควรทำตัวยังไง ได้แต่บอกออกไปว่า
“อ่ะเอ่อ…อร่อยครับ ปะๆ เป็นกำลังใจให้น้า”
เธอก็ขอบคุณค่าา โบกมือกลับมา
ให้พลังบวกแบบลืมทุกอย่าง
ไม่รู้เมื่อไหร่...ที่เริ่มจะเก็บรายละเอียด
จากผลงานเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างการเป็นเซ็นเตอร์คนแรกของรุ่น
ก็พอคาดเดาเอาไว้แล้ว
แต่อ้าวเฮ้ย! ซิง 13 “Iiwake Maybe”
ได้เป็นฟร้อนท์เมมเคียงข้างพี่ฟ้อนด์
เฉิดฉายเปล่งประกาย ร้องเต้นเนียนตา
ไม่แพ้บรรดารุ่นพี่เลยหรอวะเนี่ย
เด็กคนนี้ต้องมีอะไรที่ดีจริงแน่ๆ
ยังอีก...มางานจับมือแล้วยังไม่เข้าไปอีก
บัตรหมดแล้ว แทบจะเตรียมตัว
พาใจกลับบ้านแล้วทุกขณะ
แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่อีกที่ธาตุไฟแตก
ออกไปเทรดโซนซื้อบัตรเพิ่ม
มาหาเธอให้ใจมันได้รู้
ว่าจะใช่หรือไม่?
เพียงแค่เดินเข้าเลนไป
เด็กสาวก็ยิ้มแย้มเหมือนวันนั้น
พร้อมกับยกมือไหว้สวัสดีผม
ตอนนั้นยิ่งรู้สึกใจบางไปหมด
เพราะส่วนตัวแพ้คนมือไม้อ่อน
รู้สึกเอ็นดูเหมือนมีน้องสาว
เพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกคน
ผม: ดีค้าบ มาจากเพจ Side Stories น้า
แจนรี่: เอ๋ คุ้นๆ นะคะ (ครุ่นคิด)
ผม: เคยเขียนบทความถึงเราและเพลงวันใหม่
แจนรี่: OMG! พี่เก่งมากกก
ผม: งื้ออ ขอบคุณนะครับ เราก็เก่งเหมือนกัน
แจนรี่(เหล่): รู้มั้ย พี่แต่งตัวเท่มากนะ
ผมสตั๊นไป 1 วินาทีครึ่ง
เพราะตั้งแต่ตามวงมาหลายปี
แต่งตัวจัดเต็มมากี่รอบ
ก็ยังไม่เคยเจอโมเมนต์นี้มาก่อน
ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดหวังนะครับ
แค่แต่งพอได้มาสักพักแล้วขี้เกียจ
ใส่ชิลๆ ไปละกัน เน้นเจอน้องๆ พอ
มีวันนั้นแต่งแบบลองเปลี่ยนสไตล์ดู
ไม่ว่าน้องจะชมตามมารยาทหรือจริง
ก็โคตรมีความหมายกับผมมากๆ เลย
เป็นแรงบันดาลใจให้อยากแต่งตัวดี
ในทุกๆ วัน ทุกโอกาสที่มี
และอยากจะใช้ความสามารถทั้งหมด
ช่วยซัพพอร์ต ส่งต่อความเจ๋งของเด็กคนนี้
ให้โลกได้รับรู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
รู้สึกผิดจริงๆ ที่เคยสบประมาท
เกือบพลาดสิ่งดีๆ คนดีๆ
ไปอย่างน่าเสียดายที่สุด
จุดนี้ไม่ว่าคุณจะโอชิเธอรึเปล่า
ก็อยากขอวอนให้ลองเปิดโอกาส
หลับตาแล้วเปิดใจ เอื้อมมือออกไป
โอบรับแสงดาวที่พร่างพราวส่องประกาย
พร้อมดื่มด่ำกับเรื่องราวระหว่างทางมากมาย
แล้วจะรับรู้ได้ถึงตัวตนข้างในที่แท้จริงของเธอ
แบบที่ผมได้รักและรู้สึกเต็มทรวง
“แจ่นแจนแจนแจ๊น!!
เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณโปรดทราบ
ขณะนี้คุณได้เข้ามายืนในหัวใจของแจนรี่แล้ว
เพราะฉะนั้นห้ามหนีไปไหนนะคะ
ถึงแจนรี่จะดูมึนๆ ซนๆ
แต่จะทำให้ทุกคนตกหลุมรักได้มั้ยค้าา?”
.
.
.
