14 มิ.ย. 2023 เวลา 07:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

3. กงลี่ผู้เป็นได้แค่ของเล่น แต่ไม่ใช่ของจริงสำหรับจางอี้โหมว

ไม่ต้องสงสัยว่าจางอี้โหมวหลงรักกงลี่มาก และเธอก็รักเขาตอบมากด้วย แม้จะรู้ว่าเขาแต่งงานมีลูกแล้ว และตัวเธอเองในช่วงเวลาที่คบกับจางก็ไม่ใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย เธอมีชายคนรักอยู่แล้วเช่นกัน
ในตอนที่แล้วจบลงที่ทั้งคู่ถูกสื่อจีนเล่นข่าวใหญ่โตโดยเฉพาะจางอี้โหมว แต่นอกแผ่นดินจีนแล้วข่าวคราวของทั้งคู่ในยุคนั้นยังไม่แพร่หลายนัก ทั้งคู่เพิ่งเป็นหน้าใหม่ของวงการและข่าวสารจากทางจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยแพร่หลายออกนอกประเทศมากนัก (ขนาดข่าวสารหนังจางอี้โหมวเองตอนนั้นยังต้องแปลมาจากข่าวภาษาอังกฤษเลย จึงไม่แปลกที่ยุคหนึ่งหนังสือหนังในไทยเรียกเขาว่าฉางยี่มู่ )
ปี 1988 Red Sorghum คว้ารางวัลใหญ่จากการประกวดหลายเวทีทั่วโลก ส่งให้จางอี้โหมวขึ้นเป็นผู้กำกับหนังจีนที่โดดเด่นเป็นที่สุดและกงลี่กลายเป็นดาราดังในชั่วข้ามคืน ในขณะที่ชีวิตการงานของทั้งคู่รุ่งโรจน์ ชีวิตส่วนตัวกับตรงกันข้าม
เมื่อกงลี่ตัดสินใจคบกับจางอี้โหมว ทำให้เสี่ยวจางแฟนหนุ่มของเธอไม่พอใจ เขาเริ่มคุกคามเธอ ในขณะที่จางอี้โหมวก็ทนอยู่กับความรู้สึกถวิลหาดาราสาวไม่ไหว ส่วนคนที่ชอกช้ำใจนั่นคือเสี่ยวฮัว การค้นพบจดหมายที่กงลี่ส่งให้จางอี้โหมวโดยบังเอิญทำให้เธอรู้ว่าไม่อาจรั้งเขาไว้ได้แล้ว
ตอนหนึ่งในจดหมายของกงลี่เขียนเอาไว้ว่า "เมื่อคุณจากไปคุณเอาหัวใจของฉันไปกับคุณด้วย" ประโยคนี้แทงใจผู้หญิงที่เป็นภรรยา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยยอมทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อความรัก ซึ่งในความคิดของผู้เป็นภรรยาก็หวังว่าสามีจะสามารถคิดได้และขอโทษเธอ ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะรับคำขอโทษให้อภัยและเริ่มต้นชีวิตคู่กันใหม่ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับจากจางอี้โหมว
ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงกับ 2 เหตุการณ์ เมื่อ Red Sorghum ทำให้ทั้งจางต้องไปโชว์ตัวทั่วโลกและในครั้งหนึ่งที่เดินทางไปอเมริกา ขากลับจีนแทนที่เขาจะตรงกลับบ้าน แต่จางอี้โหมวกลับไปหากงลี่พร้อมกับของฝากมากมาย ส่วนเสี่ยวฮัวได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวจางอดีตแฟนหนุ่มของกงลี่ เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง แล้วปรึกษาหารือกันว่าเธอจะตัดสินใจดำเนินการอย่างไร
เสี่ยวจางบอกไปว่าจางอี้โหมวเดินทางมาปักกิ่งเพื่อพบกับเขา และก็ได้พูดคุยกันกับ เขารู้ดีว่าไม่อาจที่จะรั้งความรักเอาไว้กับดาราสาวอีกแล้ว ส่วนเสี่ยวฮัวล่ะเป็นเรื่องที่เธอต้องตัดสินใจ
อีกเหตุการณ์หนึ่งคือเสี่ยวฮัวชวนจางอี้โหมวพาจางโมไปเยี่ยมย่า เธอรู้สึกว่าสามีในวันนั้นเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเมื่อตอนเดินทางกลับ เขาก็แยกตัวออกมาบอกว่าขอเดินกลับบ้าน บอกว่าจะขอคิดอะไรระหว่างทางกลับ
นั่นแหละจึงเป็นบทสรุปของความสัมพันธ์จากคู่รักวัยเรียนฝ่าฟันลำบากในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมกันมาและเมื่อถึงโอกาสจะลืมตาอ้าปากก็ไม่เคยได้สัมผัสความสุขจริงๆสักครั้ง
