15 มิ.ย. 2023 เวลา 08:04 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

4. จางโม กับ กงลี ไม่มีอะไรยากเกินกว่าคำว่า "อภัย"

จางโมได้เขียนหนังสือชื่อว่า My Father and Mother เนื้อหาในหนังสือเธอกล่าวโทษกงลี่ว่าทำให้ครอบครัวของเธอล้มเหลว กงลี่เป็นมือที่สาม คำพูดในหนังสือของเธอเฉียบคมและเต็มไปด้วยความโกรธ เธอระบุว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับกงลี่ทำให้วัยเด็กของเธอพังทลาย
เพื่อกอบกู้ความสัมพันธ์กับลูกสาวเพียงคนเดียวจางอี้โหมวใช้เวลากับเธอมากยิ่งขึ้น เมื่อจางโมโตขึ้นเขาพาเธอไปกองถ่าย และจางโมก็แสดงให้เห็นว่าเธอสนใจการสร้างหนังจางอี้โหมวจึงส่งเธอไปเรียนในสหรัฐอเมริกาจนสำเร็จการศึกษาจาก Tisch School of the Arts แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค จากนั้นเธอก็กลับประเทศจีนเพื่อทำงาน
เธอเริ่มต้นเป็นผู้ช่วยพ่อในกองถ่ายตั้งแต่ช่วยกำกับ ตัดต่อ และบางครั้งก็ช่วยอ่านบท
จนกระทั่งถึงหนังเรื่อง Coming Home ที่เปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานน์ปี 2014 ตัวหนังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์มากมายและทำรายได้ในเมืองจีนมากกว่า 100 ล้านหยวน หนังเรื่องนี้เป็นการนำจางอี้โหมวกลับมากำกับกงลี่อีกครั้ง แต่ในคราวนี้กงลี่แต่งงานกับเศรษฐีสิงคโปร์และหย่าไปแล้ว ในขณะที่จางอี้โหมวก็เริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่อีกครั้งกับเฉินถิง(ซึ่งจะกล่าวถึงเธอในบทต่อไป)
Coming Home ทำให้จางโมต้องมาทำงานใกล้ชิดกับกงลี่หญิงสาวที่เธอโกรธเกลียดมาตั้งแต่เด็ก ในระหว่างการทำงานร่วมกันนั้น กงลี่กับจางโมก็ดูเหมือนจะได้บทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิง 2 คน
จางโมเกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1983 เธอจำได้ว่าในตอนเด็กๆที่ครอบครัวยังอยู่กันพร้อมหน้า พ่อของเธอมักไปทำงานข้างนอกตลอดทั้งปีและไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่กลับบ้านพ่อจะนำของเล็กๆน้อยๆทั้งอร่อยและสนุกมาให้เธอ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ๆที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
พ่อกลายเป็นขวัญใจของเธอ เธอตั้งหน้าตั้งตารอพ่อกลับบ้าน แต่เมื่อมีกงลี่ผ่านเข้ามา จางอี้โหมวและเสี่ยวฮัวก็ยุติชีวิตคู่
หลังหย่าร้างจางโมอยู่กับเสี่ยวฮัวผู้เป็นแม่ แม่ทุ่มเททุกสิ่งอย่างให้กับลูกสาวเธอจึงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม่มาก และจางโมก็เห็นแม่แอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ เห็นถึงความเจ็บปวดที่พ่อและกงลี่สร้างเอาไว้ เมื่อทั้งจางอี้โหมวและกงลี่ขึ้นเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง สื่อมวลชนต่างเล่นข่าวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกงลี่ ซึ่งส่งผลกระทบมาสู่จางโมในวัยเด็กที่กำลังเรียนหนังสืออยู่
เธอถูกเพื่อนล้อเยาะเย้ยที่โรงเรียนโดยกล่าวว่าพ่อของจางโมไม่ต้องการจางโมอีกต่อไป จางโมมักซ่อนตัวอยู่ที่บ้านและร้องไห้หลังกลับจากโรงเรียน เธอได้รับแรงกดดันอย่างหนัก ได้รับผลกระทบทางจิตใจภายใต้เงาการหย่าร้างของพ่อแม่
