18 มิ.ย. 2023 เวลา 03:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ผัวเมียคู่นึง
ผัวขี่วิน เมียเป็นแรงงานต่างด้าว
คอยคัดขนาดปลา ที่สะพานปลา
ผัวขับวินตั้งแต่ ตี5 ถึงบ่าย3 ได้500
เมีย ทำงานสะพานปลา ตี1 ถึง2โมงเช้า
ได้…500 สองคนผัวเมีย มีรายได้วันล1,000
5 โมงเย็นของทุกวัน
เขาสองคน จะไปรับจ้าง ตั้งแผง
ขึ้นโครงเหล็ก กางผ้าใบ ให้กับ
แม่ค้าตลาดนัด ริมฟุตบาท
มีรายได้แผงละ 800 ต่อเดือน
วันนึงตั้งกันสองคนผัวเมีย
ประมาณ20 แผง บางแผง
จ้างเก็บด้วย ได้แผงละ1200
รายได้จากการตั้งแผง
16,000-17,000 ต่อเดือน
ตั้งแผงเสร็จ เขาก็กลับบ้าน
นอน พักผ่อน เพื่อออกไปทำงานพรุ่งนี้
เกือบสิบปีที่ทำ มีเงินเก็บหลายแสน
ผัวชอบกินหอยทอด
คิดอยากขายหอยทอด
เพราะ เหนื่อยจากงานที่ทำ
ก็เลยชวนเมีย ไปเรียนฟรี
ที่เขาเปิดสอนอาชีพ
ฝึก หัด ทดลองทำ จนเก่ง
ก็หาทำเลเปิดร้าน สุดท้าย
ได้ห้องแถวเล็กๆห้องนึง
เปิดร้านหอยทอด ทำ สู้ อดทน
อยู่อย่างนั้นเป็นสิบปี
สามารถ มี 3 สาขา
ผัวสาขานึง เมียสาขานึง ลูกอีกสาขา
รายได้วันนึง 3 สาขา วันละแสนกว่า!
เดือนละ 3ล้านกว่า ปีละ30 กว่าล้าน
หักต้นทุน เหลือเก็บ ปีละเกือบ สิบล้าน
ปัจจุบัน ผัวขับเบนซ์ เมียมี บีเอ็ม
ลูกชายขับ อัลพาร์ท มีบ้านที่ปากช่อง
ราคา 15 ล้านบาท สร้างบ้านที่ลาว
ให้พ่อแม่ 5 ล้านกว่า
จากวิน มอเตอร์ไซค์
จากกรรมกรสะพานปลา
สู่เศรษฐี หลักสิบๆล้าน
นั่นเพราะ…ขยัน อดทน ต่อสู้
ไม่เกี่ยงงาน อะไรได้เงินเอาหมด
ที่สำคัญ เรียนรู้ พัฒนาตัวเอง
อะไรไม่รู้ ก็ไปเรียน อะไรทำไม่เป็นก็ฝึก
เอาเรื่องราวมาฝาก
เป็นแรงบันดาลใจ เป็นกำลังใจ
ให้เรียนรู้ว่า เราทุกคนสามารถ
ประสบความสําเร็จได้ มีชีวิตดีๆได้
แม้จุดสตาร์ท อาจเสียเปรียบคนอื่น
แต่ถ้าไม่ยอมแพ้เสียอย่าง
ยังไงก็สำเร็จ
ถอดบทเรียน
“วิธีเป็นคน 1% ที่ ”หาเงินเก่ง” ที่สุด
ไม่ใช่เป็นตัวเองให้มากที่สุด
แต่ใช้ "จุดเด่นของตัวเอง" แล้ว
ยกระดับให้เป็นตัวตนใหม่ ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
.
1. มีประโยคหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ แต่การไม่มีเงิน ไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย” แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือข้อเท็จจริงในสังคม เพราะ “เงิน” ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่แลกเปลี่ยน แต่มันหมายถึง “อำนาจ” และ “เสรีภาพ” ของผู้คน
.
2. ในหนังสือ “วิธีเป็นคน 1% ที่ ”หาเงินเก่ง” ที่สุด” ของคุณเฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูลบอกเอาไว้ว่า ความลับของคนรวยคือพวกเขามีความคิดที่คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมที่สุด เป็นเลิศที่สุด เก่งที่สุด และเชื่อว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง ไม่ได้หมายถึงการเอาเงินฟาดหัวแล้ว
แลกมากับสิ่งที่ต้องการ แต่หมายถึงพวกเขาเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนประสบความสำเร็จ พวกเขาไม่มีขีดจำกัดในตัวเอง และไม่ให้ใครมาตัดสินขีดจำกัดของพวกเขา แม้จะเป็นคำพูดจากคนรอบข้างที่มาในรูปแบบความปรารถนาดี แต่อย่านำคำพูดเหล่านั้นมาหักล้างไม่ให้ตัวเองเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าสามารถทำได้
.
