คุณย่ายอดนักสืบ
.
ผู้ประพันธ์ โรเบิร์ต อาร์เธอร์
.
เกรซ(72 ปี) และ ฟอเรนซ์(70 ปี) สองพี่น้องสาวโสด *ตระกูลยูเชอร์* เดินทางไปรับมรดกจากหลานชายที่
ตอนเด็กเป็นคนไม่เอาไหน
พอๆกับพ่อของเด็กที่เป็นน้องชายของทั้งสองสาว แต่
เนื่องจากน้องชายของทั้งคู่หายตัวไปนานจนลืมไปแล้ว
ทั้งคู่จึงสรุปว่าน่าจะติดคุกในชื่ออื่น
.
หลังจากเกษียณจากการเป็นครูสองพี่น้องดำเนินกิจการห้องสมุดเล็กๆซึ่งมีรายได้เล็กๆน้อยๆ
เมื่อทราบว่าได้รับมรดกจากหลานชายที่ถูกยิงตาย จึงรีบขายห้องสมุดเพื่อนำเงินไปปรับปรุงบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ของหลานชาย(วอลเตอร)เพื่อมาทำเป็นบ้านพักรับรองนักประพันธ์และศิลปิน
.
คุณบิงแฮมชายขี้เมาตลอดวัน เป็นผู้จัดการของบริษัทที่
วอลเตอร์ทำงาน เขานั่นเองที่เป็นผู้ติดต่อให้สองพี่น้องมา
รับมรดก
แต่ในทันทีที่ 2 พี่น้องมาถึง นายขี้เมาคนนี้กลับพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทั้งคู่ขายบ้านทิ้งเสีย เพราะอยู่ในที่เปลี่ยวและน่ากลัวเกรงจะไม่ปลอดภัย แต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมจึงทำให้นาย
บิงแฮมมองเห็นความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นจากความหัวดื้อของสองหญิงชรา
.
หัวหน้าของนายบิงเฮมคือ นายกอร์ดอน หน้าฉากเปิดบริษัทค้าขายสุจริต เบื้องหลังกลับเป็นหัวหน้าองค์กรอาชญากรรม เนื่องจากวอลเตอร์ทำงานเป็นสมุห์บัญชี
ให้กอร์ดอน จึงรู้ไส้รู้พุงของนายกอร์ดอนเป็นอย่างดี
.
วอลเตอร์ได้ขโมยบันทึกเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายของกอร์ดอนไปซ่อน จากนั้นก็ขู่กรรโชกทรัพย์กอร์ดอน และกรรโชกหนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีเงินมาซื้อบ้านใหญ่โต
.
นายกอร์ดอนจึงส่งบอดี้การ์ดชื่อ ไทนี่ เป็นนักมวยรุ่นเฮฟ
วี่เวทที่ไม่ค่อยได้เรื่องมาเก็บวอลเตอร์ แต่พ่อทึ่มไทนี่ก็ไม่สามารถหาเอกสารหรือบันทึกใดๆของวอลเตอร์ได้ ทั้งๆที่แทบจะพังบ้านอยู่แล้ว
นายกอร์ดอนจึงเกิดความคิดที่จะซื้อบ้านของวอลเตอร์ในราคาถูกๆเพื่อทลายทิ้งเป็นการทำลายหลักฐานทั้งหมด
.
ความที่เกรซและฟลอเรนซ์ชอบอ่านหนังสือสืบสวนมากและอยากมีโอกาสเป็นนักสืบกับเขาจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆภายในบ้านหลังใหญ่นี้ แทนที่จะกลัวทั้ง 2 กลับตื่นเต้นที่จะได้สืบเสาะ
.
เสียงผิดปกติที่ได้ยินมาจากไทนี่เจ้าเก่าที่มาค้นบ้านอีกรอบตามที่นายกอร์ดอนสั่ง
เพื่อทำให้สองพี่น้องได้ยินเสียงแปลกๆจะได้กลัวแล้วรีบหนีไป จึงเป็นความผิดพลาดเพราะสองพี่น้องสามารถจับไทนี่
ได้และทำให้เขารับสารภาพ แต่แล้วนายกอร์ดอนก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับนายบิงแฮม
และบังคับให้สองพี่น้องนั่งอยู่กับที่ แล้วนายกอร์ดอนกับ
บิงแฮมก็ช่วยกันแก้มัดไทนี่
.