ในปี 1992 เสี่ยวฮัวซึ่งกลายเป็นนักเขียนได้ตีพิมพ์อัตชีวประวัติเรื่อง Old Times ซึ่งเปิดเผยรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับชีวิตการแต่งงานของเธอกับจางอี้โหมวที่จบลงเพราะกงลี่ เธอบอกว่าเริ่มแรกก็ไม่ต้องการที่จะหย่าเพราะคิดไปว่าจางคงจะหลงผิดไปชั่วขณะ แต่เมื่อรั้งไว้ไม่ได้เธอจึงจำใจต้องหย่าอย่างไม่ยินยอม แม้ว่าจะมีบางคนแนะให้แก้แค้นทำเรื่องราวให้ใหญ่โต แต่เธอรู้ดีว่าเด็กที่ลำบากอย่างแสนสาหัสมีชีวิตจากศูนย์อย่างจางอี้โหมว กว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจแรงกล้าและเธอก็ไม่ต้องการทำลายผู้ชายคนนี้
ในหนังสือเป็นเหมือนคำสารภาพถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว เสี่ยวฮัวรู้ดีว่าคนอ่านนับล้านจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ แต่มีคนๆเดียวที่เธอไม่ต้องการให้อ่านหนังสือเล่มนี้ที่สุดก็คือจางโม ลูกสาววัยเพียง 10 ขวบของเธอ แต่จางโมคือผู้ที่อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างจริงจังมากที่สุด เธอร้องไห้เวลาที่อ่านและในขณะเดียวกันมันก็เพาะสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นให้ผุดขึ้นในใจเธอ
เมื่อเธอรู้ความมากขึ้นพ่อพาเธอมากองถ่ายและเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับกงลี่ตัวเป็นๆ จางอี้โหมวหวังว่าผู้หญิงทั้งสองคนจะไขว่คว้าโอกาสเข้ากันได้ แต่ทว่ากงลี่ไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ เธอแสดงความริษยาและเพิกเฉยกับความตั้งใจของจางอี้โหมว ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้จางอี้โหมวใช้เวลาอยู่กับลูกสาวนานเกินไป พฤติกรรมของกงลี่ทำให้เด็กหญิงยิ่งขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้น
เหตุการณ์นี้ที่ทำให้จางอี้โหมวมองเห็นทัศนคติของกงลี่และลูกสาวที่มีต่อกัน มันจึงมาสู่การตัดสินใจว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถที่จะแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกับกงลี่ได้เสียที
ระหว่างเสี่ยวฮัวกับกงลี่ จางอี้โหมวเลือกกงลี่อย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ถึงคราวต้องเลือกระหว่างลูกสาวกับกงลี่ มันก็พิสูจน์แล้วว่าเลือดข้นกว่าน้ำ
หลังจากนั้นจางอี้โหมวพาจางโมมากองถ่ายหนังและอยู่ร่วมกันกับลูกสาวทั้งวันทั้งคืน จนทำให้จางโมในวัย 10 กว่าขวบรู้สึกชอบหนัง ชอบการถ่ายทำ ประสบการณ์นี้ทำให้เธออยากเดินรอยตามพ่อ และเมื่อกงลี่จากพ่อไปแล้วเธอก็รู้สึกว่าพ่อของเธอได้กลับมาหาเธอแล้ว
ในปี 1999 จางโมอายุ 16ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้น เธอเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง และคนมักพูดอยู่เสมอว่านี่แหละคือลูกสาวจางอี้โหมว เธออยู่ภายใต้รัศมีของพ่อมาโดยตลอด เธอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อและบอกว่าต้องการที่จะเรียนต่อหรืออยู่ในที่ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของจางอี้โหมว เธอต้องการมีชีวิตส่วนตัวบ้าง
