16 มิ.ย. 2023 เวลา 07:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

บทส่งท้ายตำนานรักจางอี้โหมว

(ถ้าเป็นซีรี่ส์เกาหลีผมจะตั้งชื่อว่า รักวุ่นๆของนายจาง)
5. เฉินถิง แล้วจางอี้โหมวก็เจอบทสรุปของความรัก
ในปี 2012 ต่อเนื่อง 2013 ได้เกิดข่าวแพร่กระจายอย่างดุเดือดบนอินเตอร์เน็ต เมื่อมีคนรายงานว่าผู้กำกับจางอี้โหมวมีลูกกับเมียลับถึง 3 คน นำมาสู่การถูกถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะพฤติกรรมของจางอี้โหมวที่ละเมิดกฎหมายครอบครัว ผู้ที่แจ้งเบาะแสในอินเตอร์เน็ตมุ่งประเด็นโจมตีไปที่จางอี้โหมวเพื่อให้เกิดการต่อต้านและทำลายชื่อเสียงเขาอย่างรุนแรง แต่ทว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
........
พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
ประชากรเน็ตแตกตื่นกันมากว่าหญิงสาวคนใหม่ของจางอี้โหมวเป็นใคร พยายามสอดรู้สอดเห็นตามสืบกันไปทั่ว จนทราบว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่า "เฉินถิง" และเป็นเพียงเด็กสาวที่มีอายุห่างจากจางอี้โหมวถึง 31 ปี และก็ต้องตกใจไปกว่านั้นอีก เมื่อเธอมีอายุมากกว่าจางโมลูกสาวของจางอี้โหมวเพียงแค่ 2 ปี
ชื่อของเฉินถิงกลายเป็นหญิงสาวที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานั้น ทุกคนต่างพยายามค้นหาว่าหญิงผู้นี้คือใคร ผู้แจ้งเบาะแสยังระบุว่าทั้งคู่คบหากันในตอนที่เฉินถิงมีอายุเพียง 19 ปีเสียด้วยซ้ำ ซึ่งในเวลานั้นจางอี้โหมวก็มีอายุปาเข้าไป 50 ปีแล้ว
มันใช่เป็นตำนานโคแก่กินหญ้าอ่อนหรือชายแก่หลอกเด็กหรือไม่
หรือว่าจะเป็นเรื่องของเด็กสาวมุ่งจับเศรษฐีกันแน่
เพราะในปี 2000 ที่ทั้งคู่เริ่มคบกันนั้นจางอี้โหมวคือผู้กำกับจีนที่ร้อนแรงที่สุดหนังของเขาทุกเรื่องทำเงินทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศและโด่งดังไปทั่วโลก เขามีรายได้เข้าข่ายมหาเศรษฐี
จางอี้โหมวตกใจอย่างมากเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปในอินเทอร์เน็ต ที่ผ่านมาตลอดเวลา 12-13 ปีที่เขาคบหากับเฉินถิงจนมีลูกด้วยกัน 3 คนนั้น เขาพยายามควบคุมข่าวสารไม่ให้มีเรื่องความสัมพันธ์รักครั้งนี้แพร่ออกไปจนเป็นเรื่องอื้อฉาว แล้วทำไมข่าวนี้ถึงหลุดออกไปได้
ใครเป็นคนตั้งใจทำลายชื่อเสียงของเขา หรือพยายามใช้เรื่องนี้หาผลประโยชน์อย่างไรก็แล้วแต่ จางอี้โหมวไม่สนใจ เขาสนใจเพียงแต่ว่าจะทำยังไงที่จะปกป้องภรรยาใหม่และลูกให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ไปได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวฉาวนี้นำมาซึ่งการสืบสวนของทางรัฐบาล ตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายวางแผนครอบครัว
จางอี้โหมวตั้งสติ เขาจะรับมืออย่างไร เมื่อคิดได้ เขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
คนที่เป็นเจ้าแห่งการเล่าเรื่องอย่างเขา เริ่มลงมือสยบข่าวฉาวและหาทางพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เริ่มต้นด้วยจางอี้โหมวไม่ออกมาปฏิเสธข่าว เขายอมรับทุกสิ่งอย่างที่ออกมาเป็นข่าว ขอโทษสังคมและยินดีที่จะเสียค่าปรับซึ่งเป็นเงินมากกว่า 7 ล้านหยวน สิ่งที่เกิดขึ้นกรณีของจางอี้โหมว ส่งผลให้ประชากรเน็ตในจีนรุมกระหน่ำรัฐบาลและสังคมจีน ด้วยประเด็นที่ว่าคนมีเงินหรือเศรษฐีต่างก็มีลูกได้มากกว่า 1 คน แต่สำหรับคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์มีเสียงต้องทนอยู่กับความอยุติธรรม และหลายคนถึงกับถูกทางการบังคับให้ทำแท้ง