1. พลังที่อยู่เหนือโชคชะตา
- แม้ทุกคนยกให้แจนรี่เป็นเด็กในคำทำนาย เป็นชะตาลิขิตฟ้าเขียนไว้แล้วจากการที่ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด สวย เก่ง ครบเครื่อง มีออร่าและคุณสมบัติความเป็นไอดอลแทบทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างคงไม่อาจเกิดขึ้น ถ้าเธอไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาฝึกฝน ต่อยอด ทำอย่างให้ตัวเองพร้อมที่สุดสำหรับการเป็นรุ่น 4
ชวนให้นึกถึง “พัคแซรอย” ตัวเอกใน Itaewon Class ที่วางแผนปิดบัญชีแค้นระยะยาว 15 ปี ก็ไม่ได้คิดแล้วพูดเอาเท่ แต่ลงมือทำอย่างมุ่งมั่น แน่วแน่ โดยวางแผนทุกขั้นมาอย่างละเอียดและทำให้มันต่อเนื่อง คิดไว้แล้วว่าแต่ละช่วงปีจะทำอะไร วิธีไหนจะสอยคู่แข่งลงแทบเท้าได้มากที่สุด ออกจากคุกมาก็ทั้งทำงานเก็บเงิน ศึกษาศาสตร์แห่งธุรกิจ สร้างคอนเนคชั่น หาทีมมาเสริมแกร่ง ถึงใครจะมองว่าเป้าหมายเกินตัวแปลกๆ เจออุปสรรค สารพัดวิธีสกปรกเข้ามาทดสอบตลอด เขาก็ยังมุ่งทำทุกวิถีทางจนสุด
แจนรี่เองก็เช่นกัน หลังจากคลิปนั้นจบ เธอก็กลับไปปูทางของตัวเองต่อ คอยมุ่งมั่นฝึกฝนพัฒนาตัวเองไม่เคยขาด ลับฝีมือให้คมขึ้นเพื่อรอโอกาส เดินสายออดิชั่นตามรายการประกวดไอดอล เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ อย่างรายการ “IDOL PARADISE” ก็นับเป็นเวทีแจ้งเกิดของเด็กสาวผมสั้นตัวน้อยๆ แต่เปี่ยมด้วยความมั่นใจและความสามารถทั้งร้องเต้น เล่นหน้ากล้องก็สบาย ไม่มีอิดออด เวลาร้องเพลงก็ชวนสะกด
ตอนนั้นร้องเพลง “แพ้แล้วพาล” ของพี่ไอซ์ ศรัณยู ก็ทำออกมาได้อย่างทรงพลัง มั่นใจ เนื้อเสียงเข้มและมีไดนามิค คลิปเต้นก็พลิ้วสะบัด จนไม่อยากเชื่อว่านั่นคือเด็กอายุ 13 เท่านั้น พอกลับมาดูผลผลงานเหล่านี้ ก็ยิ่งปะติดปะต่อชัด เข้าใจเลยว่าทำไมแจนรี่ถึงยังคงความเป็นธรรมชาติ เวลาต้องทำงานหน้ากล้อง
แม้กาลเวลาจะพ้นผ่าน พร้อมความนิยมของ BNK48 ที่ถดถอยไม่เป็นกระแสอย่างเก่า เด็กหญิงกัลยารัตน์ก็ยังเลือกที่จะทำตามฝันต่อ ติดเบอร์ 182 เข้ามาสมัคร โดยมีพี่ไข่มุกและพี่สิคเป็นแรงบันดาลใจ ยังคงเชื่อมั่นในความรู้สึกแรกที่ชอบวงมาโดยตลอด ดูโชว์พี่ๆ เขาก็รู้สึกทำไมผู้หญิงกลุ่มนี้ทำให้เรามีกำลังใจ ได้แรงบันดาลใจมาก เลยอยากเป็นคนที่ทำแบบนั้นให้ทุกคนได้บ้าง
ระเบิดพลังความสามารถทั้งหมดแบบไม่มีกั๊ก โชว์ความมั่นใจต่อหน้าคณะกรรมการทั้งร้องเพลงมนต์รักจิ้งหรีดและเต้น Sukida Sukida Sukida ร้องไปเต้นไปเสียงยังดีมาก ตอนพวกพี่ป๊อบเป้อถามให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ ก็ตอบอย่างมั่นใจว่า 9/10
ด้วยพลังความรักในวงและความเชื่อในฝันที่มีอยู่ไม่เคยเปลี่ยน คำว่าลังเลจึงไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมฉบับ 48 ของเธอเลย ไม่ว่าคณะครูและพี่ๆ จะให้ทำเวิร์คช็อปอะไร ซ้อมโหดหินแค่ไหนก็พยายามไปให้สุดเสมอ
“กว่าที่ดวงดาว 11 ดวง จะเปล่งประกาย ก็ต้องเจออุปสรรคและใช้ความพยายามหนักมาก ซึ่งเราก็ได้พยายามต่อสู้ฝ่าฟันจนเฉิดฉายไปด้วยกันค่ะ”
แจนรี่
และก็เหมือนโชคชะตาทำงานอีก เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.65 กับการสอบคัดเซ็มบัตสึเพลงเดบิวต์รุ่น ปรากฎว่าแจนรี่จับฉลากได้หมายเลข 1 แทบกรี๊ดดที่ต้องออกมาสอบเดี่ยวเป็นคนแรก ร้องเพลงแบบมีสมาธิมาก คุมคีย์อยู่หมด เต้นมีเสน่ห์ เสียงหลุดบ้างพอร้องและเต้นควบกัน แต่โดยรวมคุมได้ สวนทางกับคอมเม้นคณะกรรมการที่ระบุว่า "ร้องดี ดูกดดัน เกร็ง ไม่ Shine เท่าแต่ก่อน"