ครั้งหนึ่งในการตอบคำถามกับนักข่าวเกี่ยวกับเสี่ยวฮัว จางอี้โหมวพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ความรัก 10 ปีกับเสี่ยวฮัวเป็นเรื่องเข้าใจผิด"
"มันจะเป็นความเข้าใจผิดได้อย่างไร"
การทรยศของอดีตสามีกับคำว่าหวังว่าเธอจะมีความสุขยังก้องอยู่ในหู สิ่งเหล่านี้เสี่ยวฮัวระบายออกมาในหนังสือที่เธอเขียนขึ้นเมื่อปี 1992 ที่มีชื่อว่า The Past Yoyo เธอระบุอย่างชัดเจนว่าการแต่งงานของเธอกับจางต้องแยกจากกันเนื่องจากการเข้ามาของกงลี่ เสี่ยวฮัวเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า
"คนที่ทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากตั้งแต่เด็กคนนี้(จางอี้โหมว) เขาสามารถเอาชนะความยากลำบากมากมายที่คนธรรมดาไม่สามารถเอาชนะได้ เพียงแต่ว่าเขาไม่อาจเอาชนะความปรารถนาหรือชนะใจของตนเองได้"
แล้วทั้งคู่จากกัน จางอี้โหมวยินดีที่จะรับผิดชอบส่งเสียเลี้ยงดูเสี่ยวฮัวและลูก สำหรับเขาแล้วแม้จะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิต(สื่อจีนเล่นข่าวลือกันอย่างสนุกปากว่าจางมีลูกอีก 7 คนกับเมียหลายคนไม่มีคำปฏิเสธหรือยืนยันจากจาง มันอาจจะเป็นเพียงข่าวลือที่เล่นกันอย่างสนุก) แต่ผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดนั่นก็คือจางโมผู้เป็นลูกสาว เขารักลูกสาวมาก รักเหนือกว่าสิ่งใดถึง แม้จะไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามประสาพ่อลูกได้ก็ตาม
สำหรับจางโมในวัย 5 ขวบแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ แต่การที่พ่อกับแม่แยกทางกัน และเธอเติบโตขึ้นมาบนความรู้สึกเป็นปมด้อยและมองว่ากงลี่คือศัตรูอันดับ 1 ในอีก 8 ปีถัดมาเมื่อพ่อกับกงลี่ยุติความสัมพันธ์กัน จางโมเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ตอนโตว่าเธอรู้สึกลึกๆว่ามันคือชัยชนะของเธอเหนือกงลี่
หลังจากจัดการชีวิตสมรสเรียบร้อย จางอี้โหมวกลายเป็นอิสระอีกครั้ง เขาสามารถคบกับกงลี่ได้อย่างเปิดเผย จางกำกับหนังเรื่องที่ 2 คือ Codename Cougar และมีกงลี่แสดงเช่นเคย แต่กระแสสังคมและสื่อในจีนทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนมีชนักติดหลัง ทางออกก็คือเขาต้องหาลู่ทางใหม่ยังต่างแดนเพื่อบรรเทาสถานการณ์สักพัก
ฮ่องกงเป็นจุดหมายใหม่ของทั้งคู่ จากความสำเร็จของ Red Sorghum ทำให้ทั้งจางและกงลี่ได้รับการต้อนรับอย่างดีในฮ่องกง โดยเฉพาะจากฉีเคอะซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นกับหนังฮ่องกง เขามอบหมายให้เฉินเสี่ยวตงทำหนัง A Terra-Cotta Warrior (เทียนฟง คนตรง 3000 ปี)และให้จางอี้โหมวเป็นพระเอก กงลี่เป็นนางเอก
หนังผจญภัยแฟนตาซีของขุนศึกสมัยจิ๋นซีที่ข้ามเวลามาจนถึงยุคสงครามจีน-ญี่ปุ่นช่วงต้นทศวรรษ 1900 มันทำให้ทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์กันมาจนประกาศเป็นคู่รักกันอย่างเปิดเผย ยิ่งเมื่อจางอี้โหมวประสบอุบัติเหตุระหว่างการถ่ายทำจนขาหัก และจำเป็นต้องพักถึง 2 เดือน ก็มีกงลี่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
หลังจากนั้นทั้งคู่กลับแผ่นดินใหญ่ เพื่อสร้างจูโด ซึ่งออกฉายในปี 1990 แต่สำหรับในจีนแผ่นดินใหญ่แล้วตัวหนังถูกแบนห้ามฉาย กว่าที่ทางคณะกรรมการพิจารณาจะอนุญาตให้ฉายได้ก็ต้องล่วงเลยมาอีก 2 ปีถัดมา