จางผู้พ่อรีบดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ลูกสาวไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างรวดเร็ว จนเธอสามารถไปเรียนที่อเมริกาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่จางโมไม่วางใจก็คือแม่ สำหรับแม่แล้วจางโมคือทุกสิ่งทุกอย่าง เธอรู้สึกว่าแม่จะอยู่ได้อย่างไรถ้าเธอไปเรียนต่อเมืองนอก แม่ไม่มีครอบครัวใหม่ ไม่เข้าสังคมและในขณะเดียวกันแม่ก็ถูกปลดออกจากงานกลายเป็นคนว่างงาน มีรายได้เล็กๆน้อยๆกับการเขียนบทความเขียนหนังสือบ้าง แต่สิ่งที่ลำบากที่สุดก็คือแม่จะต้องทนอยู่กับความเหงาไปอีกนานกว่าที่เธอจะเรียนจบ
เสี่ยวฮัวบอกกับลูกว่าตราบใดที่ลูกสบายดี แม่ก็สบายดีเช่นกัน
ในตอนนั้นจางอี้โหมวต้องการช่วยเหลือเสี่ยวฮัวในเรื่องการเงิน เดิมทีเขาให้เงินช่วยเลี้ยงดูลูก แต่ตอนนี้เมียเก่ากำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน แต่เสี่ยวฮัวไม่ยอมรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม เธอเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตนเองสูง เด็ดเดี่ยว ตอนนี้พวกเขาแยกจากกันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เธอปฏิเสธความช่วยเหลือทั้งหมดจากจางอี้โหมว เขาจึงส่งเงินให้ทางจางโม และขอให้ลูกสาวส่งเงินให้แม่ในชื่อของเธอเอง
เธอเรียนทางด้านสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียแต่หลังจากนั้นเธอก็พบว่าสถาปนิกส่วนใหญ่มักจะอยู่คนเดียวมีความเหงาและไม่ค่อยได้ทำงานเป็นทีมอย่างที่เธอต้องการ ไม่เหมือนกับงานในกองถ่ายหนังที่ทุกอย่างเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ มันเป็นความหลงใหลที่ส่งต่อมาจากพ่อและความทรงจำวัยเยาว์
จางอี้โหมวก็เลยบอกกับลูกสาวว่าในเมื่อมันเป็นศิลปะครบวงจรแล้วทำไมลูกไม่มาเรียนภาพยนตร์จากนั้นจางโมจึงหันมาเรียนทางด้านศิลปะและจบจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค
ปี 2006 ทันทีที่จางโมในวัย 22 -23 ปี จบการศึกษาเธอก็ตัดสินใจแต่งงานกับโทนีหนุ่มอเมริกันท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจากพ่อแม่ที่กังวลว่าจางโมจะแต่งงานเร็ว พวกเขาคิดว่าจางโมยังเด็กเกินไปและไม่รู้ว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน แต่อย่างไรก็ตามจางโมซึ่งเติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวกระตือรือร้นที่จะสร้างครอบครัวของตนเอง
การใช้ชีวิตต่างแดนเพียงลำพังเป็นเวลาหลายปีทั้งโดดเดี่ยวและต้องการความอบอุ่น เธอไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อแม่ แต่ชีวิตสมรสก็ประสบปัญหาอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ถูกสามีทำร้ายร่างกายหลังจากดื่มจนเมามาย สุดท้ายก็ต้องหย่าจากกัน
เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้กับพ่อแม่ฟังเลยจนกระทั่งหลังการหย่าถึงได้เริ่มบอกสาเหตุกับพ่อแม่ การแต่งงานที่พังทลายของลูกสาวทำให้เสี่ยวฮัวเสียใจมาก เธอเคยประสบปัญหามาก่อน เธอจึงหวังว่าการแต่งงานของลูกสาวจะราบรื่น แต่ลูกสาวก็ล้มลงบนเส้นทางเดียวกับที่เธอเคยผ่าน หลังหย่าร้างจางโมเดินทางกลับจีนและได้เข้าร่วมทำงานในบริษัทของจางอี้โหมว