ทว่าเธอก็ยังชนะใจทุกคน ได้รับโอกาสเป็นเซ็นเตอร์ในที่สุด พร้อมน้ำตาแห่งความปิติ และบรรดาพี่น้องอีก 10 ชีวิตที่เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีกันอย่างอบอุ่น ถ้ามองในมุมชะตาการจับได้เลข 1 ก็เหมือนฟ้ากำหนดมาให้เธอได้เป็นที่ 1 เป็นเซ็นเตอร์คนแรกผู้นำทัพ รุ่น 4 แต่ถ้ามองอีกมุมความพยายามพากเพียรทุกอย่างนั่นแหละ ควรเป็นคำตอบ
เป็นส่วนผสมระหว่าง “สวรรค์ + แสวง” ซึ่ง “สวรรค์” ในที่นี้คือโชคชะตาที่กำหนดให้เธอได้เฉิดฉายบนเส้นทางสายไอดอลสมดั่งใจ รวมถึงพรที่ให้เธอมีพื้นฐานการร้องเต้นที่ดีแต่เดิม ส่วน “แสวง” คือการมุ่งพยายามเข้าไว้เพื่อให้ได้มันมา และพัฒนารักษามาตรฐานตัวเองต่อไปให้ดีขึ้นในทุกวัน กลายเป็นเซ็นเตอร์ผู้งดงาม
เป็นคนที่โชว์ได้มีเสน่ห์มาก อ่อนช้อย แข็งขัน เล่นหูเล่นตากับกล้องได้ดี และมีความรั่วไม่เบา ตอนถ่าย MV เล่นกับพี่ๆ ช่างภาพจนชนกล้องก็เคย55+ รวมถึงวีรกรรมเฮฮา ปาจิงโกะอีกมากมาย ยิ่งจับคู่กับแอลทีไร ยิ่งพากันรั่วเป็นเท่าทวีคูณ ฮ่าา
สื่อให้เห็นว่าเหนือโชคชะตาคือความพยายาม และความพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจจริง เป็นสิ่งที่เบื้องบนจะหนดมากี่ % ไม่รู้แหละ แต่โดยรวมส่วนใหญ่ฉันนี่แหละจะเขียนมันขึ้นมาให้สุด เพราะหากชะตากำหนดให้คุณต้องหยุด แพ้พ่าย ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ปั้นไม่ขึ้น คุณจะก้มหน้ายอมรับมันไปจนลมหายใจสุดท้าย หรือจะพยายามเข้าไว้จนถึงที่สุดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ? หรือถ้าชะตากำหนดมาให้เป็นอัจฉริยะตั้งแต่แรกเลย แต่ถ้าเหลิงไปกับมัน งอมืองอเท้า ไม่ฝึกปรือ พัฒนาตัวเอง วันหนึ่งก็ย่อมจะถูกคนอื่นแซง และเสียโอกาสไปมากมายแน่
แต่วันนี้แจนรี่ใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอทำได้แล้ว และจะไม่หยุดแค่นี้ด้วย!
ซึ่งแรงบันดาลใจจากเธอในมุมนี้ ทำให้ผมนึกถึงสิ่งเพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยพูดไว้นานแล้วว่า
“ถ้ามีเป้าหมายอยากจะเป็นสิ่งไหน จงปูทางให้ตัวเองพร้อมก้าวไปเป็นสิ่งนั้น”
“มุ่งมั่น ลงมือทำ สร้างโอกาส และทำมันจนสุด” นี่แหละตัวแปรหลักของความสำเร็จในขั้นแรกที่เราได้เป็นกรณีศึกษาจากเธอ
2. ทำตามความฝัน แล้ว “จริงจัง” กับมันเสมอ
- แม้แจนรี่จะสามารถทำตามฝันได้อย่างที่เคยลั่นวาจาไว้ แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเธอเท่านั้น เมื่อยังมีโจทย์ความท้าทายจ่อคิวเข้ามาทดสอบอีกมาก เพราะเด็กๆ รุ่น 4 ต้องเข้ามาในช่วงเวลาที่วงกำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ท่ามกลางความกดดันที่ต้องเข้ามาสานต่อพี่ๆ รุ่น 1 ที่กำลังเตรียมลาจากไปยังเส้นทางใหม่
นอกจากไม่มีเวลาให้ได้เตรียมตัวซักซ้อมมากนัก ยังถูกคาดหวังให้ต้องพร้อมที่สุดเพื่อมาอุดช่องโหว่ขนาดยักษ์ที่พี่ๆ สร้างมาตรฐานเอาไว้ มากพอจะช่วยให้หัวใจของแฟนคลับได้รับการปลอบประโลมขึ้นมาหน่อย ที่สำคัญการเป็นเซ็นเตอร์คนแรกของรุ่นนับว่ายากแล้ว
แต่การต้องเป็นเซ็นเตอร์ผู้นำทัพไอดอลรุ่นใหม่ออกมาพิสูจน์ ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามและช่วงเวลาอันเปลี่ยวเหงาสุดๆ กลับยากและกดดันยิ่งกว่า เหมือนแจนรี่เป็นนักกีฬาที่เพิ่งคว้าแชมป์สำคัญมาหมาดๆ ก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาแชมป์นั้นให้ได้นานที่สุด พร้อมมุ่งต่อไปคว้าแชมป์ใหม่อีก
ซึ่งสิ่งที่เธอและพี่น้องในรุ่นตอบรับนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า การก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก ใช้วันเวลาที่มีจำกัดให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เธอจะนำสวดคาถาพระพิฆเนศ พร้อมปลุกพลังใจทุกคนให้เชื่อมั่นไปด้วยกัน ก้าวขึ้นเวทีออกมาสู่ยุคใหม่
“ทำได้มั้ย ฉันทำได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำทุกวันให้สุดชีวิต!!”