3. สิ่งที่น่าสนใจในหนังสือยังมีจุดหนึ่งที่ชี้ได้เห็นภาพคือ ความแตกต่างของคนรวยและคนจน เพราะคนรวยมักจะมองภาพของตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้า พวกเขาจะมองว่าตัวเองจะเป็นยังไง ยืนอยู่ในจุดไหน วางแผนชีวิตในระยะยาวของตัวเอง แต่ในทางกลับกัน คนจนมักจะวางแผนเพียงแค่สุดสัปดาห์นี้ตัวเองจะทำอะไรดีเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ของทั้ง 2 คนย่อมแตกต่างกันแน่นอน เพราะการวางแผนก็เหมือนเป็นเข็มทิศที่คอยบอกทางว่าคุณจะเดินไปข้างหน้ายังไง หากไม่มีแผนแล้วจะผ่านไปกี่ปีคุณก็ยังคงอยู่ที่เดิมเหมือนกับการเดินทางที่ไร้เข็มทิศ
.
4. การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่หลายคนควรทำคือ “เปลี่ยนแปลงชีวิตในสิ่งที่ตัวเองไม่พอใจ” เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการชินชากับการอยู่ที่เดิม หากทนต่อไปเรื่อย ๆ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาแม้จะผ่านไปอีกกี่ปี มันก็จะได้รับกลับมาเหมือนเดิม คนเราไม่มีวันจะได้รับสิ่งที่ต้องการ จนกว่าจะยอมรับว่าตอนนี้คุณกำลังทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ต้องการ และไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง
.
5. จริง ๆ แล้วคนที่หาเงินเก่งมีบางอย่างที่คล้ายกันคือ
O ความฉลาดที่ไม่ได้หมายถึงความรู้ แต่มันคือฉลาดคิดและโฟกัสที่ความท้าทาย เช่นเดียวกับการทำธุรกิจที่ในช่วงแรก หากคิดแต่จะเอากำไร โฟกัสไปที่เงินอย่างเดียว ยังไงก็ไปไม่รอด ให้หันมามองที่ผลลัพธ์ ทำอะไรแล้วออกมาดี สุดท้ายเงินจะตามมาเอง
O ความกล้าในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำ
O ความขยันในการทำต่อเนื่อง แม้จะมีอุปสรรคแต่ก็ไม่ย่อท้อและทำมันต่อไป
แต่ก็ใช่ว่าจะมีข้อใดข้อหนึ่งแล้วจะทำให้สำเร็จ เพราะทุกอย่างจำเป็นต้องทำควบคู่และสอดคล้องกัน
6. คนที่ประสบความสำเร็จมักจะเลือกงาน ไม่ใช่งานที่ได้เงินเยอะ แต่เป็นงานที่พวกเขารักและมี Passion ไปกับมัน ทำในสิ่งที่เป็นตัวตนของตัวเอง งานในลักษณะที่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้เต็มที่ รวมถึงงานนั้นมันต้องสะท้อนถึงเป้าหมายของตัวเองด้วย และต้องให้คุณค่ากับตัวเอง
.
7. หัวใจสำคัญของการทำงานไม่ใช่การตั้งเป้าหมายไปที่เงินเพียงอย่างเดียว เพราะถึงแม้เงินจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือ “เวลา” เป้าหมายในการทำงานไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเสมอไป มองให้ออกว่าอะไรสำคัญกับชีวิต อย่าทุ่มไปกับเพียงแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะคุณสามารถมีทั้ง “เงิน” และ “เวลา” ไปพร้อม ๆ กันได้
.
8. สูตรความรวย = ระดับความทะเยอทะยาน (คิดใหญ่ไว้ก่อน) + ระดับความพยายาม (พัฒนาความสามารถของตัวเอง) + ระดับความกล้า (กล้าที่จะทำ) + ระดับความมุ่งมั่น (ไม่ย่อท้อ ล้มแล้วลุก)
.
9. เพิ่มรายได้ดีกว่าลดความต้องการ บางคนอาจใฝ่ฝันที่อยากจะมีบ้านหลังใหญ่ รถสุดหรู แต่บางคนอาจมองว่าไม่มีทางทำได้หรอก ขออยู่แบบพอเพียง พอมีพอกินแบบที่ตัวเองทำได้ดีกว่า การคิดแบบนั้นเหมือนเป็นการปิดกั้นตัวเอง แทนที่ลดความต้องการ และลดความพยายามตัวเอง เปลี่ยนเป็นการหาวิธีเพิ่มรายได้ให้ตัวเองเพื่อเพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการเหล่านั้นจะดีกว่า
.
10. สำคัญกว่าเงินเก็บคือการใช้เงินอย่างชาญฉลาด มีเงินมากไม่ได้หมายความว่าจะใช้ไปกับอะไรก็ได้ สิ่งที่คุ้มค่ากับการใช้จ่ายคือ ลงทุนไปกับความสุขที่ไม่ได้หมายถึงของฟุ่มเฟือย แต่หมายถึงการซื้อประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง หรือ การลงทุนเพื่อตัวเองไม่ว่าจะเป็น เพิ่มทักษะให้ตัวเอง ลงทุนในธุรกิจหรือหุ้นเพื่อต่อยอดเงินจากเดิมให้มีมากขึ้น
.
11. ขีดจำกัดไม่ใช่สิ่งกีดขวางความสามารถของตัวคุณเอง ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่จะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ ความกล้าและความฝันในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นไม่เรื่องที่ผิด เพราะมันเป็นเหมือนภาพแรกแห่งความสำเร็จที่คุณจะได้มองเห็นตัวเองยืนอยู่บนนนั้นด้วยคุณค่าและความสง่างามของตัวเอง
.
.
โฆษณา