เขาถือว่าลูกสาวเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดเขาถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆให้เธอ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับผู้ตัดต่อรวมทั้งสร้างสรรค์บท จางโมทำงานหนักจนได้รับความเชื่อถือจากทีมงาน และที่สำคัญผู้ที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดก็คือจางอี้โหมวที่ไม่ลืมว่าเขาเป็นพ่อของเธอและดูแลลูกสาวคนนี้อย่างดีเสมอมา ในช่วงเวลานี้มันจึงเป็นช่วงเวลาของการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ รักษาบาดแผลภายในใจของลูกสาวที่เจ็บปวดมาตั้งแต่เด็กให้รู้สึกดีขึ้นมาทีละน้อย ความเหินห่างระหว่างพ่อลูกได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์
ในปี 2013 จางอี้โหมวและกงลี่กลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งใน Coming Home โดยมีจางโมเป็นผู้ช่วย
ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้นที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีถัดมา เมื่อ Coming Home เปิดตัว จางโมตรงไปกอดกงลี่อย่างดีใจเมื่อหนังได้รับการต้อนรับ เธอกอดกงลี่อย่างสนิทและอบอุ่น ความรู้สึกเกลียดชังที่เธอมีหายไปแล้ว ความล้มเหลวในครอบครัวทำให้เธอเรียนรู้ชีวิต ความใกล้ชิดกับพ่อทำให้เธอเริ่มเปิดใจไม่ติดยึดกับความคิดของตนเอง เปลี่ยนมุมมองของตนเป็นมืออาชีพมากขึ้น เปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวเล็กๆเป็นหญิงสาวที่มีประสบการณ์มีความคิด และเอาชนะความรู้สึกทางอารมณ์กับความยากลำบากที่เคยมีมาได้
ในความรู้สึกของจางโมแล้ว เธอคิดว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ให้อภัยไม่ได้
ในปี 2016 จางโมเริ่มกำกับหนังเรื่องแรก Suddenly Seventeen ตอนนั้นเธออายุ 32 ปีเป็นหนังเรื่องแรกที่เธอบอกว่ามันสะท้อนประสบการณ์ชีวิตของเธอในต่างแดนและในช่วงอายุ 17 ถึง 28 ปีและเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตของเธอ
หลายครั้งที่จางอี้โหมวไปเยี่ยมลูกสาวในกองถ่าย คำแนะนำที่พ่อให้กับลูกก็คือให้ผ่อนคลายจิตใจและเป็นตัวของตนเอง
หนังทำรายได้ในจีนสูงถึง 129 ล้านหยวนและจางโมก็ได้รับรางวัลผู้กำกับหนังหน้าใหม่แห่งปี
ผลกระทบจากการหย่าร้างของพ่อแม่และความล้มเหลวในการแต่งงานของตนเอง จางโมจึงมีความกลัวการแต่งงาน หลังจากที่เธอกลับมาเมืองจีนเสี่ยวฮัวแม่ของเธอคอยยุให้จางโมมีชีวิตคู่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้อยู่คนเดียว จางโมเคยถามแม่ว่าความหมายของการแต่งงานคืออะไร เราได้อะไรจากการแต่งงาน เพราะสุดท้ายก็อยู่เพียงคนเดียว
แล้วผู้เป็นพ่อก็เข้ามาช่วยลูกสาวในช่วงจังหวะชีวิตนี้อีกครั้ง จางอี้โหมวใส่ใจปัญหาส่วนตัวของลูกสาว เขาบอกว่าในฐานะพ่อ พ่ออยากให้ลูกสาวมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานและค่อยๆโน้มน้าวให้จางโมเลิกกลัวการมีชีวิตคู่
เธอได้พบรักอีกครั้งกับหนุ่มชาวสวิสที่เกิดในเกาหลีใต้และแต่งงานกันในปี 2013 การแต่งงานในครั้งนี้ก็ได้ทำให้จางอี้โหมวและเสี่ยวฮัวมาพบกันอีกครั้งในรอบ 25 ปี เสี่ยวฮัวขอบคุณจางอี้โหมวที่ทำให้ลูกสาวของเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และจางก็กล่าวขอบคุณเสี่ยวฮัวที่เลี้ยงดูลูกสาวของเธออย่างหนักในช่วงปีที่ลำบาก
สิ่งที่เรียนรู้ได้สำหรับเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้ก็คือการเปลี่ยนแปลงของโลก เวลาที่ผ่านไปทำให้ทุกคนแก่ตัวลง และในขณะเดียวกันเราก็ได้เรียนรู้เหมือนกับที่จางโมเรียนรู้ที่จะอยู่กับกงลี่ว่าไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าจะให้อภัยกันได้
โฆษณา