นายกอร์ดอนเห็นว่าสองพี่นัองรู้เรื่องทุกอย่างแล้วจึงต้องการเก็บทั้งคู่แต่นายบิงแฮมคัดค้าน เพราะเห็นว่าสิ่งที่ทั้งสองรู้ไม่สามารถใช้เล่นงานนายกอร์ดอนในชั้นศาลได้
.
แต่ถ้านายกอร์ดอนฆ่าคนแก่จะเป็นเรื่องใหญ่ต้องถูกตามล่าถึงที่สุด เพราะคนแก่ทั้งคู่ชวนให้ทุกคนคิดถึงแม่ที่บ้าน นอกจากนี้ไทนี่ก็ยืนยันว่าไม่เห็นคนแก่ทั้งสองค้นหาหรือหยิบจับอะไรเลย
.
ดังนั้นนายกอร์ดอนจึงซื้อบ้านหลังนั้นจากทั้งคู่ด้วยเงินที่มากพอที่จะทำให้ทั้งคู่สามารถเที่ยวรอบโลกได้ (ก็นาย
บิงแฮมขี้กลัวน่ะแหละคอยยุเจ้านายให้ยอม)และนำทั้งคู่ไป
ส่งถึงรถไฟเที่ยวเที่ยงคืน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่กลับมาอีกแน่นอน
.
เมื่อฟลอเรนซ์ขอหนังสือไปอ่าน 2 เล่มบนรถไฟ นายกอร์ดอนก็ให้ลูกน้องค้นหาจนหนังสือทั้ง 2 เล่มนั้นเหลือเพียงซากกระรุ่งกระริ่ง แต่ก็แน่นอนว่าไม่พบอะไรเลย
.
บนรถไฟเกรซบ่นกระปอดกระแปดเรื่องที่เพิ่งมาถึงได้ 3 ชั่วโมงกว่าก็ต้องกลับ แล้วฟลอเรนซ์ยอมขายบ้านในรา
คาถูกๆและปล่อยคนร้ายลอยนวล
แต่ฟลอเนซ์ได้หยิบกรอบรูปซึ่งเป็นรูปที่วอลเตอร์เรียนจบมัธยม ถ่ายภาพร่วมกับทั้งสองคนเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วขึ้นมาจากกระเป๋าถือใบใหญ่ของเธอ
.
มันคือรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา ฟลอเรนซ์แอบหยิบมันโยนใส่กระเป๋า ตอนที่นายกอร์ดอนและนาย
บิงแฮมแก้มัดไทนี่
แล้วอธิบายว่า "วอลเตอร์ไม่เคยรักพวกเรา การที่เขาเก็บรูปของพวกเราที่ถ่ายกับเขาไว้ เพราะรูปของตัวเขาที่ถ่ายกับป้ามันดูไม่น่าสงสัย
.
ดังนั้นตอนที่นายกอร์ดอนและนายบิงแฮมแก้มัดไทนี่ฉันจึงรีบหยิบภาพนี้โยนใส่กระเป๋า และถ้าทายไม่ผิดหลังรูปของพวกเราคงมีไมโครฟิล์มของเอกสารที่สามารถส่งพวกนี้เข้าคุกได้หลายปี"
.
ไมโครฟิล์มอยู่หลังรูปจริงๆ เกรซไม่เข้าใจว่าน้องสาวรู้ได้อย่างไร ฟลอเรนซ์จึงอธิบายว่า
"เธอบอกให้ฉันคิดแบบวอลเตอร์ หนังสือ 2 เล่มนี้เป็นพวกเราที่มอบให้เขา ที่เขายังคงเก็บไว้เพราะเขาชอบนักแต่งนิยายสืบสวน เอ็ดการ์ อลันโป โดยเฉพาะเรื่อง จดหมายที่ถูกฉก อยู่ต่อจากเรื่องโปรดของเขาและเรื่องโปรดของเรา
นั่นคือ "ความพินาศของตระกูลยูเชอร์"
.
เรื่องจดหมายที่ถูกฉก เป็นเรื่องแต่งของเอ็ดการ์ อลันโป มีนักสืบคนสำคัญคือ อาแซง ลูแปง ในเรื่องนี้บุคคลสำคัญของพระราชวังที่ถูกฉกจดหมายส่วนตัวไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เธอไม่อาจขัดขวางได้
.