แจนรี่และเพื่อนๆ
ผลคือโชว์เดบิวต์ที่เต็มไปด้วยความสดใส ซาบซ่าน เต็มไปด้วยพลังงานบวก และส่องประกายแห่งวันใหม่ ราวกับได้เห็นพี่ๆ รุ่น 1 ในวันแรกไม่มีผิด
ความเอาจริงเอาจังที่ว่านี้ ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นในรั้ว 48 แต่ต้องย้อนกลับไปยังช่วงที่แจนรี่และพี่น้องในรุ่น กำลังปฐมนิเทศกับ #CGM48 รุ่น 2 แล้วมีกิจกรรม Workshop ให้พวกเธอเขียนมุมมอง แนวคิดของตัวเองลงไปบนไวท์บอร์ด โดยเจ้าเด็กมกราคมเขียนตอบคำถามแต่ละข้อเอาไว้ตามนี้
เห็น #BNK48 เป็นแบบไหน?
- จริงจัง เก่ง น่ารัก
เห็นตัวเองเป็นแบบใด?
- เป็น Happy Virus และเป็นพลังบวกให้แฟนคลับทุกคน
อยากให้รุ่น 4 เป็นแบบไหน?
- ทีมเวิร์ค+จริงจัง+ช่วยเหลือกัน
สังเกตจะเห็นแจนรี่เขียนคำว่า “จริงจัง” ถึงสองครั้งในนี้ สื่อถึงตัวตนที่เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจอะไรไว้ ก็จะใส่พลังกับมันจนสุดในทุกรายละเอียด นอกจากการซ้อมร้อง เต้น เล่นกับแฟนคลับ รวมถึงการสัมภาษณ์สื่อที่ดูมั่นใจ เป็นธรรมชาติแล้ว เรื่องอื่นๆ โดยรอบที่เชื่อมโยงกับงาน เธอเองก็จริงจังไม่แพ้กันด้วย
เจ้าแม่มีมจัดๆ
อย่างชีวิตในโรงเรียน ที่เธอทุ่มเทอ่านหนังสือหนัก ติวเข้มจนได้เป็น 1 ใน 3 คนที่สอบติด ม.4 สาย ศิลป์ญี่ปุ่น ด้วยความที่เป็นคนสนใจด้านภาษา แต่อยากเรียนญี่ปุ่นก่อน เพราะจะได้ซึมซับและเข้าใจในวัฒนธรรมของ 48 Group ที่ตัวเองสังกัดอยู่มากขึ้น เผื่ออนาคตมีโอกาสได้ร่วมงานกับพวกรุ่นพี่วงแม่จาก ก็จะได้สื่อสารกับเขารู้เรื่อง ประสานงานกันได้แบบไร้รอยต่อ
ทั้งที่จริงในวงก็มีทั้งทีมงาน ทั้งล่ามอย่างพี่มิโอริ พี่เฌอคอยดูแลซัพพอร์ต แต่มันคงดีกว่าถ้าสามารถ “เข้าถึง” DNA และวัฒนธรรมองค์กรได้เองแบบเข้าเส้นที่สุด เพื่อนำมาติดปีกพัฒนา ต่อยอด ทักษะต่างๆ สู่การเป็นไอดอลที่เก่งกาจยิ่งกว่าเก่า
เหมือนนักฟุตบอลเวลาไปค้าแข้งต่างถิ่น ถ้าเขาสามารถพูดภาษาแม่ของลีกในประเทศนั้นๆ ได้ ซึมซับและเข้าใจวิถีฟุตบอลตรงนั้นด้วย นั่นก็จะยิ่งช่วยให้สามารถปรับตัวและทำผลงานได้ดีขึ้น
จากมุมนี้ผมเลยยิ่งชื่นชมแจนรี่มากๆ ที่เอางานและการเรียนมาผนวกเข้าด้วยกันให้ได้ประโยชน์สูงสุด แถมก่อนหน้านี้ในไลฟ์ก็พูดภาษาอังกฤษกับแฟนๆ ต่างชาติได้อย่างน่าฟัง สำเนียงดี ไหนจะความชื่นชอบในวัฒนธรรมเกาหลีทุกอย่าง ตอนนี้พูดได้นิดหน่อย พออ่านออก ถ้าวันหนึ่งเธอเติบโตไปเป็นไอดอลที่พูดได้ถึง 4 ภาษา คงจะเท่น่าดูทีเดียวเชียวล่ะ
เคยขึ้นสเตจมาแล้วทั้ง NV และ BIII
นอกจากนี้ความจริงจังของเธอยังส่งไปถึงความพยายามที่ต้องการจะพิสูจน์ ว่าต่อให้เป็นเมมที่มีคาแรคเตอร์ NV แต่หัวใจมุ่งไป BIII นะ ถึงจะมีความรั่ว เฮฮาจนหลายคนคาดการณ์อย่างมั่นใจว่านี่แหละว่าที่เด็กทีม NV ทรงนี้ เห็นทีแคปนายคงเตรียมสแกนคุณสมบัติรอไว้แล้ว คิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ๆ แต่พอนานไปเข้ากลับกลายเป็นการตีกรอบให้เธอเครียด อึดอัด และน้อยใจเล็กๆ
จนต้องมาระบายออกในไลฟ์เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ว่าก็ไม่ปฏิเสธว่าลุคเข้ากับ NV แต่ถ้าถึงเวลาจริงๆ ก็อยากจะให้ทุกคนเห็นว่าเราก็ชอบ BIII และอยากจะทำให้ได้! อย่างที่รู้กันว่าทีมนี้เป็นแนวเท่ ดุดัน แข็งแรง เขาก็มีพี่เนยที่ลุคหวานๆ น่ารัก อยู่ในทีม เลยอยากอยู่ทีมนี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคาแรคเตอร์ NV ที่ใครๆ พูดกัน ก็อยู่ BIII ได้