ที่ผ่านมาทางการจีนยอมให้นโยบายลูกคนเดียวถูกผ่อนปรนในบางพื้นที่ เช่นพื้นที่ชาวเขา หรือตามหลักศาสนาบางอย่าง รวมไปถึงครอบครัวที่มีบุตรคนแรกเป็นลูกสาวอาจจะได้รับการผ่อนผัน แต่กรณีของจางอี้โหมวถูกมองว่าเขาเป็นคนรวย เป็นคนมีเงิน ยิ่งเป็นผู้กำกับหนังอันดับ 1 ของจีน มันทำให้เห็นสิทธิพิเศษที่ไม่เท่าเทียมกันในสังคมคอมมิวนิสต์ แต่การที่จางอี้โหมวยอมรับทุกอย่างและยินยอมจ่ายค่าปรับพร้อมออกมาขอโทษสังคม ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ดูเหมือนว่าทุกสิ่งอย่างจะเข้าทางคนปล่อยข่าวที่จ้องทำลายชื่อเสียง
แรกๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น แต่ทว่าคนที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์นี้ได้นั่นก็คือเฉินถิงภรรยาใหม่ของเขานั่นเอง
กระแสที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐและสังคมจีนรวมไปถึงตัวจางอี้โหมวอาจจะมีมาก แต่เทียบไม่ได้กับกระแสในอินเทอร์เน็ตที่พุ่งเป้าไปที่ภรรยาของเขาว่าเป็นใคร มาจากไหน ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่อย่างจางมีผู้หญิงสวยๆ นับร้อยนับพันคนที่ผ่านเข้ามาให้เขาคัดตัวเป็นดารา ทำไมเขาถึงผ่านคนเหล่านี้ไป แต่กลับมาอยู่กับเฉินถิงที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีชื่อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
เพื่อดับกระแสข่าวลือและปกป้องครอบครัว จางอี้โหมวยอมรับและบอกว่าเขาไม่โกรธที่ข่าวนี้หลุดออกไป ซ้ำยังต้องขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ในที่สุดเขาก็สามารถที่จะอยู่กินกับภรรยาที่มีชื่อว่าเฉินถิงอย่างออกหน้าออกตาได้เสียที เขาสามารถเฝ้าดูลูกๆ ของเขาเติบโตได้เคียงข้างครอบครัวอย่างแท้จริง พร้อมทั้งโพสต์ภาพสมาชิกในครอบครัว 5 คนบน Weibo
แล้วหลังจากนั้นไม่นานเฉินถิงก็เปิด Account ส่วนตัวบน Weibo และทำตนเองให้เป็นคนสาธารณะที่ทุกคนสามารถมองเห็นเธอได้ เธอกับจางรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ที่เป็นชีวิตส่วนตัวของคนดังยิ่งปิดก็ยิ่งถูกเปิดเพราะฉะนั้นก็เปิดมันเสียเลย และอาศัยวิกฤตการณ์นี้สร้างโอกาสในชีวิตของตนเองขึ้นมา
แต่ประชากรเน็ตที่ไหนๆ ก็เหมือนกันมักจะมองทุกสิ่งอย่างในเชิงสงสัยเอาไว้ก่อน ประชากรเน็ตจีนเห็นความแตกต่างทางอายุที่ห่างกันถึง 31 ปี ทันใดนั้นก็มีความคิดเห็นที่ไม่ดีเกิดขึ้นมากมาย บางคนบอกว่าจางอี้โหมวล่อลวงนักศึกษาหญิง และก็อีกจำนวนหนึ่งที่บอกว่าเฉินถิงเธอพยายามหาเสี่ยเลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่มีใครเลยที่มองว่าเรื่องนี้คือความรักที่แท้จริงระหว่างคนทั้งสอง
บางคนก็ถึงระบุว่าการคบกันของคนทั้งคู่มีการลงนามทำหนังสือข้อตกลงในเรื่องของผลประโยชน์อะไรต่างๆ คนในอินเตอร์เน็ตก็คาดเดากันไปและก็ระดมความคิดเห็นสาดสีกันเข้ามา
.........................
