15 มิ.ย. 2023 เวลา 03:29 • ธุรกิจ

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทรูฯ A+ หลังรวม ดีแทค

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของ ทรู คอร์ปอเรชั่น A+ เผย อันดับเครดิตสูง ยิ่งมีทางเลือกที่มากขึ้นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
เมื่อเดือนมีนาคม 2566 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ควบรวมกิจการและได้ใช้ชื่อในนาม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ A+ โดยทริสเรทติ้ง
อันดับความน่าเชื่อถือของ ทรูฯ ภายหลังควบรวม ถูกจัดให้อยู่ในระดับ A+ โดยทริสเรทติ้ง สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งการจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งจะเริ่มต้นตั้งแต่ AAA ไล่ลงไปจนถึง D เรทติ้งดังกล่าวถือเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้นักลงทุนทราบถึงสุขภาพทางการเงินและความเสี่ยงของบริษัทที่ต้องการเข้าไปลงทุน
โดยก่อนการรวมกิจการ อันดับความน่าเชื่อถือของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUEE อยู่ที่ระดับ BBB+ และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC อยู่ที่ระดับ AA การที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ควบรวมแล้วได้รับการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นสามระดับ จาก BBB+ เป็น A+ นั้น ช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนได้กว้างขึ้น ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
“ยิ่งอันดับเครดิตสูง บริษัทก็จะยิ่งมีทางเลือกที่มากขึ้นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า ทำให้ในระยะยาวช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการกู้ยืมและเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน คล้ายๆ กับในกรณีของบุคคล การมีอันดับเครดิตที่ดีช่วยให้บุคคลนั้นๆ สามารถเข้าถึงสินเชื่อหรือเงินกู้จากธนาคารได้ในอัตราดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล”
นกุล เซห์กัล ผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม)
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมีการจัดอันดับเครดิตโดยพิจารณาจากมุมมองและแนวโน้มในอนาคตเป็นหลัก ซึ่งทริสเรทติ้งนั้นเชื่อว่าการรวมกิจการในครั้งนี้จะนำมาซึ่งโอกาสมากมายจากการประสานพลัง (synergy) ของสองบริษัท
“การจัดอันดับเครดิตบริษัทนั้นเป็นเสมือนจุดอ้างอิงให้กับนักลงทุนในการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน ยิ่งอันดับเครดิตสูง ความเสี่ยงก็ยิ่งต่ำ และในระยะยาวนั้นจะช่วยลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มที่มากขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น”
ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม)
การที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ควบรวมแล้วได้รับการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นสามระดับ จาก BBB+ เป็น A+ นั้นช่วยให้บริษัทสามารถรีไฟแนนซ์หนี้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และเข้าถึงสภาพคล่องในตลาดด้วยกลุ่มนักลงทุนที่กว้างขึ้น
โฆษณา