ซึ่งปาเอญ่าก็เคยบอกในไลฟ์ว่าพี่ฮูพ (กัปตัน BIII) ได้แอบจองแจนรี่มาตั้งแต่ออดิชั่นแล้ว ทำให้นึกถึงนักบอลบางคนที่เกิดและโตในเมืองๆ หนึ่ง หรือมีคุณพ่อเป็นตำนานของสโมสรหนึ่ง ก็ไม่ได้แปลว่าเขาต้องเจริญรอยตามครรลองนั้นไปซะหมด หลายคนได้แจ้งเกิดในทีมอื่น ลีกอื่น สร้างตำนานที่แตกต่างจากกรอบโชคชะตาหรือความคาดหวังของแฟนบอล ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป
ใดๆ แจนรี่ก็สามารถทำได้ดีทีเดียว เมื่อตอนได้รับโอกาสขึ้นโชว์มาแล้วทั้งสองสเตจ ก็ขอเอาใจช่วยและเชื่อว่าเราจะติดทีม BIII ได้สมความตั้งใจน้าา
รักในสิ่งใด ก็ใส่ความจริงจังกับมันให้สุด นั่นแหละจะยิ่งทำให้เรามีโอกาสสำเร็จขึ้นไปอีก,,,
3. เป็น Ace ด้านการร้อง-เต้น
- เชื่อเหลือเกินว่าพี่น้องแฟนคลับทุกคน ย่อมได้เห็นความสามารถของแจนรี่กันมาไม่มากก็น้อยแล้ว เพราะฉายแววเด่นชัดมาตั้งแต่ในรายการ “Idol Paradise” ทั้งร้องก็ดี เต้นก็เลิศ แถมยังมีทักษะทำเสียงบีตบ็อกซ์ได้ด้วย (ว่าแล้วก็อยากเห็นอีก ว่างๆ โชว์ให้ดูหน่อยจิ ><)
ความสามารถที่ครบเครื่องแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่เธอจะได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เซ็นเตอร์รุ่น 4 เพลง “วันใหม่” ต่อด้วย “Iiwake Maybe” และล่าสุดกับ “สัญญานะ” ในซิงเกิ้ลส่งท้ายพี่เฌอ ในวันที่แฟนคลับและพี่น้องเมมเบอร์ต่างให้การยอมรับเต็มหัวใจ ทั้งพี่รินะ ชิไฮนินเมืองเหนือยังบอกว่าแจนรี่มีแววความเป็นเซ็นเตอร์ตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีออร่า เป็น Ace ของรุ่น 4
พี่เปที่เป็น Ace รุ่น 3 ภายใต้มาดนิ่งๆ เงียบขรึม ยังยอมรับในฝีมือการร้องเพลงของแจนรี่ จากที่ไม่นานมานี้ได้ร่วมเดินสายโปรโมตซิงเกิ้ลพี่เฌอด้วยกัน เลยได้เห็นกับตัวว่าน้องมีทักษะการร้องเพลงได้ดีกว่าที่คิด ชนิดที่ร้องสดในรายการเช้ากับ “Mellow Pop” ยังเปล่งเสียงออกมาได้เพราะเหมือนเดิม (ใครเป็นสายร้องจะรู้ดีว่าช่วงเช้าโคตรเป็นเวลาปราบเซียน เพราะเสียงมักจะยังไม่มา)
จนแม้แต่พี่เปยังปรบมือ รีแอคแบบพยักหน้าให้การยอมรับ ก่อนจะย้ำในไลฟ์ว่าตัวเองคงทำแบบน้องไม่ได้แน่ ร้องเพลงเหมือนกินแผ่นซีดีเข้าไป พี่พิธีกรยังแซวทีมงานเปิดแผ่นปะเนี่ย อ้าวร้องสดเหรอ55+
รวมถึงพี่น้องในรุ่น 4 ด้วยกันก็คิดไม่ต่าง ทั้งพี่แอล-พี่ปาล์ม ที่มองว่าเธอเป็น Main Dance & Vocal จนแอบคิดว่าถ้าไม่ได้มาเส้นทางไอดอล แจนรี่อาจไปลงเอยกับรายการประกวดร้องเพลงอย่าง “The Voice” ให้โค้ชทั้ง 4 ใจตุ้มต่อม แย่งตัวอย่างเข้มข้น ก็น่าสนุกไปอีกแบบ (ถึงเธอจะเคยบอกว่าชอบเต้นมากกว่าก็ตาม)
เวลาไลฟ์ทีก็สนุก หยิบไมค์ของเล่นคู่ใจมาเขย่าขลุกๆๆ ร้องเพลงไปเรื่อยๆ เอเนอจี้เหลือไม่มีตก จนถึงกับต้องแชร์บอกต่อให้พี่ๆ ศิลปินเจ้าของเพลงได้รับรู้ เพราะต้องไม่ลืมว่าตอนเพลงคุกกี้แมสได้ ก็เพราะพี่ๆ ศิลปินพากันเต้นโอนิกิริ ร้องเพลงนี้จนดังทั่วประเทศมาแล้วนี่แหละ