จดหมายนั้นสามารถทำลายเกียรติยศที่สูงศักดิ์ของสุภาพสตรีท่านนั้น ผู้นำมันไปเป็นบุคคลระดับสูงของรัฐบาล
หลายเดือนมานี้มันใช้จดหมายนี้ข่มขู่เธอ และคิดว่าจดหมายยังอยู่กับรัฐมนตรีคนนี้
.
หัวหน้าตำรวจปารีสได้ร้องขออย่างลับๆกับลูแปง ทั้งยอมรับว่าแมัจะส่งตำรวจไปดักจี้ปล้น แอบค้นบ้านอย่างละเอียดก็หาไม่พบ จึงมาขอร้องลูแปงให้ช่วย โดยได้อธิบายลักษณะของจดหมายดังกล่าว
.
1 เดือนต่อมาหัวหน้าตำรวจปารีสก็มาพบดูแปงพร้อมกับรางวัล 5 หมื่นฟรังหากนำจดหมายมาได้
ลูแปงจึงส่งจดหมายให้เขา พร้อมกับอธิบายหลักคิดสรุปได้สั้นๆว่า
.
วิธีการซ่อนที่ดีที่สุดคือ ไม่ต้องซ่อน รมต.คนนี้เขาใช้วิธีเอาที่เสียบนามบัตรขนาดเล็กและเก่า มาเสียบจดหมายสกปรก ยู่ยี่และเก่าๆ เก่าจนแทบแยกเป็น 2 ส่วน เสียบรวมกับบัตรเยี่ยม 5-6 ใบ
.
หนูนิ
.
หมายเหตุ! ความล่มสลายของคฤหาสน์ยูเชอร์(Fall of the House of the Usher) เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เล่าเรื่องไปหาเพื่อนในพื้นที่ห่างไกล เขามีบ้านหลังใหญ่มีทะเลสาบล้อมรอบ
.
ตอนที่ไปถึงนั้นMadelineพี่สาวของRoderickซึ่งมีร่างกายอ่อนแอตายลง ทั้งคู่เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลนี้ เธอจะถูกเก็บไว้ในโลงเป็นเวลาสองสัปดาห์ ในสุสานของครอบครัวที่อยู่ในบ้าน ก่อนที่จะถูกฝังดินอย่างถาวร
ผู้เล่าสังเกตุว่าเธอเหมือนคนนอนหลับ แก้มทั้ง 2 ข้างเป็นสีชมพูกุหลาบด้วยซ้ำ
.
หลังจากนั้นราวสัปดาห์เศษในวันที่พายุรุนแรง Roderickกระวนกระวายและบอกว่าเขากับพี่สาวเป็นฝาแฝดกัน
เขาจึงรับรู้และได้ยินเสียงร้องที่เจ็บปวดทรมานของเธอที่พยายามออกมาจากโลงที่ผนึกไว้ตั้งแต่วันแรกที่ตาย เขา
ได้ยินเสียงนี้มาหลายวันแล้ว และจริงๆแล้วเธอยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เธอถูกใส่โลง
.
ในทันใดนั้นประตูห้องนอนถูกเปิดออกเผยให้เห็นMadelineที่เลือดไหลโซมกายจากการพยายามอันยากลำบากของเธอ
ด้วยความโกรธแค้นเธอโจมตีน้องชายของเธอทำให้เขากลัวจนตายขณะที่ตัวเธอเองสิ้นชีวิต
.
จากนั้นผู้เล่าก็วิ่งออกจากบ้าน และในขณะที่เขาสังเกตเห็นแสงจันทร์วาบตามหลังเขา เขาหันกลับไปเห็นดวงจันทร์ส่องผ่านรอยแยกที่กว้างใหญ่ในบ้านอย่างกะทันหัน House of Usher ก็แยกออกเป็นสองส่วนและจมลงไปในทะเลสาบ
.
ปริศนาของเรื่องก็คือ ทำไมRoderickไม่ไปช่วยพี่สาว????
หนูนิจะไม่เฉลยค่ะ อยากให้ผู้อ่านซึ่งแต่ละท่านล้วนมืออาชีพ หาคำตอบเอง ค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