ในปี 2000 เวลานั้นจางอี้โหมวยุติความสัมพันธ์กับกงลี่มาแล้วเป็นเวลา 5 ปี ยังไม่มีคนรักใหม่เป็นตัวเป็นตน เขาอยู่ในช่วงของการเลือกนางเอกใหม่สำหรับหนัง Happy Times จางตั้งใจเฟ้นหาหน้าใหม่ของวงการ แล้วใครล่ะจะไม่อยากมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ของผู้กำกับรายใหญ่อันดับหนึ่งของจีน เฉินถิงในเวลานั้นอายุ 19 ปีก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอกับเพื่อนร่วมชั้นที่สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่้งเข้าไปร่วมทดสอบบท
สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่รวบรวมหนุ่มสาวชายและหญิงที่หล่อและสวยที่สุดในประเทศ พวกเขาสมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตา ต่างเข้ามาในสถาบันเพื่อหวังว่าจะได้กลายเป็นดาวดวงใหม่ของอุตสาหกรรมบันเทิงจีน โดยเฉพาะนักเรียนหญิงจากที่นี่หลายๆ คนกลายมาเป็นนางเอกยอดนิยมของจีน และถ้าผู้กำกับอันดับหนึ่งของจีนมาคัดเลือกนักแสดงหญิงจากสถาบันแห่งนี้มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา
เมื่อเฉินถิงทราบข่าวนี้ เธอตั้งใจที่จะเข้าร่วมการคัดเลือก เธอไม่ได้หวังสูงที่จะเป็นนางเอกเพราะรู้ดีว่าพื้นหลัง ทั้งฐานะ หน้าตา และทักษะของการแสดงเธอไม่ได้โดดเด่นเหนือกว่าคนอื่น เธอเคยเปรียบเทียบตนเองกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเอาไว้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นต่างก็เป็นเหมือนดอกกุหลาบที่สวยงามในสวนที่มีคนงานบรรจงแต่งแต้ม แต่เธอเป็นเพียงแค่ดอกเดซี่ริมทางเท่านั้น
เฉินถิงเกิดในครอบครัวธรรมดาที่เมืองอู๋ซีไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ที่บ้านไม่ได้มีฐานะที่จะเจือจุน เป็นเพียงแค่ครอบครัวธรรมดา และหน้าตาของเธอแม้จะน่าดูแต่ถ้าเทียบกับคนอื่นในสถาบันฯ เธอดูธรรมดายิ่งนัก เธอรู้สึกว่าที่สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยหญิงงาม โอกาสที่เธอจะได้รับการคัดเลือกมันก็เป็นเพียงโอกาสที่น้อยเต็มที แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่เธอจะสามารถต่อยอดในการไปออดิชั่นคัดตัวต่อไปในอนาคต
ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น เฉินถิงไม่ได้รับเลือกให้เป็นดารานำในเรื่อง แต่บุคลิกภาพหน้าตาของเธอถูกใจจางอี้โหมวเป็นพิเศษ และเขาก็พยายามติดต่อเธอหลังจากนั้น ใช้ความอดทนในการเข้าหาหญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงใจ ดังนั้น เฉินถิงจึงยอมรับในตัวจางอี้โหมวแม้ว่าจะมีอายุห่างกันมากกว่า 3 ทศวรรษ เธอตกลงปลงใจเป็นคู่รักกับเขาแต่มันก็อยู่บนพื้นฐานที่ต้องปิดบังไม่ให้ใครอื่นในสังคมได้รับรู้
เฉินถิงในเวลานั้นเป็นเด็กสาวเพียงอายุ 19 ปี ยังไม่จบการศึกษาจากโรงเรียนภาพยนตร์ และมีประสบการณ์ทางสังคมน้อยมาก ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหลังจากคบกับจางไม่นานเธอก็พบว่าตั้งครรภ์ลูกของเขา เธอต้องการความช่วยเหลือจากจางอี้โหมว และจางก็หวังว่าเธอจะให้กำเนิดลูกแก่เขาได้ แต่การมีลูกหมายความว่าเฉินถิงจะต้องเลิกเรียนหนังสือและการเลิกเรียนก็หมายถึงการยกเลิกอนาคต ยกเลิกความฝันในอาชีพที่เธอเคยวางเอาไว้