กระนั้นความสามารถที่ครบดูสมบูรณ์หมดจด ก็ไม่ได้แปลว่าแจนรี่จะผ่านทุกงานไปได้แบบโรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อช่วงหนึ่งที่งานถาโถมมาติดๆ กัน ทั้งงานอีเว้นท์และโร้ดโชว์ ซึ่งตอนนั้นมีหลายเพลงที่เธอไม่เคยเต้นมาก่อน ท่ามกลางกรอบเวลาที่บีบรัดสุดๆ เวลาซ้อมน้อยไปหมด ความกดดันก็พุ่งตามมาอีก ถึงจะเก่งเป็น Ace ของรุ่น 4 แต่เจอแบบนี้ก็ยากที่เธอจะรับมือได้หมด จนไลน์ไปหาพี่เฌอว่าหนูเครียดจนร้องไห้ ทำไงดี ก่อนที่ชิไฮนินจะแนะนำว่าลองจำท่าเต้นแบบเช้าทวนรอบ เย็นอีกรอบ เปิดเพลงฟังละนึกท่าตาม
แจนรี่เลยรับฟังแล้วเอาไปปฏิบัติตาม ทำเอาพี่เฌอที่ไปดูย้อนหลังก็ยังยอมรับนับถือว่าเธอเก่งมาก ทำออกมาได้ดีเลยนะแจนรี่ เต้นหลายโชว์ด้วย ซูฮกเลยว่า
อีกคนที่เฌอนับถือมากคือแจนรี่
เป็น Amazing Girl สุดๆ
เด็กอัจฉริยะที่สามารถจำท่าเต้น
ได้เยอะมากในเวลาแค่เดือนเดียว
ร้องสดเพราะมาก ร้องเสียงสูงก็เก่งมาก
แจนรี่เก่งมากจริงๆ ทุกคน
ฝากน้องด้วยนะคะ”
Cherprang BNK48
ยิ่งตอกย้ำตัวตนของเด็กสาวผู้พยายามใช้พรแสวงมาต่อยอดพรสวรรค์ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ แม้ในยามที่เจอกับความกดดัน ไม่แน่ใจในตัวเอง ยอมรับว่าตัวเธอก็มีวันที่ทำได้และไม่ได้ แบบมืดแปดด้าน ก็พร้อมจะนอบน้อมเข้าหารุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มาก่อน นำคำแนะนำตรงนั้นมาปรับปรุง พัฒนาให้มันทำได้ในที่สุด จุดนี้แหละที่ทำให้ผมยิ่งทึ่งและรักเธอมากขึ้นไปอีก
เลยอดไม่ได้ที่จะบรรเลงนิ้วผ่านแป้นพิมพ์ดีด
ร่างอีเมลติดต่องานไปยังทีม #Bearhug
อยากจะรู้ความในใจของ “คุณซารต์”
ผู้พาให้เราได้รู้จักกับแจนรี่เป็นครั้งแรก
จากคลิปในตำนานเมื่อ 5 ปีก่อน
ในช่วงที่ตอนนั้นยังเป็น
ช่อง "Sunbeary" อยู่เลย
ในตอนแรกบอกตรงๆ ว่า
ไม่กล้าคาดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยความที่เขาเองก็เป็น
หนึ่งใน Youtuber ช่องดัง
มีผู้ติดตามหลักล้าน งานก็เยอะ
โอกาสที่จะได้การตอบรับคงน้อย
แต่แล้วเสียงอีเมลผมก็ดัง
หลังจากนั้นไม่นานมากนัก
เมื่อทีมงานเขาสอบถาม Scope
พร้อมให้การซัพพอร์ต
ประสานงานวันเวลาสัมภาษณ์อย่างดี
จนเกิดเป็นเนื้อหาสำคัญในบทความนี้ครับ
.
.
.
“ความรู้สึกแรก”ของคุณซานต์จากวันนั้นถึงวันนี้ ที่แจนรี่บอกไว้ว่าจะเป็น BNK48 รุ่น 4 และแล้วก็ได้เป็นจริงๆ ตามที่ลั่นวาจาไว้รู้สึกยังไงบ้างครับ?
- พอน้องทำได้จริงๆ ก็รู้สึก “ดีใจแทน” เหมือนเป็นน้องสาวตัวเองเลยค่ะ คือซารต์จำได้ว่าตอนนั้นมีเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาพูด แล้วเขาก็นับว่าตัวเองเป็น BNK48 รุ่น 4 แบบมั่นใจ ไม่คิดอะไรเลย ซึ่งความคิดเด็กเป็นความคิดที่บริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่กับแจนรี่เขาดูมีเป้าหมายชัดเจนมาก หลังจากคุยกัน ก็ไม่รู้ว่าคลิปหลังตัดต่อมันเหลือแค่ไหนเนอะ แต่พอย้อนไปดู ซารต์รู้สึกมั่นใจว่าเขาอ่ะเป็นได้ตามฝันแน่นอน เพราะไม่เคยเจอเด็กคนไหนที่อยู่ๆ มั่นใจ แบบนับอายุตัวเองมาแล้วว่าฉันจะเป็นรุ่นที่ 4 อ่ะ
อยากแรกคือเห็นความมั่นใจก่อนเลย?
- ใช่ๆ เห็นเลย คือตอนน้องได้ตำแหน่งได้ตำแหน่ง(เป็นเมมเบอร์) ซารต์ก็ไม่รู้เลย ไม่ได้ติดตามดู จนกระทั่งแฟนคลับเอาคลิปช่วงนี้ของซารต์ไปแชร์กันเยอะมาก ก็เลยงงว่าแชร์อะไรวะ55+ พอดูอีกทีอ้าว แจนรี่คือเด็กคนนั้นเองเหรอ เลยดีใจขึ้นมา พอจำได้ว่าเคยเจอกัน แต่ไม่ประหลาดใจเลยเพราะตั้งแต่วันนั้นเราก็รู้สึกแล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้จะทำได้ พี่กานต์เองก็ดีใจค่ะ : )
เหมือนพลังความเชื่อมั่นของเขาทำให้เราเชื่อตาม?