ความรักที่มีต่อกงลี่จนถึงงานเรื่องสุดท้ายที่ทั้งคู่ทำร่วมกันในขณะที่ยังเป็นคู่รักนั่นก็คือ Shanghai Triad หรือดอกไม้ในมือเจ้าพ่อ งานในยุคนี้ของทั้งคู่ถึง 7 เรื่องด้วยกัน
กงลี่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักแสดง เธอกลายเป็นเหมือน National Treasure ของคนทั้งชาติ ในขณะที่จางอี้โหมวก็ไม่ต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ในแง่ของความรักของทั้งคู่ก็มีปัญหาสะดุดลง
นอกเหนือจากความสำเร็จในอาชีพการงานแล้ว กงลี่มีความฝันว่าอยากจะเป็นแม่คนก่อนอายุ 35 ปี เธอถามจางอยู่ตลอดเวลาถึงการแต่งงานอย่างจริงจังแต่สำหรับจางอี้โหมวแล้ว เขาไม่เคยคิดที่จะจดทะเบียนสมรสกับกงลี่
ในใจลึกๆแล้วเขายังมีความรู้สึกผิดต่อครอบครัวเก่า โดยเฉพาะกับลูกสาวซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเริ่มต้นครอบครัวใหม่ การอยู่กินกันในฐานะคู่รักระหว่างกงลี่กับจางอี้โหมวเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าหากมีการแต่งงานจดทะเบียนมันก็จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะทำให้จางโมในวัย 10 กว่าขวบมีปัญหากับเขาได้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วเขาก็แทบไม่มีเวลาให้กับจางโม นอกเสียจากการพูดคุยกันทางโทรศัพท์และส่งเสียค่าเลี้ยงดู
จางอี้โหมวเคยบอกกับกงลี่เมื่อเธอถามถึงเขาเรื่องการจดทะเบียนสมรส จางบอกว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับกระดาษแผ่นเดียวมากนัก
คำตอบนี้สร้างความรู้สึกผิดหวังและกงลี่ เธอเริ่มรู้ว่าบางทีทั้งคู่อาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ เธอกับจางเริ่มระหองระแหงกันก่อนหน้าที่จะเปิดกล้องดอกไม้ในมือเจ้าพ่อ และเมื่ออยู่ในระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ทั้งคู่ก็ตกลงกันอย่างเงียบๆ ว่าหลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้นก็จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างกัน
สาเหตุหนึ่งที่กงลี่เริ่มคิดถึงการยุติความสัมพันธ์มาจากจางโมในวัยเด็ก จางอี้โหมวที่ห่วงลูกสาวมากๆ เขาใช้เวลาพูดคุยโทรศัพท์กับจางโมค่อนข้างมาก แต่ละครั้งก็ใช้เวลานานนับชั่วโมง จนมีอยู่หลายครั้งที่จางอี้โหมวพูดคุยกับจางโมจนไม่สนใจเรื่องอื่น ครั้งหนึ่งเขานัดให้กงลี่โทรหาเขา แต่เมื่อเธอโทรไป สายโทรศัพท์ไม่ว่างและเป็นเช่นนั้นอยู่นาน
กงลี่กดโทรศัพท์แล้วจิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้ดีว่าจางอี้โหมวกำลังคุยอยู่กับจางโมเป็นแน่ เธอรู้สึกน้อยใจ เขาทำกับว่าเธอไม่มีความสำคัญอะไรเลย และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในครั้งนั้นสองพ่อลูกคุยโทรศัพท์กันร่วม 2 ชั่วโมง จนเขาลืมไปเลยว่าได้นัดกงลี่เอาไว้
ครั้งหนึ่งกงลี่ทำให้จางอี้โหมวมาอยู่กับเธอ ทิ้งให้เสี่ยวฮัวและลูกสาวต้องใช้ชีวิตกันสองแม่ลูก แต่แล้วเหมือนชีวิตตีกลับ เธอไม่สามารถอยู่กับจางได้ก็สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากจางโมลูกสาวของเสี่ยวฮัว ทั้งในเรื่องของการไม่ยอมจดทะเบียนด้วยกลัวลูกเสียใจหรือรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับลูกมากกว่าตัวเธอเอง