ด้วยชีวิตของเฉินถิงในวัย 19 นับว่ายังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ หากเธอเลือกทางสายครอบครัวที่จะร่วมไปกับจางอี้โหมว แต่ถ้าเธอเลือกอีกเส้นทางหนึ่งคือการเรียนให้จบบางทีเธออาจจะได้กลายเป็นนักแสดงดังในอนาคตก็ได้
แต่เฉินถิงในวัย 19 เลือกลูกและครอบครัว เธอตัดสินใจเลิกเรียนหนังสือ ลาออกจากสถาบันและกลับบ้านเก่าที่เมืองอู๋ซีที่เพื่อเลี้ยงลูก เธอทราบดีอยู่แล้วว่าการเป็นคนรักและมีท้องกับผู้กำกับดังไม่ใช่เรื่องง่าย มิหนำซ้ำมันจะต้องเป็นเรื่องรักที่บอกใครไม่ได้
เมื่อเลือกเส้นทางอยู่กับชายผู้เป็นที่รัก เธอตัดสินใจบอกพ่อแม่ เธอตั้งใจว่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ เธอหวังว่าพ่อแม่จะยอมรับและดีใจสำหรับลูกเขยที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเอง เมื่อพ่อแม่เห็นว่าอายุที่ห่างกันถึงขนาดนี้จะให้ทำใจยอมรับลูกเขยที่มีอายุแก่กว่าแม่ยายถึง 9 ปีได้อย่างไร ความแตกต่างของอายุที่มากเกินไปทำให้ครอบครัวของเฉินถิงต่อต้านอย่างรุนแรง
ไม่ว่าเธอจะอธิบายอย่างไร พ่อแม่ของเธอก็ต่อต้านไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เฉินถิงก็ไม่สามารถที่จะพาสามีไปพบกับพ่อแม่ยังเมืองอู๋ซีได้ และต้องอาศัยความพยายามอย่างมากที่จางอี้โหมวจะสามารถพบพ่อแม่ของเฉินถิงได้ จางรับรองอย่างจริงใจว่าเธอคือความรักที่เกิดขึ้นอย่างที่เขาไม่ได้หวังล่อลวงใดๆ เขามีแต่ความจริงใจให้กับเธอ ทั้งจางอี้โหมวและเฉินถิงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักและเวลามากมายในการพบปะกับพ่อแม่ เพื่อชักจูงทั้งคู่ให้เห็นด้วยกับความจริงใจของคนทั้งสองจนในที่สุดก็สามารถฝ่าด่านนี้ไปได้
ในเมื่อผ่านด่านพ่อแม่ของเฉินผิงไปได้แล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของจางอี้โหมวก็คือ ด่านสำคัญที่เขาจะต้องฝ่าให้ได้ ......แม่ของตัวเอง
แม่ของจางอี้โหมวเป็นหมอและเป็นปัญญาชน แม้ครอบครัวจะลำบากเพราะสามีอยู่ในฝั่งของเจียงไคเช็คทำให้ลำบาก แต่เธอก็หวังเสมอว่าลูกชายของเธอจะสามารถหาหญิงสาวที่คู่ควรกันและอยู่นอกแวดวงบันเทิง
จางอี้โหมวเป็นโสดมาหลายปีหลังการหย่าร้าง แต่แล้วจู่ๆ ลูกชายก็พาเด็กสาวที่มีอายุน้อยกว่าเขา 31 ปีเข้ามาแนะนำ และเด็กสาวคนนี้ก็หวังจะเป็นนักแสดงอีกด้วย แม่อดไม่ได้ที่จะกังวล ครั้งแรกที่รู้ข่าวจากลูกชายเธอสงสัยในตัวของเด็กสาว สงสัยในจุดประสงค์อะไรที่ทำให้คนอายุห่างกันขนาดนี้ถึงยอมมาเป็นภรรยาได้ หากไม่ใช่ต้องการยกระดับฐานะของตนเอง
แม่อาจจะตั้งสมมติฐานไว้อย่างนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จางอี้โหมวพาเฉินถิงมาที่บ้าน ความรู้สึกของแม่ก็เปลี่ยนไป เธอรู้สึกว่าเฉินถิงแตกต่างจากคนอื่นในวงการบันเทิงเธอ ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม บุคลิกของเธอก็พื้นๆ ไม่ได้มีสีสันอะไร แต่ผู้หญิงคนนี้มีความแข็งแกร่งในจิตใจ มีความมั่นคง เธอรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ไม่อ่อนแอ เธอสามารถที่จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่เบื้องหลังผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม่ของจางยังรู้ว่าเฉินถิงกำลังตั้งครรภ์ และที่บ้านก็ขาดเด็กตัวเล็กๆ มานาน เธอจึงตกลงในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ จึงทำให้สองครอบครัวยอมรับที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ปัญหาด้านบุพการีหมดไปแต่ปัญหาด้านสังคมยังรออยู่ โดยเฉพาะประเด็นความห่างของอายุ จางขอให้เฉินถิงอดทน เขาซื้อบ้านหลังใหญ่ในเมืองเกิดของเธอ ส่วนเฉินถิงก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรและคอยสนับสนุนเขาอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ
ในปี 2001 ลูกชายคนแรกของจางอี้โหมวเกิดขึ้นมาเขามีชื่อว่าจางอี้หนาน ซึ่งนำพาซึ่งความสุขมาให้ครอบครัวและในที่สุดตระกูลจางก็มีหลานชาย
จางอี้โหมวย้อนนึกไปในปี 1997 เป็นปีที่พ่อของเขาเสียชีวิต และก่อนเสียชีวิตได้ฝากฝังตระกูลไว้กับจางอี้โหมว บอกกับเขาว่าเขาจะต้องมีลูกชายเพื่อดำรงตระกูลเอาไว้ และในที่สุดมันก็เป็นจริง
อย่างไรก็ตามด้วยอาชีพการงานของจางอี้โหมว และกฏระเบียบของสังคม ทำให้คู่รักทั้งสองจดทะเบียนสมรสไม่ได้ งานของจางทำให้เขายุ่งมากและไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ในปีหนึ่งเขาจะแอบกลับมาหาเฉินถิงที่อู่ซีได้ไม่กี่วัน ในขณะที่เฉินถิงอายุเพียง 20 และมีลูกแล้ว เธอจะต้องเผชิญกับงานบ้านทุกอย่าง ในขณะเดียวกันก็ต้องอดทนอยู่อย่างเงียบๆ ทนกับความรู้สึกที่อยู่ตัวคนเดียวอย่างลำบาก เพื่อไม่ให้รบกวนการงานของจางอี้โหมว เธอรู้ดีว่าสังคมจีนในยุคนั้น ถ้าหากข่าวแบบนี้เปิดเผยขึ้นมันจะทำลายครอบครัวได้อย่างไร
ในปี 2004 ลูกชายคนที่ 2 ของพวกเขาก็ถือกำเนิดขึ้นมานั่นก็คือจางอี้ติงและในปี 2006 ลูกคนที่ 3 ซึ่งเป็นหญิงก็เกิดขึ้นจางอี้เจา ด้วยการเช่นนี้เฉินถิงจึงอาศัยอยู่กับลูกๆทั้ง 3 ของเธออย่างเงียบๆ ที่อู่ซี มีพ่อแม่ของเธอช่วยดูแลบ้าง ในขณะที่จางอี้โหมวก็ขะมักเขม้นทำงานหาเงินให้กับเด็กๆ อาชีพของจางประสบความสำเร็จมาตลอด
หนังของเขาก็โดดเด่นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปของสังคมจีน แต่กระนั้นชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์ทั้งการงานและครอบครัวที่มีลูกรวมกัน 4 คนทั้งภรรยาเก่าและใหม่ แต่สิ่งที่ขาดหายไปสำหรับเฉินถิงก็คือใบทะเบียนสมรส ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ครอบครัวของเฉินถิงกังวลมาก แต่เจ้าตัวเธอเองนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เธอเลี้ยงลูกด้วยความสบายใจและสนับสนุนอาชีพของสามีอย่างเงียบๆ เธอเคยบอกว่าชีวิตของเธอก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด เธอจะอยู่เงียบๆ ข้างหลัง และปล่อยให้จางอี้โหมวเป็นบุคคลสาธารณะของเขาไป
ความเหงาที่แทบจะไม่มีสามีอยู่เคียงข้างขณะที่ต้องเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คน แต่เธอก็มอบไว้ความไว้วางใจทั้งหมดให้กับจางอี้โหมว เธอชินกับความเหงาและการที่ต้องเลี้ยงลูก เธอเปลี่ยนจากเด็กหญิงอายุ 19 ที่ไม่มีประสบการณ์กลายเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความคิด
.............