- ช่ายยย แล้วน้องเขาน่ารักตั้งแต่ตอนนั้นอยู่แล้วอ่ะ มีคุณสมบัติที่ดูเป็นไปได้อยู่แล้ว+มีความตั้งใจเต็มเปี่ยมด้วย ดูแล้วไม่น่าจะไม่ยากเลย ตั้งแต่วันนั้นก็คิดว่าเขาจะทำได้
ตอนเดบิวต์ รู้ข่าวจากไหนครับ?
- รู้จากพี่คิมนี่แหละ55+ พี่คิมหรือเพื่อนซารต์สักคนนี่แหละเขาส่งมาว่า “เนี่ยยย น้องที่เคยอยู่ในคลิปเราเขาทำได้แล้วนะ!” เพื่อนๆ ในแบร์ฮัก ทีมแบร์ฮักเก่าน่ะแหละส่งมา เพราะซารต์เป็นคนไม่ค่อยดูข่าวหรือตามไอดอลเลย ดีใจที่วันนั้นน้องแจนรี่เดินเข้ามาหาเราเนอะ555+ ได้พูดคุยกัน
ไวเนอะ 5 ปีแล้ว ><
- จริง น้องสูงเร็วมาก สูงขึ้นเยอะมากกก
ได้มีโอกาสดูผลงานน้องหลังจากนั้นมั้ยครับ?
- เอาตรงๆ ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่มีโอกาสจะดูละ หลังสัมภาษณ์นี้จบ ก่อนนี้ก็ได้ดูเขาเต้นอยู่บ้างค่ะ มีโร้ดโชว์ ยังไม่เดบิวต์มั้งนะคะ
แต่พอเดบิวต์ เขาได้เป็นเซ็นเตอร์เลยนะคุณซารต์
- โหห ได้เป็นเซ็นเตอร์เลยเหรอ!? สุดยอดดด ความตั้งใจน้องแรงกล้าจริงๆ โหยดีใจอ่ะ น้องเขามีความตั้งใจตั้งแต่เด็กจนโต คิดว่าสักวันน่าจะได้เจอกันเนอะ
จากปรากฏการณ์นี้ทำให้น้องได้รับการขนามนามว่า “เด็กในคำทำนาย” หรือ “ไอดอลแห่งโชคชะตา” ถ้าให้คุณซานต์ลองนิยามน้อง จะนิยามว่ายังไงดีครับ?
- อืมมม เขามีฝันเนอะและเขาก็ไม่ทิ้งฝัน เป็น “น้องแจนรี่ ผู้ไม่ทิ้งฝัน” ดีมั้ยคะ?
(จุดนี้ผมเห็นด้วยเลยนะ คือโชคชะตามันเป็นสิ่งที่แจนรี่กำหนดได้ด้วยความพยายามของตัวเอง พอเธอไม่ทิ้งฝันแต่พยายามไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ทำได้ จุดนี้มันเจ๋งกว่าโชคชะตาอีก)
ถ้าได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หรือแจนรี่มาอ่านบทความนี้ อยากบอกน้องว่าอะไรครับ?
- น้องเก่งมากค่ะ! และพี่เชื่อในตัวน้องตั้งแต่วันนั้นอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน งานจับมืองี้คือไปแน่นอน อยากไปยินดีกับเขาตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ซารต์จำได้ว่าดีใจมากกกเลยทักหาน้องเขาสักช่องทางหนึ่ง ไม่รู้ไอจีหรืออะไรบอกว่า “เฮ้ยยย ดีใจด้วยนะ!” ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าน้องต้องตอบนะ เพราะรู้ว่าเขาน่าจะมีแอดมินเล่นให้หรือมีกฏ แต่เราแค่อยากดีใจกับเขาด้วยจริงๆ จำไม่ได้ด้วยว่าช่องทางไหน ไม่ได้ตามผลว่าเป็นยังไง แค่ใจอยากยินดีกับเขาแค่นั้นเลย
ตอนเดบิวต์เหรอครับ?
- ตอนที่เพื่อนส่งข่าวมาค่ะ แต่ซารต์ทักไปหาเขาว่าดีใจมาก ดีใจด้วยน้า พี่เชื่อว่าเราต้องทำได้ พอสัมภาษณ์วันนี้เลยจำได้ขึ้นมา
ถ้ามีโอกาส อยากร่วมงานกับแจนรี่ดูมั้ยครับ?
- โอ้ว ได้เลย ยินดีมากๆ ค่ะ น้องน่ารักอยู่แล้ว เดี๋ยวลองไปเสนอทีม Marketing ดูนะคะ
เขาเรียนศิลป์ญี่ปุ่นด้วยนะคุณซารต์ เพราะอยากเข้าถึงความเป็น 48 Group แบบจริงจัง
- โห น้องจริงจังมากจริงๆ ไปได้อีกไกลแน่ๆ
คิดว่าแจนรี่ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ครบสัญญาไอดอล) จะเติบโตไปในแบบไหนครับ?
- ซารต์คิดว่าน้องจะเป็นแบบที่น้องอยากเป็น ถ้าเขาอยากเป็นอะไร ซารต์ก็ยังจะเชื่อทั้งใจว่า “เขาทำได้” ไม่แน่ใจว่าเป้าหมายเขาจะแค่ไหน ระดับในประเทศหรือโกอินเตอร์ แต่ถ้าตั้งใจไว้ เขาทำได้แน่นอน จะเป็น “แจนรี่ผู้ไม่ทิ้งฝัน” แบบนี้เสมอ
นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างในตัวแจนรี่
ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจเธอยิ่งกว่าก่อน
นั่นคือมุมมองความเป็นคนคิดบวก
และใส่ใจรายละเอียดมากกว่าที่คิด
อย่างในไลฟ์เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่เธอกำลังเม้ามอย เฮฮาปกติ
พอได้รู้ว่ามิชาเหมือนจะร้องไห้
สีหน้าก็เปลี่ยน เป็นห่วงจนต้องขอ
หยุดเอนเตอร์เทนในไลฟ์ไปชั่วขณะ
เพื่อเช็กดูว่าพี่เป็นอะไรรึเปล่า
(พอมาดูย้อนหลังผมถึงได้รู้ว่า
มิชาแค่ตื้นตันที่มีคนปาโยเกิร์ตให้ 3-4 อัน)
เห็นโมเมนต์นี้แล้วทำเอานึกถึงคนิ้งโมเดล
เมื่อครั้งที่ปิดไลฟ์ไปดูอาการสิตา
และหากใครรับชมสดตอนนั้น
จะพบว่ายอดคนดูเธอ
น้อยลงกว่าปกติ เหลือแค่ร้อยกว่าๆ
แต่ประโยคที่ Ace รุ่น 4 พูดกลับมาคือ
“ไม่เป็นไรน้า เราจะทำให้ 125 คนในนี้ มีความสุขที่สุด!”
ก่อนจะยิ้มแย้มควงไมค์ร้องเล่นต่อ
เสมือนกำลังดูดีเจสาวน้อยมานั่งจัดรายการ
เปล่งเสียงหวานๆ ให้เราได้ฟัง
ขอบคุณมากนะแจนรี่
ที่คอยเป็นพลัง เป็นแรงบันดาลใจ
ส่งแรงบวกให้ชีวิตเราอยากจะเติบโต
เป็นดวงดาวที่ดีขึ้น
ส่องประกายกว่าเดิมในทุกวัน
สิ่งเดียวที่อยากขอมีข้อเดียว
คือขอให้เราเป็นเราอย่างนี้ต่อไป
สัญญานะว่าจะคอยรัก
และเป็นพลังให้เราเช่นกัน
อาจเหมือนเรื่องราวเหล่านั้น
ที่เคยได้เจอผ่านท่วงทำนอง
และคำร้องในบทเพลง
.
.
.
“มา เด็กสาวเช่นเรา
อีกไม่นานแสงยามเช้าจะมา
ปลุกความฝัน คงได้เวลา
อนาคตจากนี้จะเริ่มใหม่ Wow Wow
.
.
มา เด็กสาวเช่นเรา
จะไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เหมือนเก่า
โยนความเศร้าไปจากตัวเรา
โยนมันทิ้งออกไปซักที
สุดแรงที่มี สุดแรงที่มี
#ไปเถอะจงวิ่งไป
Special Thanks
- ขอบคุณคุณซารต์และทีมงาน #Bearhug มากๆ นะครับ ที่ให้เกียรติมาร่วมสัมภาษณ์ในบทความนี้ ทุกคนน่ารักและกันเองมากๆ มีสินค้า โปรโมชั่น อีเว้นท์อะไรใหม่ๆ ฝากผมช่วยโปรโมตได้ตลอดเลยน้าา
- ขอบคุณบ้าน @Janry BNK48 Thailand Fanclub ที่ให้การซัพพอร์ตอย่างดีสุดๆ ถามอะไรตอบได้ เหมือนเป็น Google สำหรับแจนรี่โดยเฉพาะ คอยซัพพอร์ตกันตั้งแต่เริ่มทำโปรเจกต์นี้จนสุดทาง ทางผมก็ยินดีซัพพอร์ตบ้านเช่นกัน ไว้เจอที่เลนเน้อ
- ขอบคุณโคลง 4 สุภาพโดย: “แอดภู โอตะหน้ายักษ์ นักเลงกลอน” ไพเราะเสนาะหูเช่นเคย ช่วงนี้ซ้อมดนตรีหนัก เป็นกำลังใจให้แอดภูกันด้วยครับผม
- ขอบคุณแอดจารย์ธัญที่คอยช่วยตรวจ ช่วยรีวิวบทความ เป็นกำลังใจให้ตั้งแต่ต้นจนสำเร็จออกมาจริงๆ
ที่มา:
- คลิปงานเกษตรเมืองทอง ครงั้ที่ 2 วันที่13 มี.ค.61 จากช่อง “Sunbeary”
- BNK48 4th Generation: Prologue to the Journey
- Dek-D Live วันที่ 23 ก.พ.66
- Live ต่างๆ ของแจนรี่และพี่น้องรุ่น 4 ในแอปฯ iAM
- สัมภาษณ์ MCINE NEWS วันที่ 2 มิ.ย.66 งานถ่ายทำ MV ซิง 14
- Live พี่เฌอ (วันที่ 17 กับ 25 พ.ค. / 6 มิ.ย.66)
- เดินสายสัมภาษณ์สื่อที่ Mellow Pop (6 มิ.ย.66)
โฆษณา