ปี 1995 ดอกไม้ในมือเจ้าพ่อออกฉาย ตัวหนังประสบความสำเร็จเช่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือเนื้อหาในเรื่องนี้ที่จางอี้โหมวพูดถึงผลกระทบที่ผู้ใหญ่กระทำต่อเด็กโดยที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ส่งผลให้เด็กคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันอาจจะเป็นเนื้อหาที่จางรู้สึกถึงจางโมผู้เป็นลูกสาวก็เป็นไปได้ และปี 1995 มันก็เป็นปีสุดท้ายสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างจางอี้โหมวกับกงลี่ ยุติความรัก 8 ปี พร้อมกับข่าวว่าเธอกำลังคบหาดูใจกับมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์
แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ยังคงสถานะมืออาชีพในการทำงานยังคงสร้างงานในระดับสุดยอดร่วมกันอีก 2 เรื่องนั่นก็คือ Curse of the Golden Flower ปี 2006 และ Coming Home ในปี 2015
หลังแยกทางจากอี้โหมวได้ไม่กี่ปี กงลี่แต่งงานสมใจกับคนรักใหม่มหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ และเธอสละสัญชาติจีนไปถือสัญชาติสิงคโปร์ในเวลาถัดมา ยังผลให้ชาวจีนจำนวนมากคลั่งแค้นราวกับว่าสูญเสียสมบัติประจำชาติไป(แต่หลังจากนั้นเธอก้หย่ากับเศรษฐีชาวสิงคโปร์)
สำหรับเสี่ยวฮัวแล้ว หลังจากเลิกรากับจางอี้โหมว เธอได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากจาง ในขณะเดียวกันเธอก็เต็มไปด้วยความกตัญญูเข้ากันได้ดีกับแม่ยายซึ่งก็คือแม่ของจางอี้โหมว แม่ของจางรักเสี่ยวฮัวอดีตลูกสะใภ้ราวกับลูกสาวในไส้ ถึงขนาดที่แม่ของจางขอร้องให้เธอมองหาชีวิตคู่ใหม่ เสี่ยวฮัวยังวนเวียนกลับไปดูแลแม่ของจางอยู่เสมอ และเธอไม่คิดจะแต่งงานใหม่ ในเวลาไม่นานเธอมองหาสิ่งที่อยากทำ เสี่ยวฮัวกลายมาเป็นนักเขียนดังที่ประสบความสำเร็จทั้งการเขียนหนังสือเล่มและบทความตีพิมพ์ในสื่อต่างๆ
เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เธอเขียนหนังสือเล่มใหม่พร้อมกับบอกว่า ณ เวลานี้เมื่อผ่านไป 30 กว่าปีมันคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปบอกว่าใครผิดหรือถูก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่างหาก
เธอก็เหมือนกับคนที่ฝังความคับข้องใจที่ผ่านมาในอดีตไปแล้ว ทุกวันนี้ไม่เห็นความเศร้าในตัวเธออีกต่อไป
เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่บ่งบอกกับใครว่าเป็นอดีตภรรยาของจางอี้โหมว ไม่เล่าเรื่องอดีตให้ใครฟัง ใช้ชีวิตในแบบหญิงชราอายุเกิน 70 ปีที่สงบ
เสี่ยวฮัวได้พบกับจางอี้โหมวอีกครั้งหนึ่งหลังจากเลิกลากันไป 25 ปีในวันแต่งงานของลูกสาว ทั้งคู่มองหน้ากัน เสี่ยวฮัวมีสีหน้าไร้ความรู้สึก จางอี้โหมวยิ้มให้ จางโมที่อยู่บนเวทีกลับรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก พ่อแม่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในวันที่เธอแต่งงาน เธอเข้าไปสวมกอดทั้งคู่และร้องไห้ออกมา แต่มันเป็นน้ำตาของความดีใจ
แม้พ่อกับแม่จะไม่ได้มาอยู่ด้วยกันอีก สำหรับเธอแล้วถึงแม้พ่อจะไม่ได้อยู่เลี้ยงดูเธอ แต่เขาก็เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อเธอมากที่สุด เหมือนกับที่เธอเป็นคนที่ส่งผลต่อความคิดและการกระทำของพ่อมากที่สุดเช่นกัน
โฆษณา