แต่เมื่อข่าวฉาวเมื่อปี 2012 ออกไปทั่วเน็ต เฉินถิงรู้สึกขอบคุณสามีที่มองว่าวิกฤตมันคือโอกาสที่ทำให้เธอสามารถแต่งงานกับจางอี้โหมวได้อย่างถูกต้อง และทั้งคู่ก็ได้รับทะเบียนสมรสและกลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกกฎหมาย ในช่วงการกระทำและหลายปีของจางอี้โหมวที่ผ่านมามีเฉินผิงอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล
ปัจจุบันเฉินถิงย่างเข้าสู่วัยที่มีเลข 4 นำหน้าเธอไม่ใช่เด็กเหมือนก่อนอีกต่อไปจางอี้โหมวก็ 70 กว่าปีแล้ว เขายังคงกระฉับกระเฉงและยังดูหนุ่มกว่าอายุจริง กับลูกๆทั้ง 3 เฉินถิงก็หวังว่าลูกทั้งสามจะประสบความสำเร็จในอนาคตเช่นกัน
จางอี้หนานบุตรชายคนโตนั้นได้รับอิทธิพลจากจางอี้โหมวอย่างลึกซึ้ง และใช้เส้นทางเดียวกันกับพ่อเพื่อเป็นผู้กำกับหนัง จางอี้หนานทำหนังสั้นหลายเรื่อง ทำหนังสมัครเล่นและได้รับรางวัลมากมายในเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ๆ แม้แต่จางอี้โหมวเองก็บอกว่าดีไม่ดีลูกของเขาแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองอีก นอกจากนั้น จางอี้หนานยังเข้ากันได้ดีกับจางโมพี่สาวคนโตซึ่งคอยดูแลน้องชายคนนี้
เธอพาเขาไปกองถ่ายหนังด้วย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการทำหนัง และในหนังที่เธอกำกับก็ให้จางอี้หนานไปช่วยงานทั้งในกองถ่ายและเป็นดาราประกอบ รวมไปถึงจางอี้โหมวก็ส่งลูกชายคนนี้ไปเรียนด้านภาพยนตร์อย่างจริงจัง ไม่แน่สักวันหนึ่งก็อาจจะเป็นลูกไม้ไม่ไกลต้น
ส่วนจางอี้ติงเป็นเด็กที่มีความแข็งแกร่ง มีความเป็นอิสระ ส่วนความสนใจในเรื่องการทำหนังยังเป็นสิ่งที่เด็กคนนี้ยังต้องค้นหาต่อไป แต่จางอี้โหมวบอกว่าลูกชายคนที่ 2 นี้เป็นคนที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากกว่าคนอื่น แล้วความสนใจของเขาคือการเป็นครู ในขณะที่จางอี้เจียวลูกสาวคนสุดท้องก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่ชายทั้งสองของเธอ เธอมีทักษะในการเต้นบัลเล่ต์ที่มักจะฝึกซ้อมร่วมกับเฉินถิงผู้เป็นแม่ โดยตั้งใจไว้ว่าลูกสาวคนนี้อาจจะเป็นดาวดวงใหม่ในโลกของการเต้นรำ
สำหรับจางอี้โหมวแล้วเด็กทั้ง 3 คนนี้ยังมีเวลาที่จะพัฒนาความต้องการในอนาคตของตนเอง ในวันนี้ครอบครัวทั้ง 5 ของจางมีความสุขอบอุ่นและน่าอิจฉา ซึ่งเกิดขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมทิ้งความฝันมาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนสามีอย่างเงียบๆ เธอยอมทิ้งความฝัน ยอมสูญเสียอาชีพเพราะเลือกการแต่งงาน ครอบครัวและลูกๆ แต่สุดท้ายแล้วเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจ และมันก็นึกไปถึงคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่าเบื้องหลังของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จทุกคนมักมีผู้หญิงอยู่เบื้องหลัง
จางอี้โหมวก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่เบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนเดียว แต่มีถึง 3 คน
หนึ่งคือ เสียวฮัวคู่รักวัยเด็กที่ผลักดัน เคียงข้างให้สู้ชีวิตอย่างยากลำบาก
สองคือ กงลี่ที่พากันสู่จุดสูงสุดของอาชีพ
สามคือ เฉินถิงผู้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่มาเติมเต็มชีวิตจางให้หยุดที่เธอ
โฆษณา